วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เดชแม่ยายBYนีโอ ตอนที่ 3


....รักต้องสู้ แล้วต้องสู้เพื่อรัก เดชแม่ยายBYนีโอ ภาค ปฐมบท ตอนที่ 3

….รุ่งแจ้งแสงอรุโณทัยส่องฟ้า วันนี้ผมตื่นสายเพราะว่าเมื่อคืนไปส่งสร้อยที่บ้านของเธอและกลับมาเกือบๆเที่ยงคืน ซ้ำยังเสียพลังในการไปส่งมาเยอะ เลยค่อนข้างจะเพลียอักโข ผมลงมาล้างหน้าล้างตาและกลับขึ้นไปกินข้าว แต่ยังไม่ทันอิ่ม แลไปก็เห็นรถของแป๊ะฮงวิ่งมาจอดที่หน้าเรือน แป๊ะฮง ไอ้เม้งและลูกสมุนเดินกร่างลงมาจากรถ พ่อเดินออกไปรับ แน่นอน พวกมันต้องมาทวงเงินที่ติดหนี้พร้อมดอกเบี้ยอีกครั้งแล้ว

....แป๊ะฮงมาถึงก็เรียกพ่อผมมาคุยด้วย”อั๊วะว่าลื้อยอมขายที่ตรงนี้ให้อั๊วะดีกว่า อั๊วะจะให้ราคาลื้อเต็มที่ หักที่ติดหนี้แล้วยังเหลือไปชื้อที่ใหม่อยู่กันได้สบายๆเลย ไม่ต้องมาติดหนี้อั๊วะแล้วต้องให้อั๊วะมาทวง ให้รำคาญอย่างนี้..”ผมเดินลงมาสมทบและได้ฟังในสิ่งที่แป๊ะฮงพูดด้วย”ข้าไม่ขายหรอกแป๊ะ ที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดกันมาหลายชั่วคน ปู่ของปู่สั่งต่อๆกันมาว่าห้ามขายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แค่ข้าเอาไปจำนำกับแป๊ะ ก็ผิดมหันต์แล้ว ผีปู่ผีย่าถึงลงโทษให้พวกข้ายากจนอยู่นี่ไง..”แป๊ะฮงท่าทางไม่พอใจ มันมองพ่ออย่างดูแครน”ลื้อนี่มันงมงายน่ะ ถ้าผีปู่ผีย่าของลื้ออีรักลื้อจริง คงจะช่วยหาทางบัลดารให้ลื้อร่ำรวยบนที่ดินนี่แล้ว ไม่มาจนดักดานอยู่อย่างนี้หรอก..”ผมเองก็ไม่พอใจที่แป๊ะฮง ด่าถึงบรรพบุรุษของผม”แล้วแป๊ะล่ะ ข้าเห็นแป๊ะอยากได้ที่ของพ่อข้าจังเลย และไอ้ที่ตรงนี้มันก็ใช้ปลูกใช้ทำอะไรไม่ได้ แกจะอยากได้เอาไปทำอะไร...”ไอ้เม้งท่าทางไม่พอใจเดินออกมาจากด้านหลังของแป๊ะฮง”มึงอย่าเสือกได้ไหม ผู้ใหญ่เขากำลังคุยกัน”แป๊ะฮงยกมือห้ามไอ้เม้งและโบกมือไล่ให้หลบไป ก่อนเดินเข้ามาหาผม”อั๊วะอยากได้ที่ตรงนี้ไว้ทำฮวงซุ้ยสุสานของตระกูลอั๊วะ...”

...แป๊ะฮงหันหลังแล้วกางแขนขึ้น พลางบรรยายถึงสภาพของพื้นที่”ที่ตรงนี้..อั๊วะพาซินแสมาตรวจดูแล้ว ทำเลมันเหมาะที่จะทำฮวงซุ้ย แต่ล่ะทิศมีตำแหน่งประธาน มีที่มาของพลัง อาณาบริเวณของเนินนี้เป็นตำแหน่งของหงส์ขาว มังกรเขียวรวมกัน ด้านหลังเป็นแม่น้ำสายใหญ่ก่อเกิดกระแสของพลังที่โอบอุ้ม รอบๆเนินที่นี่มีภูเขาใหญ่ล้อมรอบ ประหนึ่ง เป็นกำแพงเมืองอันแข็งแกร่ง นับว่าเป็นชัยภูมิอันยอดเยี่ยมมาก..”ผมส่ายหัวในความคิดของมัน”ไหนแป๊ะว่าเรื่องผีปู่กับผีย่าของข้างมงายไง แล้วของแกไม่งมงายกว่ารึ..”แป๊ะฮงหันมาทำหน้าเครียด”หุบปาก...บังอาจมาก..อย่ามาพูดจาสามหาวดูถูกตำราจีนเป็นอันขาด ว่าไงลื้อกับพ่อของลื้อจะขายที่ขาดให้อั๊วะไหม...”พ่อยังคงยืนนิ่ง ส่วนไอ้เม้งที่ยืนอยู่นานออกความเห็นบ้าง”เตี๋ย...อั๊วะว่ายึดเลยดีกว่า อย่ามัวมาเสียเวลาคุยกับพวกมันอยู่เลย ยังไงๆดูแล้วอั๊วะว่าวันนี้มันก็คงไม่มีเงินจ่ายค่าดอกเราอยู่แล้ว..”แป๊ะฮงยิ้ม แล้วเอามือไพร่หลัง”อั๊วะเองก็ไม่อยากสร้างฮวงซุ้ยจากน้ำตาของใคร มันเป็นอัปมงคล แต่ถ้าพวกลื้อยังยืนกรานไม่ขาย อั๊วะก็ต้องทำตามข้อเสนอของอาเม้ง...ว่าไงพวกลื้อจะเอายังไง..”ผมเดินไปเผชิญหน้ากับแป๊ะฮง จ้องตากร้าว”แป๊ะ..ถ้าแกตายแล้วอยากเอาศพตัวเองมาฝังไว้ที่นี่นะ ไม่ต้องมาบีบชื้อที่ของพ่อข้าหรอก ข้าจะให้ฝังฟรีๆเลย แล้วจะสร้างศาลแถมให้ด้วย แกจะได้มาเป็นผีเฝ้าที่ของพ่อแล้วคอยรับใช้ผีปู่ผีย่าของข้าด้วย...”แป๊ะฮงและไอ้เม้งรวมทั้งลูกสมุนของมันทำท่าโมโหกันใหญ่ โดยเฉพาะ ไอ้เม้งแทบเต้นผางๆ”มึง...มันจะมากไปแล้วนะ...”มันหันไปมองแป๊ะฮง”เตี๋ย..ยึดที่ของมันเลย ไม่ต้องคุยกันแล้ว ยิ่งคุยกับมันเหมือนเป็นขี้กราก ลามปามไปเรื่อย..”แป๊ะฮงทำปากขมุบขมิบ ตาตี่ๆเบิกขึ้น”ลื้อนี่มัน...ก้าวร้าวจริงๆ ในเมื่อสวรรค์มีทางให้เดิน ลื้อไม่เดิน ลื้อเลือกที่จะลงนรก อั๊วะก็จะไม่ขัด เอาเงินค่าดอกเบี้ยของเดือนนี้มา 6000 บาท ขาดแม้นสลึงหนึ่งก็ไม่ได้ ถ้าไม่มีภายใน 12 ชั่วยามลื้อจงออกไปจากที่ตรงนี้โดยไม่มีข้อแม้นใดๆทั้งสิ้น...”ผมคิดแล้วมันต้องมาลูกนี้ พ่อดูเครียดและมองหน้าผม”ทำไงดีว่ะ ข้าไม่มีให้มันเสียด้วย เอ็งไม่น่าไปยั่วพวกมันเลย จะได้ต่อรองกันสักหน่อย..”ผมยิ้มแล้วบอกพ่อใจเย็นๆ พ่อยังคงเครียดดุผม”ใจเย็นกะผีอะไรเล่า พวกมันเอาจริงแน่ เอ็งนี่มันชอบหาเรื่องเดือดร้อนจริงๆ”

....ผมล้วงกระเป๋าหยิบเงินสด 6000 บาทส่งให้แป๊ะฮง”เอ้านี่เงินของแก นับดูด้วยครบไหม..”พ่อและพวกแป๊ะฮงแปลกใจและงุนงงว่าผมไปเอาเงินมาจากไหน แป๊ะฮงรับเงินไปนับอย่างผิดหวังแล้วส่งให้ไอ้เม้ง”แล้วหลังเกี่ยวข้าว ข้าจะเอาเงินไปใช้หนี้เงินต้น แล้วพวกแกกับบ้านของข้า จะได้สิ้นสุดกันทีไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน..”พวกแป๊ะฮงต้องล่าถอยกลับไปด้วยความผิดหวัง พ่อเดินมาถามผมด้วยความสงสัย”เอ็งไปเอาเงินมาจากไหนว่ะ..ไม่ได้ไปปล้นชิงใครมาใช่ไหม..”ผมมองหน้าพ่อแบบไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ฉุดคิดได้ว่า พ่อคงไม่อยากเห็นผมเป็นโจรขโมย แต่ก็ไม่บอกตรงๆบอกไปเป็นนัยๆว่า”ความรักน่ะ..ทำให้คนเราทำได้ทุกอย่างแหละ...จริงไหมพ่อ..”แล้วผมก็เดินออกไปจากตรงนั่น ปล่อยให้พ่อเกาหัวบ่นว่า มันพูดอะไรของมันวะ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเงิน 6000 เลย...

....ผมเดินมาเรื่อยๆวันนี้ผมมีนัดต้องไปเรียนกับครูสมบูรณ์ ระหว่างทางก็ผ่านบ้านของสร้อยด้วยความตั้งใจของผมเองด้วยที่จะมา สร้อยยืนเก็บผักอยู่ที่แปลงข้างๆรั้วบ้าน ผมย่องไปแล้วโผ่ลเล่นจ๊ะเอ๋กับสร้อย”จ๊ะเอ๋...น้องสร้อยคนสวย ทำอะไรอยู่” และเธอทำท่าตกใจยกมือขึ้นทาบอก”ตกใจหมดเลยพี่...เล่นอะไรบ้าๆน๊ะ..”ผมรีบเข้าไปประคองและทำท่าจะหอมแก้ม”ตกใจมากไหมจ๊ะ...โอ๋ขวัญเอ๊ย...ขวัญมามาอยู่กับเนื้อกับตัว”สร้อยเอามือผลักตัวผมออกมาท่าทางจะโมโห”ไม่ต้องเข้ามาเลย เล่นกับสร้อยอย่างนี้สร้อยเกลียดแล้ว”สร้อยทำท่ากระเง้ากระงอดหัหลังให้ผม จนผมต้องเดินมาโอบเอวจากด้านหลัง”แหมหน้าตาหล่อๆอย่างพี่นี่ สร้อยเกลียดได้ลงหรือ ทั้งหมู่บ้านนี่หาไม่ได้อีกแล้วนะ..”สร้อยหันมามองแล้วเบะปาก”ฮึ่มมม...ต่อหน้าก็คงว่ามีแต่สร้อย พอลับหลังคงแอบสาวๆไว้เต็มเลยละซิ...”แหมทำเป็นงอน ผมดึงสร้อยเข้ามากอดแน่นอีก”พูดอย่างงี้นี่ หึงพี่หรอ รับรองพี่ทำอย่างเมื่อคืนนี้ ทำแต่กับสร้อยคนเดียวเท่านั้น เพราะมีแต่สร้อยยอมให้ทำคนเดียว..”สร้อยหน้าแดงหันมาฟาดผมด้วยตระกล้าใส่ผักจนผมล้มหัวทิ่ม”บ้า....พูดบ้าๆ”แต่พอเห็นผมล้มคะมำก็ตกใจวิ่งเข้ามาประคอง”ว้าย...เป็นไงบ้างพี่..”ผมได้โอกาสจึงเอาหน้าซุกเข้าตรงหน้าอกนุ่มๆของสร้อย”ทำไมเล่นกับพี่แรงจังเลยวันนี้”ผมถามสร้อยที่เอามือลูบหน้าลูบตาผมด้วยความเป็นห่วง”แหมก็คนมันเขินนี่พี่..”ผมเลยต้องพูดเบรกเธอไว้บ้าง”ทีหลังก็ยั้งมือไว้บ้างนะ เล่นกับพี่อย่างนี้ เกิดพี่ช้ำในตายไป จะต้องหาผัวใหม่นะ..”สร้อยปล่อยมือจนผมหงายท้องลงกับพื้นตายก็ตายไปซิ อย่างสร้อยแค่ถกผ้าหนุ่มๆก็วิ่งมาแย่งกันเป็นผัวแล้ว”สร้อยทำงอนเดินไปเก็บผักต่อ

....ผมลุกขึ้นเดินมาช่วยสร้อยเก็บผัก สร้อยเหลือบมามองแล้วถาม”นี่จะไปไหนแต่เช้าเลยล่ะ...”ผมเก็บดอกแคได้กำมือก็หันมามองหน้าสาวคนรักยิ้มๆ”ตั้งใจจะมาหาสร้อยนี่แหละ และจะไปบ้านครูสมบูรณ์ด้วย ว่าแต่สร้อยไม่ไปไหนหรอวันนี้...”สร้อยทำอายๆ”อยากไปเหมือนกันแต่ไปไม่ไหว..”ผมถามอย่างแปลกใจ”เป็นอะไรไปล่ะ...”สร้อยหน้าแดงตอบเสียงในลำคอ”ก็พี่น่ะสิ...เมื่อคืนทำสร้อยทั้งแสบทั้งระบมไปหมด เช้าตื่นมาลุกเดินแทบไม่ไหว..”ผมหัวเราะร่วน สร้อยอายหน้าแดงเอื้อมมือข้ามรั้วมาหยิกผม”ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก..คนบ้าทำไม่บันยะบันยัง..”ผมอยากจะตอบว่าแล้วตอนโดนไม่เห็นร้องห้ามเลย มีแต่บอกแรงๆเร็วๆ แต่กลัวเธอจะโกทธจริงๆ เดี๋ยวจะไม่มีครั้งหน้าอีก...

....ขณะเราคุยกันอยู่ พ่อกับแม่ของสร้อยก็เดินมาโดยมีไอ้เม้งเดินตามมาด้วย ทั้งหมดเดินมาจนถึงตรงที่สร้อยยืนอยู่ พ่อของสร้อยหันมาเห็นผมก็เอาไม้ตะพดชี้หน้าผมแล้วพูดด้วยความเดือดดาลว่า ”มึงอยู่ด้วยก็ดีแล้ว...จะได้สะสางกันทีเดียวเลย..”แล้วพ่อของสร้อยก็หันไปตวาดสร้อยเสียงดัง”นังลูกไม่รักดี...”สร้อยทำหน้างงๆ”พ่อโกทธสร้อยเรื่องอะไรหรอ”เสียงของสร้อยอ้อมแอ้ม”ยังจะมีหน้ามาถามอีก นี่ถ้าเจ้าเม้งไม่มาเล่าให้ฟัง ข้าก็คงไม่รู้ว่าเอ็งสิ้นคิดขนาดขโมยเงินของพ่อไปให้ไอ้สารเลวนี่...”เจ้าเม้งยิ้มจนตาตี่ๆของมันติดกันสนิท”ฉันว่าถ้าจะไม่ใช่ให้เงินกันอย่างเดียวด้วยม้าง...ให้อย่างอื่นด้วยหรือเปล่า...”ไอ้เม้งช่วยพูดยุจนพ่อและแม่สร้อยหันมามองอย่างไม่พอใจ ไอ้เม้งเลยต้องหยุดพูดและหลบตา"”ไอ้เม้ง..ไอ้ปากหมา มึงพูดมานี่ มึงกล่าทหากูนะนี่ มึงเห็นกับตาเรอะ..”สร้อยหันไปด่าไอ้เม้ง พ่อของสร้อยกัดฟันดุด่าลูกสาวอย่างเจ็บใจ”กูอยากจะเอาเลือดของมันออกมาดูจัง อยากจะรู้นักว่ามันไปเอาเลือดชั่วๆเลวๆนี้มาจากใคร..”สร้อยก้มหน้านิ่งยอมรับแต่โดยดี ขณะที่แม่ของเธอมองสร้อยอย่างผิดหวัง”สร้อย...เอ็งทำตัวอย่างนี้แม่เสียใจมากรู้ไหม..”แล้วแม่ของสร้อยก็หันมาทางผม”ฮึ่ม...เพราะมึงแท้ๆ..”แม่ของสร้อยชี้หน้าผม”ไอ้สารเลว...มึงหลอกลูกกูให้ขโมยเงินไปให้มึงใช่ไหม...”ผมยังยืนนิ่งนึกพูดแก้ตัวอะไรไม่ออก ใช่แล้วครับ เมื่อคืนก่อนที่ผมจะกลับ สร้อยแอบขโมยเงินของพ่อเธอมาให้ผม เพื่อไปจ่ายค่าดอกเบี้ยไอ้เม้ง แม้นผมจะไม่ยอมรับแต่เธอก็ยัดใส่มือผม และบอกให้ผมขยันขันแข็งหาเงินมาใช้หนี้และสู่ขอเธอไวๆ “เอ่อ...คือว่า..เอ่อ..”ผมพูดอะไรไม่ออก ไอ้เม้งได้ทีชี้หน้าผม”นั่นไงมันยอมรับแล้ว ป้าแจ้งตำรวจจับมันเลย แล้วเพิ่มข้อหาหลอกลวงกับพรากผู้เยาว์ด้วย..”ผมมองหน้าไอ้เม้งเจ็บใจที่มันเอาความมาบอกพ่อของสร้อย จึงทำให้สร้อยตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก”มึงไอ้เม้ง ไอ้ระยำ ไอ้คนขอยืมปากหมามาใช้ มึงอยากได้หน้านักหรือไง หน้ามึงยังใหญ่ไม่พอใช่ไหม เงินนั่น กูไม่รู้ว่าสร้อยขโมยมา ไม่งั้นกูไม่รับมาให้สร้อยต้องลำบากอย่างงี้หรอก...”ไอ้เม้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ และโวยวายขึ้นยุให้พ่อของสร้อยเกลียดผมเพิ่มขึ้น”อย่าไปเชื่อมันนะอา ไอ้นี่มันหวังมาหลอกเงินและเจาะไข่แดงของสร้อยเท่านั้น.มันไม่มีความจริงใจให้กับสร้อยหรือใครทั้งนั้น.” สร้อยยืนนิ่งก้มหน้ามองพื้นแล้วตะโกนออกมาว่า”ไม่มีใครหลอกสร้อยทั้งนั้น สร้อยทำของสร้อยคนเดียว พี่เขาไม่เกี่ยว...”

....พ่อของสร้อยกัดฟันกรอดๆ”นังลูกไม่รักดี อุตส่าห์เลี้ยงมาหวังจะให้ได้ผัวดีๆ ดันใฝ่ต่ำไปชอบพอกับไอ้สารเลวนี่ ทำตัวต่ำๆให้กูอับอายขายขี้หน้าชาวบ้านจริงๆ...”แม่ของสร้อยเดินมาจับแขนแล้วลูบหัว”สร้อย...เอ็งทำให้พ่อเสียหน้าและเสียใจมาก รู้ตัวไหม ทำไมถึงทำตัวอย่างนี้..”สร้อยยังคงยืนก้นหน้า ผมเห็นมีน้ำตาซึมออกมา เธอเม้มปากจนสั่น ฝ่ายไอ้เม้งยืนขำอย่างสะใจ ไอ้ชาติชั่วเอ้ย....”พ่อกับแม่สอนสร้อยมาแต่เด็กว่าให้เป็นคนดีมีเมตรตา ก็ในเมื่อพี่เขากำลังลำบาก และหนูก็รักพี่เขาจริงๆ และพี่เขาก็รักสร้อย จะไม่ให้สร้อยช่วยเขาได้ยังไง คนรักกันก็ต้องช่วยกันตอนที่กำลังเดือดร้อนสิ พ่อเองก็เคยเล่าให้ฟังนี่ ว่าแม่เคยให้พ่อยืมเงินตอนที่พ่อกำลังลำบาก”คำพูดของสร้อยทำเอาพ่อของเธอสะอึก หันไปมองหน้าแม่ของสร้อย”ยังไงเอ็งก็ผิดที่ขโมยเงินของข้า..”พ่อสร้อยเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร”แต่แม่ติดใจอยู่อย่างเดียว ไอ้นี่มันมีดีตรงไหนถึงทำให้เอ็งยอมทำถึงขนาดนี้..”แม่สร้อยถามตรงๆ”ก็สร้อยรักพี่เขานี่ ความรักของสร้อยไม่มีเหตุผล ถ้าพ่อเป็นพี่เขา แล้วแม่เป็นสร้อย แม่ก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกันใช่ไหม เพราะแม่รักพ่อ...”คำตอบของสร้อยทำเอาพ่อของเธอฮึดฮัดชี้หน้าด้วยไม้ตะพด”กูไม่นึกเลยว่ามึงจะย้อกย้อนกูอย่างงี้ มันน่าแพ่นกบาลเอาเลือดหัวออกจริงๆ แต่เอาเหอะ ที่แล้วมาก็ช่างมัน ต่อแต่นี้มึงห้ามคบกับไอ้นี่ แล้วมึงด้วย...”พ่อของสร้อยหันมาทางผม”ต่อแต่นี้มึงอย่าเสนอหน้ามาที่บ้านของกูอีก ถ้ากูเห็นหน้าของมึงอีก กูจะยิงมึงให้ดิ้นเหมือนหมาเลย”แม่ของสร้อยประคองสร้อยเข้าบ้าน สร้อยฮึดฮัดไม่ยอมไปจนพ่อของเธอเงื้อไม้ตะพดทำท่าจะตีสร้อยจึงยอมเดินไปแต่ก็หันมามองผมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ “ไปให้พ้นหน้ากู ไป..” พ่อของสร้อยชี้ไม้ตะพดมาที่ผม”ออกไปให้พ้นๆจากบ้านของกูได้แล้ว อย่าโผ่ลมาให้เห็นอีก และจำใส่กบาลโง่ๆของมึงด้วยว่า กูขอสั่งห้ามมึงยุ่งกับลูกสาวของกูอีก” พูดจบแล้วก็หันหลังเดินตามไป ส่วนไอ้เม้งทำหน้ายิ้มเยาะเย้ยผมแล้วรีบเดินตามไปด้วย ผมยืนมองจนทั้งหมดหายเข้าไปในบ้าน แล้วผมก็ถอนใจเดินต่อไปที่บ้านของครูสมบูรณ์...

....ผมมาถึงบ้านของครูสมบูรณ์ วันนี้ครูสมบูรณ์สอนผมให้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง แต่ผมซึมๆนั่งคิดถึงแต่เรื่องของสร้อย จนครูหนุ่มบอกผมให้กลับบ้าน”ทำไมล่ะครับ ครูเบื่อสอนผมแล้วรึครับ..”ครูหนุ่มยิ้มอย่างอารีย์”เปล่าหรอก แต่ดูนายไม่มีสมาธิเลย คนเมื่อไม่มีสมาธิก็ไม่อยากรับรู้อะไร วันนี้นายกลับไปตั้งสติก่อนดีกว่าถ้าพรุ้งนี้พร้อมก็ค่อยมาใหม่ “ผมถอนหายใจ เก็บของแล้วทำท่าจะกลับ ผมหันไปถามครูหนุ่ม”ทำไมครูถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ ครูเบื่อชีวิตในเมืองกรุงหรือครับ”ครูหนุ่มยิ้มแล้วตอบผม”ความจริงฉันไม่ได้เบื่อชีวิตในกรุงเทพฯหรอก เพียงแต่รู้สึกว่าใช้ชีวิตในกรุงเทพฯมันฉาบฉวยไปหน่อย ฉันอยากใช้ชีวิตในมุนอื่นบ้าง...”ผมมองหน้าครูหนุ่ม ครูคนนี้มีมุนมองชีวิตที่แปลกจริงๆ”ผมอิจฉาครูจังเลยที่มีทางเลือก แต่ผมไม่มีทางเลือกเลย..”ผมบ่นท้อใจในชีวิต”ใครว่าไม่มีทางเลือก ชีวิตของทุกคนมีทางให้เลือกทั้งนั้น แต่คนเราไม่ค่อยเลือกทางดีๆให้ตัวเองต่างหาก...”ผมถอนหายใจมองออกไปทางบ้านของสร้อย ครูหนุ่มเดินมายืนข้างๆผมมองไปทางเดียวกัน”นายต้องกล้าที่จะทำเพื่อคนที่นายรัก กล้าที่จะคิดจะตัดสินใจ เพราะต่อไปนายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชีวิตของเขา ความรักเป็นแค่ก้าวแรกของชีวิตคู่ แต่หลังจากก้าวพ้นก้าวนี้ไปได้แล้วนั่นแหละจะได้เจอของจริงแล้ว..”ผมมองหน้าครูหนุ่มอย่างสงสัย”ครูพูดเหมือนเคยมีเมียมาก่อน..”ครูหนุ่มหันมายิ้มให้ผม”ไม่เคยหรอก แต่ผมเห็นตัวอย่างมาหลายคู่แล้ว...”ผมยังคิดถึงเรื่องที่สร้อยถูกดุด่าเมื่อช่วงเช้า สร้อยกล้าที่จะทำเพื่อผมโดยไม่คิดหวาดกลัวต่อผลที่ตามมา แล้วทำไมผมจึงไม่กล้าที่จะทำเพื่อเธอบ้าง ใช่แล้วผมหันมายกมือไห้วลาครูหนุ่มพร้อมรอยยิ้มบนหน้า”ขอบคุณครับคุณครู ครูชี้ทางสว่างให้ผมจริงๆเลย คนเราต้องกล้าครับ เมื่อกล้าที่จะรัก เราก็ต้องกล้าที่จะทำเพื่อรักโดยไม่กลัวสิ่งขวางกั้นด้วย ผมไปล่ะครับ..”ครูหนุ่มทำหน้างงๆ”จะไปไหนล่ะ ตะกี้ทำหน้าเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งโลก ทำไมตอนนี้ยิ้มระรื่นเลย อ้าวจะรีบวิ่งไปทำไม เบาๆ เดี๋ยวก็หกล้มหรอก..”ผมหันมาบอกครูหนุ่ม”ผมจะไปทำในสิ่งที่ผมครวทำครับ ขอบคุณครับครูที่ชี้ทางสว่างให้ผม...”ผมวิ่งตรงไปที่บ้านของสร้อยทันที....

....ผมวิ่งมาถึงที่บ้านของสร้อยเห็นรถของแป๊ะฮงจอดอยู่ ใต้ถุนบ้านของสร้อยมีพ่อและแม่ของเธอนั่งคุยกับแป๊ะฮงโดยมีไอ้เม้งนั่งยิ้มอยู่ ส่วนสร้อยนั่งอยู่ห่างๆ ผมแอบมุดรั้วเข้าไปใกล้ๆและนั่งซุ่มแอบฟังด้วยอยากรู้ว่าทั้งหมดกำลังคุยอะไรกันอยู่ เสียงสร้อยโวยวาย”สร้อยไม่แต่งกับไอ้ตี๋บ้าตัณหานี่หรอก พ่อกับแม่จะบ้าหรอ เมียมันก็มี ลูกมันก็มี จะให้สร้อยแต่งไปเป็นเมียน้อยของมัน คิดได้ยังไงกันนี่...”สร้อยย้ำออกมาชัดถ้อยชัดคำแป๊ะฮงทำท่าโมโหที่สร้อยพูดจาไม่ไว้หน้า”เอ..อาสร้อยนี่ลื้อไม่เห็นแก่หน้าอั๊วะเลยน่ะ พูดอย่างงี้ได้ไง อาเม้งอีชอบลื้อ อยากเอาลื้อไปเลี้ยงดูไม่ต้องตกระกำลำบาก สินสอดเท่าไหร่อั๊วะก็สู้ ถึงอาเม้งจะมีเมียมีลูกแล้ว แต่คนจีนเราตามประเพณีจะมีเมียกี่คนก็ได้ ลื้อครวดีใจที่ได้เป็นคนที่สองไม่ใช่สาม-สี่..”พ่อของสร้อยฟังจบก็ลุกขึ้นชี้หน้าด่าแป๊ะฮง”ไอ้เจ๊กบ้า พวกมึงเห็นพวกกูเป็นอะไร กูมีลูกสาวคนเดียวนะโว้ย เรื่องจะหาผัวให้มันไม่ยากหรอก แล้วอีกอย่างฐานะของบ้านกูก็ไม่ใช่กระจอก ไม่สิ้นไร้ถึงขนาดต้องให้ลูกกูไปเป็นเมียน้อยของลูกมึง ไปเลย มาทางไหน ไปทางนั้นเลย....”แป๊ะฮงเจอพ่อของสร้อยด่า ก็ลุกพรวดขึ้น”แหม...พวกลื้อนี่ อั๊วะอุตส่าห์ลดเกียรติมาสู่ขอลูกของลื้อดีๆ กลับไล่ส่งเหมือนหมา ตึงนั้ง อย่างพวกอั๊วะน่ะ ไม่ได้อยากได้ สะใภ้เป็นพวกฮวนนั้งหรอก แต่เห็นอาเม้งอีชอบพอกับสร้อย อั๊วะเลยมาทาบทามให้ เมื่อลื้อไม่เห็นในน้ำใจของอั๊วะก็ป่วยการจะคุย อาเม้งกลับ”แป๊ะฮงเรียกไอ้เม้งที่นั่งจ๋อยอยู่ให้ลุกเดินตามกลับ”แต่เตี๋ย...อั๊วะ...”แป๊ะฮงถลึงตาตี่ๆใส่ไอ้เม้งทำให้มันก้มหน้าเดินตามแป๊ะฮงกลับไป”ฮะ ฮะ ฮะ สะใจจังเลยพ่อ...”สร้อยปรบมือและหันมาหัวเราะกับพ่อ แต่พอเห็นหน้าเครียดๆของพ่อก็ก้มหน้าหลบสายตา”แต่ละคนที่มาติดพันนังสร้อยนี่ มันจะหาคนดีๆบ้างไม่ได้เลยรึไง คนดีๆครูสมบูรณ์เองก็หายหน้าไปไหนไม่รู้ เฮ้อ...กลุ้มใจจังเลยกู...”พ่อของสร้อยบ่นเซ็งๆ พอดีผมทำกระถางต้นไม้ตกเกิดเสียงดัง พ่อของสร้อยหันมาก็ร้องถาม”เฮ้ย...ใครว่ะ.”ผมออกจากที่ซ่อนยิ้มแหะๆ”ฉันเองจ้า...”พ่อของสร้อยกัดฟันกรอดๆ”มึงอีกแล้วเรอะ แม่ไปเอาปืนมา ข้าจะยิงมันให้ขาลากเลย...”

....ผมเดินยกมือชูขึ้นสองข้างแล้วเดินออกมาจากที่ซ่อน แม่ของสร้อยวิ่งไปบนบ้านแล้วเปิดหน้าต่างโยนปืนยาวลงมาให้พ่อของสร้อย พ่อของสร้อยยกมือรับไว้อย่างแม่นยำแล้วยกปืนเล็งมาที่ผม”ฮึ่ม...มึง...กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่าเข้ามาเหยียบบ้านของกูอีก มึงท้าทายกูใช่ไหม..”สร้อยวิ่งเข้ามาขวางทางปืนไว้ แล้วหันมาร้องสั่งผม”พี่มาทำไมเนี่ย...รีบหนีไปเร็วๆ..”ตอนนี้ผมไม่กลัวไม่เกรงอะไรแล้ว และจับไหล่ของสร้อยทั้งสองข้าง ดึงตัวมายืนประสานตา”พี่ไม่หนีไปไหนแล้ว พี่ทำผิดมามากแล้ว ต่อไปนี้พี่จะสู้ความจริง พี่จะปกป้องสร้อยเอง...”สร้อยยืนนิ่งสบตาผม แต่พ่อของเธอยืนโมโหจนตัวสั่น “ดูมันทำ มันยังจะกลับมาเย้ยกูให้เจ็บใจอีก อย่าอยู่เลยมึง สร้อยหลบไป..”พ่อของสร้อยประทับปืนเล็งมาที่ผม สร้อยผลักให้ผมหลบและบอกให้หนีไป แต่ผมยังยืนนิ่งจนพ่อของเธอแปลกใจ”นี่มึงไม่กลัวกูบ้างเลยเหรอว่ะ...”ผมมองหน้าพ่อของสร้อยอย่างจริงใจ”ไม่กลัวหรอก...แต่ฉันเกรงใจมากกว่า เพราะอาเป็นพ่อของคนที่ฉันรัก ฉันก็นับถืออาเหมือนเป็นพ่อของฉัน..”พ่อของสร้อยกัดฟันกรอดๆ”มึงอย่ามานับญาติกับกู กูไม่อยากเป็นญาติกับมึง”ผมไม่สนคำปฏิเสธของพ่อสร้อย”ฉันรู้ว่าอาไม่กล้ายิงฉันหรอก เพราะอารักสร้อยมาก ถ้าอายิงฉัน อาก้รู้ว่าสร้อยจะต้องเกลียดอาแน่”พ่อของสร้อยหันมาถามสร้อย”ถ้าพ่อยิงมัน แล้วเอ็งจะโกทธจะเกลียดพ่อจริงไหม “สร้อยมองพ่อของตัวเองแบบหวาดๆ”ถ้าพี่เขาเจ็บ...ฉันก็จะเจ็บให้เหมือนเขา...เอ่อ...ถ้าพี่เขาตาย...ฉันก็จะตายตามเขาไปเหมือนกัน...”พ่อของสร้อยกระทืบเท้า ตัวสั่น”ฮึ่มๆๆๆ...กูรับไม่ได้ๆๆแม่งโคตรน้ำเน่าเลย...”

....พ่อของสร้อยเห็นความมุ่งมั่นของผมและสร้อยก็ลดปืนลง ส่วนแม่ของสร้อยก็เดินลงมายืนข้างๆ ผมยังจับไหล่ของสร้อยและจ้องตาพลางพยักหน้าให้ ก่อนจะปล่อยมือและเดินตรงเข้าไปหาพ่อกับแม่ของเธอ พ่อของสร้อยขยับตัวร้องถาม”มึงจะเข้ามาหากูทำไม..อย่านะ..ถ้าจะเข้ามาทำอะไรกูละก้อ..กูยิงจริงๆนะ.”ผมเดินมาได้ระยะก็ยกมือไห้ว ทั้งคู่ผงะเพราะระแวง แล้วแม่ของสร้อยยกมือไห้วรับคนเดียวส่วนพ่อมองอย่างไม่พอใจแล้วตวาดใส่”ไปรับไห้วมันทำไม...”แม่ของสร้อยสะดุ้งตอบว่า”เอ่อ..ฉันลืมตัวน่ะ..”ผมมองทั้งสองด้วยสายตานอบน้อม”ที่ฉันมานี่ก็เพื่อจะมาบอกอาว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงินที่สร้อยให้ฉันไป ฉันรับปากว่าจะหามาคืนเร็วๆนี้แน่นอน และอยากให้อาเห็นใจในความรักของเราด้วย อย่าขัดขวางและบีบคั้นเราเลย ไม่งั้นมันอาจจะเกิดเรื่องไม่งามขึ้น...”พ่อของสร้อยยกมือชี้หน้าผม”อ้าว..นี่มึงขู่กูเรอะ มึงไม่ต้องเอาความรักมาอ้าง ช่วงนี้มึงกับลูกกูก็แค่หลงไปตามวัย เป็นผัวเมียกัน ถ้าไม่มีเงินมันไม่มีทางอยู่กันได้รอดหรอก ความรักของมึงน่ะมันกินแทนข้าวได้ที่ไหน..”ผมยืนนิ่งฟังพ่อของสร้อยดูถูก”ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะไม่ทำอะไรนับจากวันนี้นี่อา ฉันสัญญาว่าต่อแต่นี้ฉันจะตั้งใจทำงาน และจะมาสู่ขอสร้อยให้สมเกียรติ อาคอยดูก็แล้วกัน”ผมหันมามองหน้าสร้อย” พี่กลับก่อนนะสร้อย”ผมบอกลาสร้อยและหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น พอผมเดินออกมาสักพัก แม่ของสร้อยก็ถอนหายใจเฮือก”โอ้ย...เหนื่อยเหมือนจะขาดใจ คนมาชอบนังสร้อยแต่ละคน ฉันไม่อยากบรรยาย กลุ้มใจแทนอนาคตของมันจริงๆนังลูกคนนี้...”

....ผมกลับมาที่เรือนหญ้าแฝกนอนเล่นคิดคำนึงถึงเรื่องของสร้อย ไอ้เม้งมันกล้าขอให้พ่อมันไปทาบทามสร้อยแต่ผมยังเฉยอยู่ ไม่ได้แล้วต้องคุยกับพ่อหน่อย สักพักพ่อก็เดินเข้ามา”อ้าว...วันนี้ทำไมกลับมาแต่วันเลยว่ะ..”พ่อทักผมอย่างแปลกใจ ผมลุกขึ้นนั่งมองหน้าพ่อ “พ่อ..ฉันอยากมีเมีย..”พ่อมองหน้าผมอย่างแปลกใจ”เอ..เอ็งเป็นบ้าอะไรวะ อยากมีก็มีไปสิ ทำอย่างกับข้าจะไปห้ามเอ็งได้..”ผมเข้าไปจับแขนของพ่อ”แต่พ่อต้องไปขอให้แนนะ..”พ่อหัวเราะฮึๆ”สร้อยใช่ไหม...”ผมพยักหน้า”ว่าแต่...พ่อกับแม่ของเขาจะยอมยกให้เอ็งเรอะ...”ผมหันกลับมานั่งถอนหายใจ”ไม่ลองไปขอก็ไม่รู้ นะพ่อ”พ่อลูบหลังผม”เอาไว้หลังหน้านาก่อน ข้าจะไปสู่ขอสร้อยให้เอ็ง”ผมหันมาจ้องหน้าพ่อ”แต่ฉันอยากให้พ่อไปหมั้นหมายไว้ก่อน ฉันกลัวช้าแล้วคนอื่นจะมาสู่ขอสร้อยตัดหน้านะ วันนี้แป๊ะฮงกับไอ้เม้งก็ไปสู่ขอสร้อยแล้ว ดีที่พ่อของสร้อยไม่เอาเพราะไอ้เม้งจะขอสร้อยไปเป็นเมียน้อย ฉันเลยหวั่นๆ อย่างน้อยพ่อก็ไปหมั้นให้ฉันอุ่นใจหน่อย”พ่อมองผมแล้วยิ้มๆ”เอ็งจำไว้ เนื้อคู่กันแล้วไม่แคร้วกันไปได้ ถ้าสร้อยเขาเกิดมาเพื่อเป็นเมียของเอ็ง ไม่ว่าจะอย่างไง เขาก็ต้องมาเป็นเมียของเอ็งวันยันค่ำ ถ้าไม่ใช่ต่อให้ทำยังไงก็ไม่มีทางได้กัน...”ผมมองพ่อที่อธิบายมายืดยาว”แต่..พ่อต้องช่วยฉันนะ ฉันไม่สบายใจนะ ถ้ายังใจเย็นอยู่อย่างนี้ ถึงสร้อยเขาจะ....”พ่อมองแล้วหัวเราะ”โดนเอ็งเจาะมาหลายทีแล้วใช่ไหม...”ผมมองหน้าพ่ออายๆ”พ่อรู้ได้อย่างไงว่าฉัน...”พ่อยังขำอยู่”ข้าเป็นพ่อเอ็งนะ ผู้หญิงมาหาถึงบ้านมาพัวพันอย่างนี้ มันจะเหลืออะไร ข้ารู้ชายหญิงใกล้กันมันก็เหมือนน้ำกับไฟ เอาเหอะ เอ็งวางใจได้ ข้าจะไปหมั้น สร้อยให้เอ็ง แต่พ่อของเขาจะให้หรือไม่ให้ ก็สุดแท้แต่วาสนาของเอ็งก็แล้วกัน”ผมยิ้มอย่างมีความหวัง”ขอบคุณจ้าพ่อ...”

....บ่ายกว่าๆขณะผมนั่งตกปลาอยู่ที่ริมหนองน้ำ เมื่อมองไปไกลๆก็เห็นชายอายุราวๆ 30 ปลายๆเดินมาพร้อมเด็กสาวอายุราวๆ 15 – 16 เมื่อเข้ามาใกล้ๆจึงได้รู้ว่าเป็นอาจันน้องชายของพ่อ ผมเดินเข้าไปต้อนรับทั้งสองที่หอบหิ้วข้าวของกันมาพะรุงพะรังราวอพยพหนีอะไรมา”หวัดดีอา มาได้อย่างไงนี่ แล้วจะไปไหนกัน..”อาจั่นมองหน้าผมแล้วยิ้ม”แหม...เอ็งนี่โตวัยนะ เป็นหนุ่มแล้ว ข้าไม่ได้อพยพไปไหนหรอก แต่จะมาอาศัยอยู่ที่นี่สักพัก พ่อเอ็งไปไหนล่ะ”อาจันแม้นไม่ได้เจอผมนานแต่ยังจำผมได้”พ่อไปดูข้าวที่นาอีกสักพักก็กลับใกล้จะเก็บเกี่ยวแล้ว...”ผมตอบคำถามของอา แล้วมองไปที่เด็กสาว อาจั่นมองตามแล้วหัวเราะ”นี่นังวิไล ลูกสาวข้าเอง...ไห้วพี่เขาสิ นี่ลูกชายของลุงเอ็งที่ข้าบอกไง..”อาจันแนะนำลูกสาวให้ผมรู้จัก”หวัดดีจ้าพี่...”เด็กสาวยกมือไห้วผมและผมก็ไห้วตอบ มองดูรูปร่างก็ใช้ได้นะนี่ เด็กกำลังจะโตเป็นสาวถึงมอมแมมไปหน่อย แต่ก็อวบดี”อามาไกลคงจะเหนื่อย ไปกินน้ำกินท่ากันก่อน แม่ฉันก็อยู่ที่บ้าน ไปนั่งคุยกันก่อน อามีอะไรจะคุยกับพ่อก็นั่งรอไปก่อนละกัน.."”ล้วผมก็พาสองคนพ่อลูกไปที่เรือน แม่ท่าทางดีใจที่อามาหา แต่สีหน้าของอาจันดูเป็นทุกข์ แม่เอาน้ำใส่ขันมาต้อนรับ ทั้งคู่ดื่มอย่างกระหายเพราะเดินเท้ามาไกล ระหว่างนั่งคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เด็กสาววิไลก็แอบจ้องหน้าและสบตาของผมเป็นระยะๆ ทุกครั้งที่สบตาเด็กสาวก็ยิ้มอย่างเอียงอาย ผมก็ทำหน้าเฉยๆวางฟอร์มเพราะมั่นใจในความหล่อของตัวเอง ไงๆสาวๆเห็นก็ต้องใจสั่นบ้างล่ะ

....จนบ่ายพ่อก็กลับมาเมื่อเจอกันก็ทักทายกันตามประสา”เอ็งจะมาขออาศัยอยู่กับข้ารึ...”พ่อถามอาจันหลังรู้จุดประสงค์ในการมาของน้องชาย”ใช่แล้วพี่...ตอนนี้ไอ้บ้านห้วยฝนของฉันนะ คนอพยพหนีไปหมดแล้ว กลายเป็นหมู่บ้านร้างไปเลย..”พ่อมองอาจันอย่างแปลกใจ”ทำไมวะ ห่าลงหมู่บ้านเอ็งหรอ...”อาจันส่ายหน้า”ไม่ใช่หรอกพี่ ที่ลงหมู่บ้านน่ะมันร้ายกว่าห่าอีก ไอ้เสือพายมันปรพกาศมาปล้นหมู่บ้าน่ะ..”พ่อเปลี่ยนสีหน้าทันที”ไอ้เสือพาย...”พ่อสีหน้ากังวลขึ้นมาจนสังเกตได้”ใช่พี่คงรู้จักดี ไอ้เสือนี่มันร้ายมาก ฉันกลัวมันจะฉุดนังวิไลไปเลยต้องพามันหนีมาอาศัยพี่อยู่ก่อน ไว้มันปล้นเสร็จก็ว่าจะกลับไป ฉันมารบกวนพี่ไม่นานหรอก...”พ่อถอนหายใจ แล้วเหม่อมองไปไกล”เสือพาย...”พ่อพึมพำชื่อเสือร้ายขึ้นมาอีกทีแล้วหันมาบอกอาจัน”เอ็งอย่าคิดว่าที่หมู่บ้านนี้ปลอดภัย...ลองเสือพายมันออกปล้นละก้อ มันจะปล้นไล่ที่ไปเรื่อยๆ ไม่ช้ามันก็จะมาถึงที่นี่ แต่ถ้าเอ็งยังอยู่ภายในบริเวณที่ของข้า รับรองพวกเอ็งจะปลอดภัย...”อาจันยกมือไห้วพ่อ”ขอบคุณมากพี่ สำหรับพี่นี่ เป็นที่พึ่งของน้องๆและพี่ๆได้เสมอจริงๆ”พ่อยิ้มให้อาอย่างเมตรตา แล้วหันมาสั่งผม”เอ็งพาอาของเอ็งและนังวิไลขึ้นเรือนไปหาที่หลับที่นอนให้หน่อย เดี๋ยวข้าจะไปที่บ้านผู้ใหญ่สิงห์ก่อน”ผมแปลกใจ เพราะร้อยวันพันปีพ่อไม่เคยเอ่ยชื่อผู้ใหญ่คนนี้”ไปทำไมเล่าพ่อ..”พ่อถอนหายใจหนักๆ”ข้าไปแจ้งข่าวเรื่องเสือพายจะมาที่นี่กับมันน่ะสิ...”

....”หา...เสือพายจะมาปล้นที่หมู่บ้านของเราเรอะ...”ผู้ใหญ่สิงห์สำรักน้ำที่กำลังยกขึ้นดื่มจากขันแสตนด์เลส”ข้าไม่ได้บอกว่ามันจะมาปล้นที่นี่ แต่มาบอกผู้ใหญ่ให้เตรียมระวางป้องกันไว้..”พ่อบอกผู้ใหญ่หลังแจ้งเรื่องเสือพายมาป้วนเปรี้ยนไม่ห่างจากหมู่บ้านนางรอง”ตายหงส์แล้ว แล้วพวกเราจะทำยังไงดีวะ ไอ้เสือคนนี้มันร้ายขนาดตำรวจตั้งกลุ่มออกล่ายังจับไม่ได้เลย...”ผู้ใหญ่สิงห์ท่าทางกลัวมากๆ”ตอนนี้เราครวจัดยามตรวจตราเฝ้าดูและคอยสังเกตุคนแปลกหน้าและอย่าเพิ่งป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป เดี๋ยวชาวบ้านจะแตกตื่นตกใจ...”ผู้ใหญ่ดูลนลาน จนสีหน้าเป็นกังวลชัดเจน”ทำไมมันไม่มาตอนคนอื่นเป็นผู้ใหญ่วะ ทำไมต้องมาตอนกูเป็นด้วย..”แหมฟังแกพูดแล้วน่าเลื่อมใสสมกับที่ชาวบ้านเลือกเป็นผู้ใหญ่จริงๆ”แล้วหมู่บ้านไอ้จันนี่มันเข้าปล้นหรือยัง”ผู้ใหญ่ใจมดหันมาถามอาจันที่มาช่วยยืนยันเรื่องนี้ด้วย”ยังเลย แต่คนก็อพยพหนีกันไปจนเกือบหมดแล้ว ถ้ามันเข้าปล้นก็คงเจอแต่หมู่บ้านร้าง “ผู้ใหญ่สิงห์นั่งเขย่าตัวและขาด้วยความวิตก”งั้นไม่ช้ามันก็จะมาที่นี่เพราะที่นั่นไม่มีคนเหลือให้มันปล้น เอางี้เราอย่าช้าเลย ไปประกาศอพยพชาวบ้านหนีกันบ้างอย่าอยู่ให้มันปล้นเลย...”แหมผู้ใหญ่บ้านของเรา เอาสมองส่วนไหนคิดนี่...”ไม่ได้..จะอพยพหนีกันไปไหน ถ้ามันมาจริงเราก็ต้องสู้...จะหนีแบบคนตาขาวได้ยังไง..”พ่อพูดค้านความคิดของผู้นำหมู่บ้านทันที ผู้ใหญ่สิงห์หันมามองหน้าพ่ออย่างไม่พอใจ”ใครว่าหนีอย่างตาขาว เขาเรียกว่าถอยไปตั้งหลักโว้ย...”พ่อส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ”แล้วมันต่างจากหนีตรงไหนกันล่ะ....”ผู้ใหญ่สิงห์นั่งคิดสักครู่”เอาอย่างงี้ วันนี้ข้าจะเรียกพวกชายฉกรรจ์มาสัก 10 คนแล้วมาสั่งเป็นการลับให้มันตรวจตรารอบๆหมู่บ้าน แล้วเย็นนี้ข้าจะแจ้งไปทางกำนันและทางอำเภอให้มาชุมนุมวางแผนป้องกันหมู่บ้านของเราจากพวกเสือพายที่บ้านของข้า งานนี้เป็นงานเร่งด่วน เอ็งว่าดีไหม..”ผู้ใหญ่บ้านนางรองคนนี้เพิ่งคิดเข้าท่า”แล้วทำไมต้องตอนเย็นด้วยเล่า..”พ่อไม่วายถามด้วยสงสัย”เดี๋ยวข้าจะต้องพาลูกเมียและขนของไปอาศัยอยู่กับญาติๆในตัวจังหวัดก่อนนะสิ..” ผู้ใหญ่สิงห์ตอบหน้าตาเฉย พวกเรามองหน้าผู้นำหมู่บ้านแล้วทึ่งในความเสียสละ....

....ผมกลับมาที่เรือน แม่และวิไลลูกสาวอาจันช่วยแม่หุงข้าวทำกับข้าวอยู่ที่ท้ายเรือนซึ่งใช้เป็นครัว พ่อมานั่งคุยกับอาจันส่วนผมขึ้นเรือนไปดูแม่และวิไลเพราะเริ่มหิว”รอก่อนเดี๋ยวค่อยกินพร้อมกัน ถ้าอยากจะกินเร็วๆก็มาช่วยหุงข้าวซิ..”แม่บอก ผมเลยเดินไปที่เตาถ่าน ที่บ้านของผมยังหุงข้าวแบบเช็ดน้ำอยู่ วิถีหุงก็คือ นำข้าวสารจำนวนที่จะหุงมาใส่หม้อที่จะหุง และนำข้าวไปซาวน้ำทำความสะอาดก่อน แล้วใส่น้ำในปริมาณที่พอเหมาะก่อนนำไปตั้งไฟบนเตา ปิดฝารอจนน้ำเดือด แล้วค่อยนำน้ำไปรินทิ้งเรียกว่า”เช็ดน้ำข้าว”แต่น้ำข้าวบางทีก็เก็บไว้กินได้หรือใช้เลี้ยงหมาก็ดี จากนั้นแล้วเอาหม้อข้าวมาตั้งบนเตาใช้ไฟอ่อนๆเพื่อให้น้ำข้าวในหม้อแห้งหมดเราเรียกว่า”ดงข้าว”จนข้าวสุกระอุดีค่อยยกลง ระหว่างผมทำ วิไลก็แอบลอบมองดูผมตลอดเวลา

....”แล้วแม่ทำกับข้าวอะไรกินบ้างล่ะ..”ผมถามแม่หลังจากวางหม้อข้าวลง”ทำยอดแคลวกจิ้มกับน้ำพริก และวิไลเขาทำ มะละกอผัดไข่ให้ด้วย ส่วนอีกอย่างก็ต้มโค้ลงปลาช่อนน่ะ”แม่ตอบ ส่วนวิไลก้มองผมอย่างเขินๆ”พี่ชอบกินอะไรล่ะ บอกสิ พรุ้งนี้วิไลจะหามาทำให้...”สาวลูกพี่ลูกน้องของผมเสนอตัวจะทำกับข้าวเอาใจผม”เอ็งไปเก็บดอกแคมาจากไหนล่ะ..”แม่ถามผมเพราะผมเป็นคนเอามาเอง”เอ่อ...ไปเก็บมาจากบ้านของสร้อยน่ะแม่ ตอนไปหาสร้อย เห็นมันกำลังออกดอกเลยเก็บมา..”แม่วางมือหันมามองผม”เอ็งไปเก็บมาไกลถึงขนาดนั้นเชียวรึ...”วิไลนั่งฟังอยู่ก็ถามแทรกขึ้นมา อย่างสนใจ”เอ..สร้อย..นี่ใช้ชื่อผู้หญิงหรือเปล่า...เอ่อ...แล้วเป็นใครละป้า...”แม่ตอบโดยไม่หันมามอง”อื่ม...เป็นผู้หญิง...สวยด้วย...แต่น่าเสียดาย...ที่มันมาเป็นแฟนของลูกชายป้าเนี่ย...”วิไลฟังแล้วหน้าตาดูสลดไปเยอะ...

....หลังอิ่มหนำจากการกินข้าวเที่ยงแล้ว พ่อก็ไปนั่งคุยกับอาจันที่แคร่หน้าเรือน ส่วนผมนั่งเหลาก้านว่าวเพื่อทำไว้ชักเล่นที่หลังเรือน วิไลเดินมาหาในชุดผ้าถุงกระโจมอก มีผ้าเช็ดตัวคลุมไห่ลมา วิไลเป็นสาวผิวเข้ม หน้าตาคมขำ แต่ตอนนี้ดูมอมแมมเพราะฝุ่นเนื่องจากลุยป่ามาไกล”พี่...วิไลอยากอาบน้ำ พาวิไลไปที่บ่อหน่อยซิ...”ผมมองดูวิไลแล้วชี้นิ้วไปทางป่าหลังเรือน”ตรงโน้นน่ะ มีหนองน้ำอยู่ ลงไปว่ายได้เลย แต่ระวังปลาตอดนะ...”วิไลมองตามไป”แต่วิไลไปไม่ถูกน่ะ พี่ช่วยพาไปหน่อยสิ...”ผมส่ายหัว”ไม่เอาอ่ะ ไม่ว่างกำลังทำว่าวอยู่...”เสียงแม่ของผมตะโกนลงมาจากเรือน”ก็พาน้องไปหน่อยสิ น้องไม่เคยมา เดี๋ยวไปหลงกลับไม่ถูก อ้อ...แล้วเฝ้าน้องด้วยนะ เดี๋ยวพวกหนุ่มๆแถวนี้มันจะมาทำมิดีมิร้าย..”ผมส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ เฮ้อ..รูปร่างอย่างนี้ใครจะหื่นมาปล้ำลงว่ะ”เอ้า...ไปก็ไป...ตามมา..”ผมลุกขึ้นเดินนำหน้าไปอย่างไม่เต็มใจ...

....ผมพาวิไลลัดเลาะมาจนถึงหนองน้ำ แล้วชี้ให้เธอลงไปอาบตามสบาย ส่วนผมก็หันหลังจะกลับ แต่วิไลยืนหวั่นๆ และเรียกผมให้อยู่เป็นเพื่อนก่อน”อย่าเพิ่งไปนะพี่ วิไลว่ายน้ำไม่เป็น...”ผมยืนมองอย่างไม่สบอารมณ์”ก็ตักอาบเอาซิ อย่าลงไปว่ายก็แล้วกัน...”วิไลมองผมตาละห้อย”แต่แถวนี้น่ากลัวจัง พี่อยู่เป็นเพื่อนวิไลก็แล้วกันนะ..”ผมมองสาวลูกพี่ลูกน้องเซ็งๆ”พี่เป็นผู้ชาย วิไลเป็นผู้หญิง มาให้พี่ดูเธออาบน้ำได้อย่างไง มันไม่ดี..”วิไลดึงแขนของผมรั้งตัวไว้”เราเป็นพี่น้องกันนะ ไม่เป็นไรหรอก พี่ก็อย่าแอบดูละกัน..คอยเฝ้าวิไลอย่างเดียว..”ผมรำคาญเลยเดินไปหันหลังพิงที่ต้นไม้”เอ้า...ไปเลย...แล้วอาบเร็วๆนะ...”ผมยืนหันหลังเฝ้าวิไล เสียงเธอค่อยๆย่ำเดินลงน้ำดังมา ผมยืนอยู่สักพักเห็นเงียบๆเลยหันไปดูเผื่อว่าเธอจะพลาดจมน้ำจะลงได้ลงไปช่วยทัน แต่เมื่อหันไปก็....ผมถึงตะลึงเมื่อเห็นวิไลที่ตอนนี้แช่น้ำอยู่แค่โคนขา เธอถูตัวอย่างสบายใจ แต่ผมกับใจสั่น เด็กเนื้อตัวมอมแมมเมื่อครู่ตอนนี้มันช่างต่างกันริบ แม้นผิวจะเข้มแต่ความอวบแน่นของร่างกายสาวแรกรุ่นมันพาจิตใจของผมปั่นป่วนกระเจิดกระเจิง เด็กอะไรวะซ่อนรูปจริงๆ อายุแค่นี้แต่ทำไมขนมาเสียมากมาย โดยเฉพาะไอ้นมคู่นั้นทำไมมันใหญ่ขนาดล้นมือผมเลยทีเดียว เวลาที่ก้มขึ้นก้มลง ผ้าถุงที่เปรียกน้ำมันรัดให้เห็นสัดส่วนจนเด่นชัด ว่าสะโพกของเธอมันงอนงามขนาดไหน ยื่งตรงนั้นด้วย โหนกนูนจนใหญ่ฝ่ามือปิดไม่มิด โอ้ย....เกิดอะไรขึ้นนี่ ผมดูแล้วใจเกิดสั่นต้องนั่งลงเพราะ ท่อนเอ็นดันทะลึ่งแข็งโด่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น...

....ผมยังนั่งมองวิไลเพลินเสียจนเธอหันมาเห็น วิไลมองมาทำหน้างงๆ “พี่เป็นอะไรไปล่ะ..นั่งเอามือกุมท้องทำไม..”ผมได้ยินวิไลถามก็สะดุ้ง ยิ้มแหะๆบอกออกไปว่า”เอ้อ...คือพอดีพี่กินมากไปแล้วออกมาเดิน ข้าวมันไม่ย่อยเลยปวดท้องน่ะ..”ผมยังนั่งกดท่อนเอ็นอยู่ ส่วนวิไลก็หันกลับไปอาบน้ำถูเนื้อถูตัวอย่างสบายใจโดยไม่รู้ว่า พี่นอกไส้อย่างผมเริ่มคิดไม่ดีด้วยแล้ว ผมต้องเดินขาถ่างๆออกจากตรงนั้นหันหลังกลับมาทำใจให้ปรกติ ข่มให้เจ้าท่อนเอ็นกลับสู่สภาพเดิม แต่วัยของผมมันเป็นวัยเจริญพันธ์จ้องจะฟันกันอย่างเดียว ข้างล่างยังไม่ทันสงบก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อวิไลเดินเข้ามาพูดใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้”พี่เป็นอะไรไปน่ะ...”ผมยังนั่งกุมตรงเป้าอยู่”เปล่า...ไม่เป็นไรหรอก วิไลอาบเสร็จแล้วหรือ...”สาววิไลพยักหน้า กลิ่นสบู่นกแก้วโชยมาหอมกรุ่นจากกายสาว”งั้นกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป ขอนั่งให้ข้าวย่อยสักเดี๋ยวแล้วจะตามไป...”วิไลมองผมงงๆแต่ก็หันหลังเดินกลับไป พอวิไลเดินไปไกลแล้วผมจึงลุกอย่างลำบาก แหมขืนเดินไปด้วยเธอเห็นความผิดปรกติของผมตรงนี้เข้าละก็เรื่องยาวแน่...

....เกือบๆสี่โมงเย็นผู้ใหญ่สิงห์ส่งคนมาตามพ่อและอาจันให้ไปหาที่บ้านของแกเพื่อประชุมเตรียมการป้องกันพวกโจร แม่ขอตามไปด้วย ผมจึงต้องอยู่บ้านเป็นเพื่อนวิไลทั้งที่อยากไปร่วมประชุมด้วย แหมเรื่องนี้มันน่าตื่นเต้นท้าทายมาก ถ้าเราได้ร่วมต่อสู้กับโจรร้ายด้วยมันคงจะเท่ส์เหมือนพระเอกในหนังกางแปลงที่ผมเคยดูแน่ เวลาผ่านไปจนมืดค่ำพ่อ อาจันและแม่ก็ยังไม่กลับมา ผมนั่งรอที่แคร่อย่างกระวนกระวาย วิไลลงมานั่งข้างๆ สภาพตอนนี้ของวิไลต่างจากตอนมาถึง เนื้อตัวเกรี้ยงเกรา ผมยาวดูนุ่มสลวย ใบหน้าคมเข้มขึ้น เสื้อคอกระเช้าแขนกุดรัดส่วนสัดให้ดูเด่น ผ้าถุงก็แน่นกระชับให้สะโพกและเนินนูนดูล่อตา โอ้ย...พอได้นั่งใกล้ๆตอนนี้ทำไมใจมันสั่นไปได้วะ.....

....วิไลนั่งมองไปทางเดียวกับผม”ทำไมพวกลุงยังไม่กลับมาสักทีนะ...”ผมลุกขึ้นบิดตัวไล่ความขี้เกลียด”คงประชุมกันหนักม้าง...โจรมันมาปล้นต้องวางแผนตั้งรับกันดีๆ มันไม่ได้มาทอดผ้าป่านี่จะได้ทำอาหารรอเลี้ยงอย่างเดียว..”สาววิไลมองตามผม”พี่จะไปไหนละน่ะ...”ผมทำท่าจะเดินหนี”ก็ง่วงแล้วจะไปนอนนะสิ..”วิไลมองอย่างสงสัย”ไม่รอพวกลุงก่อนเรอะ..”ผมส่ายหัว”ไม่ละ เดี๋ยวเขาก็กลับกันมาเองแหละ...”

….”แล้วพี่จะไปไหนล่ะ....”วิไลถามผม “จะไปนอนน่ะสิ..”วิไลมองหน้าผมแล้วยิ้ม”พี่นี่หล่อนะนี่...รู้ตัวหรือเปล่าว่าเหมือน สมบัติ เมทะนีเลย ดูกร้ามสิเป็นมัดๆเลย..”ผมมองวิไลแบบเขินๆ”ใครๆก็ว่าอย่างงั้นแหละ...”วิไลหัวเราะคิกๆ”แหม...ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะ..”ผมทำท่าจะเดินหนี แต่วิไลก็เรียกให้หยุด”จะรีบไปไหนล่ะ อยู่คุยเป็นเพื่อนวิไลก่อนซิ..”ผมบิดขี้เกียจทำท่าหาว”ไม่เอาละ ง่วงจะไปนอนแล้ว...”ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะผมกลัวใจตัวเอง ขืนอยู่ใกล้ๆเดี๋ยวห้ามใจไม่อยู่ ความรู้สึกของผมตอนนี้มันไม่เหมือนตอนเจอเธอใหม่ๆแล้ว เด็กอะไรพอล้างเนื้อล้างตัวก็เปลี่ยนเป็นคนล่ะคนเลย
....ผมเดินขึ้นเรือนมาเย็ดจนหนำใจฺห้าร้อยเก้าสิบแปดครั้งนอนในห้องที่กั้นไว้ นอนเล่นพลิกไปพลิกมา ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเปิดวิทยุฟังนิทานลุงพรไปเพลินๆ จนกระทั่งเห็นว่าดึกมากก็ไม่มีวี่แววว่าพวกพ่อจะกลับมาเลยเดินออกมาตรงนอกชานเรือน เห็นวิไลนอนหลับอยู่ ผมจึงเดินเข้าไปหา เอื้อมมือไปที่ศีรษะ เขย่าเบาๆ"วิไล....วิไล... จะหลับจะนอน.....ทำไมมานอนตรงนี้ ไป....ไปกางมุ้งนอนให้เรียบร้อยสิ"ผมก้มลงไปพูดใกล้ๆหูของเธอ"หือ....อืม....พี่เองหรอ.....วิไลนั่งรอพวกลุงนาน...แล้วเลยเผลองีบหลับไปน่ะ..."วิไลพูดเสียงงึมงำในลำคอ พร้อมจับมือผม ทำท่าจะเหนี่ยวตัวลุกขึ้น โดยอาศัยผมเป็นหลักยึด”พี่รู้แล้ว....ง่วงก็เข้าไปนอนให้เป็นที่เป็นทางสิ" ผมพูดต่อ"ไปนอนซะ....พี่จะพาไป แล้วพี่จะไปช่วยกางมุ้งให้ด้วย มานอนตรงนี้เดี๋ยวยุงก็หามไปหรอก"วิไลพูดแบบไม่ลืมตาท่าทางจะง่วงจัด"เหรอ...อื่มมม....เอาสิ....งั้นวิไลจะไปนอนล่ะ"วิไลตอบแบบสะลึมสะลือ พร้อมกับยันตัวลุกขึ้นและล้มพับมาในวงแขนของผม เอาแล้วเป็นเรื่องแล้ว.....ร่างที่อยู่ในอ้อมแขนของผมเป็นเรือนร่างที่อวบอัด เนื้อแน่น หอมกรุ่นด้วยกลิ่นสาปสาวรุ่นที่กำลังเต่งตึง ดูแล้วสมบูรณ์ไปทุกสัดส่วน ผมชักหายใจลำบาก และพยายามข่มใจสุดขีด....เฮ้ย...นี่น้องของเรานะ........

.... ….ผมปูที่นอนแล้วอุ้มร่างของวิไลลงวางบนที่นอน ก่อนลุกขึ้นกางมุ้ง ร่างของเด็กสาวแรกรุ่นนอนอ้าซ่าอยู่บนที่นอนช่างยั่ว้ย่าสายตา ผมพยายามเขย่าหัวเรียกสติ และข่มใจเต็มที่ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง”เดี๋ยวสิพี่...ยังไม่กันมุ้งให้วิไลเลย...เข้ามากันให้หน่อยซิ...”ผมหันกลับไปมองยามนี้ผ้าถุงของวิไลล่นขึ้นมาถึงขาอ่อนและชายเสื้อเลิกขึ้นไปจนเผยให้เห็นฐานเต้าส่วนล่าง ผมไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกแล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจ มุดมุ้งเข้าไปลุย..

.... ผมค่อยๆคลานเข้าไปในมุ้ง แล้วคล่อมตัวของเธอเอาไว้ ค้างตัวมองดูร่างของสาวลูกพี่ลูกน้อง แล้วเอื้อมมือไปดึงผ้าถุงของเธอให้ขึ้นไปเกยอยู่บนต้นขา ผมลูบไล้ขาอ่อนเธอเล่นแล้วโอบเข้าเอวบาง ๆ ......แต่เธอขยับตัวจะลุกผมรวบตัวเธอเอาไว้ กอด.....หอม.......ซุกไซ้......ดูดเลียซอกคอ ลากลิ้นเลียมาที่เนินอกขาวผ่อง ซุกมือเข้าไปในผ้าถุง แล้วค่อย ๆ ดันเธอลงบนที่นอน วิไลตาปลือนอนหงายท้อง เนินโหนกนูนของเธอลอยเด่น ผมใช้มือลูบบีบอย่างย่ามใจ เธอหนีบขาแน่น ดิ้นรนจับมือผมไว้แน่น

“........ไม่เอา.......ไม่เอา.......พี่จะทำอะไร....”

....แต่ผมไม่ฟังเสียงตะโบมบีบเคล้นเนินนูน ๆ อย่างเมามัน ยังไงต้องจัดการกับผ้าถุงเธอให้ได้ก่อน...... เธอยันตัวจะลุกขึ้นให้ได้

.”.....ไม่เอา....ไม่ดี...อย่าทำอย่างนี้.....(อ้าว.......ยั่วขนาดนี้แล้วดันมาบอกว่าไม่เอา...).......”

....ผมดึงผ้าถุงของเธออกทางขา เธอจับมือผมไว้ ร้อง”...อย่า....อย่า.....พี่...อย่า...ทำ....เดี๋ยวพ่อรู้มันไม่ดี....” ผมลากริมฝีปากจากซอกคอผ่านหน้าอก......งับหัวนมเธอเล่นก่อนที่จะลากลิ้นวนไปมาทั้งสองข้าง กัดเบา ๆ แล้วงับ......ดูด.......ด้วยความมันเขี้ยว ตอนนี้หน้ามืดจนไม่นึกถึงอะไรทั้งนั้น จะเอาเธออย่างเดียว มือที่คลึงเนินนูน ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นแหย่เข้าไปที่ช่องสวาทของเธอ น้ำโชกออกอย่างนี้ อย่ามาห้ามเสียให้ยาก ผมเอานิ้วชุบน้ำเงี่ยนของเธอแล้วลากขึ้นมาบี้ที่เม็ดละมุด ขยี้......รัว....เร็ว......เธออ้าขาออกอัตโนมัติ....

“......อูยยย.....พี่.......พี่.......จะทำอะไรวิไล...อูยยย...... “

....”.ก็กูกำลังจะล่อมึงอยู่นี่ไง” ผมคิดในใจ.....แล้วลุกขึ้นคร่อมเธอเอาไว้ มืออีกข้างดึงเสื้อเธอออก นมคู่พอเหมาะที่ตอนนี้แข็งเป็นก้อนท้าสายตา หัวนมสีน้ำตาลคร้ำชูชัน ผมตะโบมลูบไล้อย่างย่ามใจ เสียงเธอคราง”..อืมมมมม ....”.ผมดูดเลียซอกคอ ใช้ริมฝีปากชุ่มน้ำลายลาก.....วน......เคล้าคลึงเต้านมของเธอทั้งคู่ เธอแกะมือผมออกเป็นพัลวัลแต่ผมขืนมือใช้ปลายนิ้วบี้ที่หัวนมพร้อมกับใช้ลิ้นดูดเลียที่หัวนม เธอแอ่นตัวร้อง”ซี๊ดดดสสส์......”ผมลากลิ้นโชกน้ำลายไปยังต้นคอ หลังใบหู ส่วนปากของเธอยังพล่ำบอกไม่หยุด

”..อย่า....อย่า...... พี่...อย่าทำกับวิไลอย่างนี้ ........”แต่ก็ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนโวยวายอะไรมากนัก

....ผมรู้ว่าเธอก็อยากและยอมอยู่แล้ว แถมยอมให้ผมทำถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน ผมค่อย ๆ แกะมือเธอออก ไม่ต้องพูดพร่ำอะไรกันแล้ว ....ตอนนี้ เธอได้แต่ร้องครางรอผมลงอาญาอย่างเดียว

”......อืมมมม.......อืมมมมมม......อื่มมมมมม...พี่จ๋า..... “สองมือของผมบีบเคล้นและก้มลงดูดเลียที่หัวนมของเธอไม่หยุด
เสียงสาวรุ่นยังร้องราวทรมานสาหัส

”....โอ้วววว..........ซี๊ดส์....ส์.....ส์......ทำไมถึงเป็นอย่างนี้พี่....สะ...เสียว......”

ตอนนี้ผมไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นแล้ว ตอนนี้คิดแต่จะล่อให้ได้เท่านั้น

“พี่...วิไลกลัวท้อง....อย่า....”

ผมซุกไซร้ไปที่ซอกคอ

”ไม่หรอก...ไม่ต้องกลัว...ไม่ท้องหรอก....”

ผมกระซิบบอกไปอย่างงั้นเอง เพื่อให้เธอยอมง่ายๆ

…. เธอคลายการขัดขืนไปแล้วตอนนี้นอนถ่างขารอให้ผมแก้ผ้าเอาท่อนเอ็นทิ่มใส่อย่างเดียว และไม่รอช้าเมื่อผมเห็นอารมณ์ของเธอเต็มที่แล้ว ก็รีบจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างรวแร็ว แล้วผมก็จับขาเธออ้าออก ใช้สองมือจับข้อเท้าเธอในท่าชูเท้าขึ้น วางตัวแทรกใช้ท่อนเอ็นดันจ่อร่องรูที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำรักของเธอ ใช้ส่วนหัวลากถูขึ้นลงในร่องสวาทของเธอ เพราะผมท่าจะเป็นคนแรกที่ได้ลุยร่องนี้ มันจึงคับแน่น บีบรัดจนผมเสียวและเจ็บในส่วนหัว.......ที่สุด.... ผมจับข้อเท้าเธอดึงเข้าใกล้แล้วพาดเข้าที่บ่า เธอยกก้นตามมาอย่างว่าง่าย

”พี่จะทำอะไรวิไลอีกล่ะ...”

ผมไม่ตอบ ผมแหย่ท่อนเอ็นเข้าไปช้า ๆ ค่อย ๆ ดันเข้าไป

" โอ๊ย....โอ๊ย....วิไลเจ็บ....อย่านะพี่...อย่าดันเข้ามา...อูย...เบาๆ หน่อย..วิไล..โอ้วววว..."

ยังมีเสียงปรามออกมาระคนกับเสียงกัดฟันและเสียงคราง

" ฮึ่มมมม...ฮืออออ....ฮู๊ววว....ซี๊ดดดด.....เจ็บจังเลยพี่.."

....ช่องสวาททางที่ผมกำลังดุนดันบุกเข้าไปให้ได้นี้ มันยังใหม่และคับแคบ และก็แน่นกระชับจริงๆ ผมไสส่วนหัวเข้าไปได้แล้ว ก็รู้สึกถึงอาการดูดตุบๆ ผมจึงเผลอตัวกระแทกอย่างเต็มที่ มันแนบแน่นเมื่อเข้าไปสุดด้าม

"โอ๊วววว....โอ้ยยยยย...."

....วิไลส่งเสียงร้องลั่นออกมา ผมเลยต้องประกบปากจูบ แต่เด็กสาวก็ผวาสุดตัวจนหลังแอ่นขึ้นมา

"อู๊ยยยยย....พี่.....วิไลแน่นไปหมด....แสบด้วย....เอาออกก่อนได้ไหม..."

วิไลร้องอ้อนวอนเสียงสั่นระริก เนื้อตัวกระตุก ร่างกายสั่นสะท้านไปหมด ผมแช่ตัวอยู่นิ่งพักใหญ่ๆเพื่อให้เธอผ่อนคราย...แช่ตัวอยู่สักพักผมก็เริ่มจับขาของเธอทั้งสองข้างมาแนบที่เอว แล้วเริ่มซอยท่อนเอ็นเข้าออกช้าๆ แล้วเร่งเร็วขึ้น เมื่อความหฤหรรษ์เข้ามาแทนความเจ็บปวด ไม่ว่าผมจะซัดใส่แรงขนาดไหน เธอก็ไม่ถอยแล้ว ใส่ไปแรงเท่าไรก็เธอเด้งสะโพกสวนกลับมารับการกระแทกใส่อย่างสุดฤทธ์ แล้วหลับหูหลับตาร้องครางอย่างเดียว ชนิดเสียวทุกดอก

“อูยยย......อูยยยย......ซี๊ดส์......เสียว.....ว......ว......ว......ไม่ไหวแล้ว.......ไม่ไหวแล้ว....

. “ยังเจ็บอยู่ไหม......เจ็บ...ไหม.....”.

....เมื่อ ผมเอ่ยถาม.....เธอพยักหน้าทำตาปรือ.............

.....งั้นพี่ทำให้อีกนะ.....เธอพยักหน้ารับ”

ผมแทงช้าสลับเร็ว สังเกตอาการเธอ ถ้าทำท่าจะเสร็จผมก็ผ่อนลง......หลายครั้งเข้าผมก็ขโยกอย่างแรง เธอร้องว้าย.....ย”.......ย......เสีย....ว......ว.....ว......ซี๊ดส์......วิ..ไล..ปะ..ปวด...ฉี่...จัง...เลย.จะ...ออก...แล้ว.........จะ..โอ้ววว.......

...ผมเร่งกระแทกเข้าออก เสียงเนื้อกระแทกกันดัง พั่บ พั่บ พั่บ ถี่ยิบ......เธอจับแขนผมจิกเล็บลงแน่น......ผวาตัว....เฮือก.....เฮือก.....
....ผมซอยท่อนเอ็นเข้าร่องรูสวาทที่ดูดรัดไม่หยุดของเธอ เสียงกระแทกยังดัง พั่บ ๆ ๆต่อเนื่องไม่หยุด เธอนอนแอ่นสะโพกรับจนนมกระเพื่อม ผมก้มลงใช้ปากดูดดุนหัวนมเธอ....ใช้ฟันขบอย่างมันเขี้ยว....พอผมกัดเธอก็สะดุ้ง.

“...ซี๊ซซดส์.......ซี๊ซซดส์....”

...ท่อนเอ็นแข็ง ๆของผม ก็มุดเข้ามุดออก ผมใกล้เสร็จแล้ว.......รู้สึกเสียวสุด ๆ ส่วนปากยังคาบหัวนมกัดดึงแรง ๆ เธอร้องเสียงกระเส่า

”โอ้ยยยเจ็บ.....เจ็บ.....ปล่อย..ปล่อย...พี่...วิไลเจ็บ.....”

ผมคึกสุดขีดซอยเจ้าท่อนเอ็นใส่ไม่ยั้ง เสียง พั่บ....พั่บ.....พั่บ.....ลั่นไปทั้งเรือน พอจะเสร็จผมก็หยุดพัก.........แล้วก็เริ่มใหม่.....วนเวียนอยู่หลายรอบ

“ฮืออออ....ฮืออออ..ทะ...ทำ...มาย...มาน.....เสียววววววจัง....เสียวจัง......เสียว...อา...ราย....อย่าง...นี้....”.

ผมขโยกใส่เธออย่างไม่นับอีกชุดใหญ่ๆ

.......พั่บ พั่บ พั่บ...

“อะ..ว้ายยยยยยยย........อะ...ออก......ออกมา.......ออกมาแล้วววววว.......”

....เธอจิกแขนผมจนเจ็บแล้วก็ทิ้งแขนทิ้งขาลงอย่างอ่อนแรง......หลังปล่อยให้ผมปู้ยี่ปู้ยำเธออย่างหนำใจ ผมลูบไล้ทั่วเนื้อตัวพลิกเธอให้หันหลังมาหาผม......ใช้ลิ้นลากตั้งแต่ช่วงเอวขึ้นมาที่ไหล่ ดูดเลียจนเธอครางกระเส่า.

“....พี่.......วิไลไม่ไหว.......วิไลเหนื่อยใจจะขาดแล้วววว......พอเหอะ....”เสียงวิไลครางกระเส่าขอร้อง

....แต่ท่อนเอ็นของผมยังแข็งไม่หมอฤทธ์อยู่เลย........ผมใช้ลิ้นเลียวนให้เธอทั้งตัว เน้นที่แผ่นหลังและซอกคอเป็นพิเศษ แล้วผมก็จับตัวเธอโก่งก้นขึ้มาและจับขาถ่างออก....แต่ดูท่าของเธอจะอ่อนแรงพอยกก้นของเธอขึ้นยกเธอก็เอาหน้ากดลงไปกับหมอน

.”จะทวิไลท่าไหนอีกล่ะ ไม่สงสารเลย เจ้บไปทั้งตัวแล้ววว....ซี๊ดส์........อูยยยยย.........ซี๊ดส์.......”

....เธอครางอย่างไม่อาย.......ท่าที่เธอโก่งก้น ในท่าคุกเข่า ปลายเข่าแยกออกแล้วแอ่นก้นมาด้านหลัง เนินนูนเด่นปลิ้นออกมาด้านหลังทำให้ผมเอานิ้วแหย่เล่นได้โดยสะดวก.........พอเธอกำลังเคลิ้ม ๆ ผมเอาท่อนเอ็นป้ายน้ำเงี่ยนเธอแล้วใช้นิ้วลูบไล้ปากทางช่องสวาทเธอ......เธอขยับก้นส่ายอย่างสุดเสียว...... เสียงครางไม่หยุด

“ซี๊ดสสสสส์......ซี๊ดสสสสสส์....พี่.....จะ....ทำ...อะ...ไร...”

....ผมจับท่อนเอ็นค่อยๆแทรกใส่เข้าไป วิไลผงกตัวขึ้นมาอ้าปากร้องไม่มีเสียง ผมค่อยๆดันเข้าไป ร่องรูรัดแน่นจนผมขยับเข้าไปไม่ได้ สองมือของวิไลจิกที่นอนจนยู่ยี่ ส่ายหัวไปมา

“โอ๊ยยยยยยย.......ไม่เอา.....ไม่เอา.....ท่านี้...ไม่เอา....”.

....แต่ผมจับตะโพกเธอไว้แน่น.......ดึงกระแทกเข้าหาท่อเอ็นอย่างแรง เสียงดัง..ปึ้ก... ปึ้ก.... ปึ้ก ผมค่อย ๆ ดันผลุบเข้าไป แรง ๆ เข้าอีกครั้ง “ อาห์......ห์..........”

“.....อยู่นิ่ง ๆ ....เดี๋ยวดีเอง.......”

ผมค่อย ๆ ซอย “.....นั่นแหล่ะ.....อย่าเกร็ง....ค่อย ๆ ปล่อยตัวตามสบาย......เสียวไหม.......”

“.เสียวค่ะ.....เสียวมาก....แต่วิไล....วิไลทั้งเจ็บทั้งเสียวจะตายอยู่แล้ว....”

....ผมค่อย ๆ ขยับพร้อมกับก้มลงไปไล่เลีย งับที่หลังไหล่ให้เธอ......แล้วค่อย ๆ สาวท่อนเอ็นเข้าออกช้า ๆ เสียวสุด ๆ กับช่องทางที่รัดตึงนี้ พักเดียวผมเสียวจี๊ด.

“......อึบ......อึบ.....อึ้บ......”.ผมจับตะโพกเธอกระแทกเข้ากับควยอย่างแรง.เสียง.....พับ....พับ.....พับ...ดังขึ้นอีกครั้ง.

“....อึ้บบบบบบบ............พี่เสียวสุด ๆเลย...วิไล...”

“โอ้ยยยย...โอ้ววววววว ...พี่...วิไล...โอ้ววววว......”..เสียงวิไลยังร้องซ่านเสียวชนิดไม่ลดดีกรีความมันส์

... แต่เมื่อใดที่วิไลเสียงดังมาก ผมก็จะเอื้อมมือไปปิดปากเธอไว้ ผมกระแทกท่อนเอ็นเข้าเป้าซ้ายที ขวา จับเต้าเต่งตึงจนเมื่อผมใกล้จะถึงจุดหมายปลายทาง ผมก็กระแทกใส่ถี่ยิบ วิไลก็แอ่นก้นขึ้นมารับ จนกระทั่งผมสุดกลั้นก็กระแทกเสยเป็นครั้งสุดท้าย

"อุ๊บ..อึ๊บ..โอ๊ว...โอ๊ย....พี่...ออก..แล้ว...."

.... แล้วจึงฟุบลงตระกองกอดร่างของวิไลแบบทาบทับด้นหลัง พร้อมพรมจูบไปทั่วซอกคอ เสียงหอบหายใจของเราระงมไปทั่วเรือน ผมใช้ผ้าห่มเช็ดตัวให้เธอ ซับน้ำเมือกที่เปื้อนบริเวณเนินละมุนอวบอิ่มเต็มของเธอ บนหญ้าอ่อนปากทางเข้าที่บวมเป่งแดงช้ำของเธออย่างแผ่วเบามือที่สุด ในขณะที่มือผมลูบเนินเนื้อที่ผมได้บุกทะลวงเป็นคนแรก ผมก็จูบที่ปากและที่หน้าอก วิไลจับมือผมเข้าไปจูบและจับไว้ครู่หนึ่ง

"ทำไม พี่....พี่ทำยังงี้กับวิไลล่ะ...วิไลยังเด็กอยู่เลย พี่ทำวิไลอย่างนี้ไม่รู้ว่าวิไลจะท้องหรือเปล่า พี่...พี่ทำกับวิไลแล้วอย่าทิ้งวิไลน่ะ พี่ต้องรักวิไลนะ...”ผมนอนกอดเธออยู่ในท่านั้น หูอื้อตาลายเหนื่อยจนพูดอะไรไม่ออก "เรานอนกอดเกยกันอยู่นาน ตรงกลางเนินเนื้อนั้นมีรูกลวงโบ๋สีแดงซึ่งเกิดจากการบุกทะลวงของผมเมื่อครู่ยังไม่ ปิดสนิทดีนัก และยังมีรอยคราบเลือดจางๆ ใหลเยิ้มอยู่กับน้ำเมือกขาวๆ


….พ่อและทุกคนกลับมาตอนไหมผมไม่รู้ แต่ผมก็กลับมานอนที่ของตัวเองทัน ส่วนวิไลก็หลับสนิทหลังถูกผมทะลวงเปิดซิงไปเมื่อก่อนหน้า ทุกคนแยกย้ายเข้านอน โดยไม่ได้มาสนใจผมและวิไล นอกจากเดินมาก้มๆเงยๆดูอยู่นอกมุ้ง เมื่อเห็นผมหลับสนิทก็แยกย้ายกันไปนอน แล้วคืนนั้นก็ผ่านพ้นไป

.... เช้าวันต่อมาผมรีบตื่นและออกไปที่หนองน้ำเพื่อหาปลา กบเขียดไปตามเรื่อง เพราะไม่อยากเจอ วิไล แต่ขณะจับปลาเพลินๆอยู่นั้นผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคนมาจับเอวผม”ตกใจอะไรล่ะพี่ นี่วิไลเอง ดูสิขนลุกขนชันเลย ทำยังกับเจอผี ที่เมื่อคืนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย..”วิไลหัวเราะชอบใจ”พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ผี..”วิไลขยับเข้ามาใกล้แย่งข้องมาถือ แต่ผมก็พยายามดึงกลับ”มา...ส่งมา ให้วิไลช่วยถือ..”วิไลเข้ามานัวเนียกับผม”อย่า..ไม่เอาน่า วิไล ทำอย่างนี้มันไม่ดี เดี๋ยวใครมาเห็นมันจะไม่ดีนะ..”ผมพยายามเตือนสติวิไล แต่ทว่าเธอก็ไม่สนใจคำเตือนของผม”ใครจะเห็นก็ช่างหัวมันปะไร”ผมถอนหายใจ”คนที่จะเสียหายนะไม่ใช่พี่ แต่เป็นตัวของวิไลเองนะ...”วิไลมองหน้าผมแล้วยิ้ม”ไม่เห็นกลัวเลย ก็วิไลเสียให้พี่ไปหมดทั้งตัวตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว...”ผมส่ายหัว นึกเจ็บใจตัวเองไม่น่าเสียรู้ธรรมชาติเลยเมื่อคืนนี้”จะไปไหนล่ะพี่ รอวิไลด้วย..”ผมเดินหนีวิไลไปอย่างเสียอารมณ์”พูดจาอย่างงี้พี่ไม่คุยด้วยแล้ว เกิดเป็นลูกผู้หญิง ยังไงก็ต้องรักนวลสงวนตัวไว้บ้าง พูดอย่างนี้ ทำตัวอย่างนี้ มันเหมือนลดค่าลดราคาของตัวเองนะ” ผมเดินหนี วิไล กลับมาที่เรือน รู้สึกเหนียวตัวอยากอาบน้ำเลยถอดเสื้อผ้า ใส่ผ้าขาวม้า แล้วเดินไปที่โอ่งน้ำตรามังกรตักน้ำขึ้นมาอาบ...

....”วิไลช่วยถูหลังให้ไหมพี่....”เสียงวิไลพูดอยู่ข้างหลังผม ยังตามมาอีกหรอนี่”วิไล มาอยู่ตรงนี้ทำไม..”ผมเองตกใจไม่น้อย มองซ้ายมองขวา แล้วดันให้เธอเดินไปที่อื่น โธ่...เล่นไม่เลิกเสียแล้ว”วิไลมาทำไม ไป...รีบๆออกไปจากตรงนี้ก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า...”วิไลสะบัดแล้วทำหน้างอ”ทำไมต้องตกใจด้วย แล้วไล่วิไลทำไม ที่เมื่อคืนไม่เห็นไล่อย่างนี้เลย..”ผมอยากจะร้องไห้ ถ้ารู้ว่าวิไลจะมาวุ่นวายอย่างนี้ละก็ เมื่อคืนผมจะไม่แตะเธอเลย”ไปรอตรงแคร่ก่อน พี่จะอาบน้ำ..”ผมบอกวิไลแต่เธอดูจะไม่สนใจฟังคำของผม”วิไลก็รู้ว่าพี่จะอาบน้ำ แต่วิไลอยากเอาใจพี่นี่เลยจะช่วยอาบให้..”สาววิไลยื่นหน้ายื่นตามาใกล้ๆ ไม่ยอมไปง่ายๆ “ก้อใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะ...”ผมพยายามอธิบาย”ไม่ดีตรงไหน ดียิ่งกว่าดีเสียอีก ใครมาเห็นจะได้รู้ไปเลยว่าพี่กับวิไลเป็นอะไรกัน..”ผมถอนหายใจแล้วพูดว่าเธออย่างไม่พอใจ”พูดอย่างนี้ไม่เข้าท่าแล้วนะ ไม่น่ารักเลย”วิไลทำหน้าเสียเมื่อถูกผมดุ”ทีตอนนี้มาว่า วิไลไม่น่ารัก ทีเมื่อคืนนี้ วิไลจ๋ะวิไลจ๋า รู้งี้เมื่อคืนไม่น่ายอมก่อนเลย เก็บไว้ให้อยากจนลงแดงตายก่อนเลยก็ดี..”ผมเองก็ชักหมดความอดทน”ถ้าวิไลยังพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ พี่จะไม่คุยด้วยแล้วนะ ถ้ายังอยากคุยกับพี่ก็ไปนั่งรอที่แคร่นู่นเลย พี่ขออาบน้ำก่อน...”ผมพูดดุๆกับวิไล”แต่...”วิไลพยายามจะพูด แต่ผมทำหน้าดุเสียงดุชี้นิ้วไปที่แคร่”ไป...”วิไลก้มหน้าแล้วเดินกระทืบเท้าไปแบบไม่พอใจ...

....ผมหนีวิไลมาหลบนอนเล่นที่ห้างนาที่พ่อเช่าเอาไว้ปลูกข้าว ผมนั่งมองทุ่งนาที่มีข้าวออกรวงสีทองอร่ามเต็มท้องทุ่ง วาดฝันไปถึงรายได้หลังการเก็บเกี่ยว ในไม่ช้าเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เมื่อใช้หนี้ไอ้สองพ่อลูกจิตวิตถารแล้ว คงจะเหลือพอไปหมั้นหมายสร้อยได้ ในไม่ช้าวันที่ผมใฝ่และฝันที่จะได้อยู่ร่วมกับสร้อยก็จะมาถึง ขณะที่ผมนอนอยู่ก็มีมือมาปิดตา”ใครเอ่ย...ทายถูกโดนตบ ทายผิดให้หอมแก้ม..”มามุกนี้อีกแล้ว สร้อยน่ะเอง”ส้มโอ เพ็ญพิสุทธ์..มาให้พี่หอมซะดีๆ..”ผมลุกขึ้นกอดสร้อยและดึงมานั่งบนห้างเฝ้านาด้วยกัน และระดมจูบไม่ยั้ง..”พอๆๆก่อนพี่ เป็นอะไรอีกเล่านี่ ทำอย่างกับอดมาตั้งแต่ชาติที่แล้วเลย...”ผมยังไม่หยุด ระดมจูบขณะสร้อยก็ยกมือยันหน้าของผมไว้”แหม..พี่กำลังคิดถึงอยู่เลย มาขอชื่นใจให้หายคิดถึงหน่อย...”สร้อยสะบับจนหลุดจากมือผมแล้วยืนทำท่างอนๆ”นี่ถ้าพี่คิดแต่จะทำอย่างงี้ละก้อ สร้อยจะกลับแล้วนะ”ว่าแล้วเธอก็เดินไปที่จักรยานที่จอดอยู่ ผมวิ่งไปขวาง”พี่ไม่ให้ไป ดูนี่ก่อนพี่ชื้ออะมาให้..”ผมชูพวงกุญแจที่มีลูกโลกใบเท่านิ้วโป้งห้อยอยู่ให้สร้อยดู”อะไรนะ...”ผมยื่นส่งให้สร้อยและอธิบาย”โลกของพี่มีแต่สร้อย พวงกุญแจรูปลูกโลกนี่แทนความหมาย ว่าโลกทั้งใบพี่ให้สร้อยคนเดียวไง...”สร้อยยิ้มแล้วเอาห่วงคร้องใส่ลูกกุญแจ”งั้นสร้อยจะเก็บติดตัวไว้ตลอดเลย ขอบใจนะพี่ ที่ให้ของมีความหมายอย่างนี้กับสร้อย”ดูท่าเธอจะพออกพอใจไม่น้อย...

....ผมจูงมือสร้อยมานั่งที่ห้างนา ผมชี้ให้เธอดูข้าวที่ออกรวงเป็นสีทองอร่ามเต็มท้องทุ่ง”สร้อยดูสิ อีกไม่กี่วัน นาของพี่ก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว ถึงตอนนั้นนะ หลังจากใช้หนี้แป๊ะฮงแล้ว ที่เหลือพี่จะเอาไปสู่ขอสร้อย คราวนี้เราไม่ต้องหลบๆซ่อนๆกันอีกแล้ว”สร้อยซบตัวมาในอ้อมแขนของผมที่โอบตัวเธอไว้”แต่ไม่รู้ว่าพ่อของสร้อยจะเรียกสินสอดจากพี่แพงไหม”สร้อยขยับตัวเข้ามาในอ้อมแขนของผมเหมือนจะออดอ้อนให้รัก”ใช้หนี้แป๊ะฮงอย่างเดียวก็พอ สร้อยคุยกับพ่อและแม่แล้ว พ่อบอกว่าถ้าเราสองคนรักกันจริงๆ พ่อก็ไม่ว่า สินสอดทองหมั้นนะเรื่องเล็ก ขอแค่ทำตามประเพณีก็พอ”ผมกอดสร้อยแน่นและหอมไปบนเส้นผมของเธอ”จริงๆหรอสร้อย พ่อของเธอพูดอย่างนั้นจริงๆรึ”สร้อยพยักหน้ายิ้มอย่างสุขใจ”จริงสิพี่..นี่คงเป็นเพราะเมื่อวานพี่ไปพิสูทธ์ตัวเองว่าพี่รักสร้อยอย่างจริงใจให้พ่อกับแม่ได้เห็น เขาเลยยอมรับความรักของเราน่ะ...”ผมหอมแก้มสร้อยฟอดใหญ่”ชื่นใจของพี่จริงๆ...”ผมนั่งมองท้องนายิ้มระรื่นสุขใจ ทุ่งรวงทองยามนี้คือความหวังทั้งมวลของผม มันจะนำพาหนี้ก้อนโตจากไป และจะนำพาสาวคนรักมาเคียงข้างผม..

.....เมื่อดอกข้าวบานและมีการผสมเกสรแล้วหนึ่งสัปดาห์ ภายในที่ห่อหุ้มด้วยเปลือกนอกใหญ่ก็จะเริ่มเป็นแป้งเหลวสี่ขาว ในสัปดาห์ที่สองแป้งเหลวนั้นก็จะแห้งกลายเป็นแป้งค่อนข้างแข็ง และในสัปดาห์ที่สามแป้งก็จะแข็งตัวมากยิ่งขึ้น เป็นรูปร่างของเมล็ดข้าวกล้อง แต่มันจะแก่เก็บเกี่ยวได้ในสัปดาห์ที่สี่นับจากวันที่ผสมเกสรจึงเป็นที่เชื่อถือได้ว่า เมล็ดข้าวจะแก่พร้อมเก็บเกี่ยวได้หลังจากออกดอกแล้วประมาณ 30 - 40 วัน

....อีกไม่นานเมื่อถึงปลายฤดูฝน และย่างเข้าต้นหน้าหนาว อากาศเริ่มเย็นลง ข้าวเบาเริ่มสุกพร้อมจะเก็บเกี่ยวได้ ข้าวเบาคือข้าวสุกก่อน ข้าวที่สุกต่อมาในช่วงเดือนอ้าย(มกราคม)คือข้าวกลาง ส่วนที่สุกในช่วงเดือนยี่(กุมภาพันธ์)เป็นลำดับสุดท้ายคือข้าวหนัก พ่อมักจะมานำเอาข้าวที่เกี่ยวในครั้งแรก 5 – 6 กำมือมาตากแดดก่อน และนวดออกมาจนได้ข้าวเปลือก จากนั้นจะตำด้วยมือจนได้ข้าวสารและนำไปหุงเป็นข้าวสวย ก่อนจะนำไปทำบุญตักบาตร เพราะเชื่อว่าจะเป็นการ อุทิศส่วนบุญกุศลแด่แม่โพสพและปู่ย่าตายาย และจะเป็นมงคลให้ผลผลิตข้าวได้เต็มที่ ไม่มีโรคภัย และสัตว์ต่างๆ เช่น นก หนู หนอนและแมลงร้ายมาเบียบเบียนด้วย...

....ชาวนาในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ใช้เคียวสำหรับเกี่ยวข้าวที่ละหลายๆ รวง ส่วนชาวนาในภาคใต้ใช้แกระสำหรับเกี่ยวข้าวที่ละรวง เคียวที่ใช้เกี่ยวข้าวมีอยู่ ๒ ชนิด ได้แก่ เคียวนาสวนและเคียวนาเมือง เคียวนาสวนเป็นเคียววงกว้าง ใช้สำหรับเกี่ยวข้าวนาสวน ซึ่งปลูกแบบปักดำ แต่ถ้าผู้ใช้มีความชำนาญก็อาจเอาไปใช้เกี่ยวข้าวนาเมืองก็ได้ ส่วน เคียวนาเมือง เป็นเคียววงแคบและมีด้ามยาวกว่าเคียวนาสวน เคียวนาเมืองใช้เกี่ยวข้าวนาเมือง ซึ่งปลูกแบบหว่าน ข้าวที่เกี่ยวด้วยเคียวไม่จำเป็นต้องมีคอรวงยาว เพราะข้าวที่เกี่ยวมาจะถูกรวบมัดด้วยตอซังหรือตอกไม้ไผ่ เป็นกำๆ ส่วนข้าวที่เกี่ยวด้วยแกระ จำเป็นต้องมีคอรวงยาว เพราะชาวนาต้องเกี่ยวเฉพาะรวงที่ละรวงแล้วมัดเป็นกำๆ ซึ่งเรียกว่า เรียง ข้าวที่เกี่ยวด้วย แกระ ชาวนาจะเก็บไว้ในยุ้งฉางซึ่งโปร่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และจะทำการนวดเมื่อต้องการขายหรือต้องการสีเป็นข้าวสาร ข้าวที่เกี่ยวด้วยเคียวชาวนาจะทิ้งไว้บนตอซังในนา เพื่อตากแดดให้แห้งเป็นเวลานาน 3 - 5วัน หรือจะตากบนราวไม้ไผ่ก็ได้แล้วจึงขนมาที่ลานสำหรับนวด ข้าวที่นวดแล้วจะถูกขนย้ายไปเก็บไว้ในยุ้งฉางหรือส่งไปขายที่โรงสีทันที....

....ขณะผมนั่งกอดกับสร้อยและฝันหวานกันอยู่นั้นพ่อก็กระแอมเบาๆขัดจังหวะจากข้างหลัง เราสองคนรีบผละจากกัน สร้อยหน้าแดงยิ้มเขินๆ ส่วนผมรีบนั่งตัวตรงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”แหมเป็นหนุ่มเป็นสาวนี่มันดีนะ นั่งพลอดรักกันได้ทั้งวัน ช่างน่าอิจฉาในความสุข...”พ่อแซวเราสองคนพร้อมรอยยิ้ม”พ่อมาเกี่ยวข้าวแรกหรอ...”ผมถามเมื่อพ่อวางกระบุงที่มีรวงข้าว 4 – 5กำมืออยู่ข้างใน พ่อพยักหน้า”ข้าว่าปีนี้เราคงจะลืมตาอ้าปากได้แล้ว แหมมันแล้งบ้างน้ำท่วมบ้างมาหลายปีเหลือเกิน”พ่อมองทุ่งข้าวอย่างมีความหวัง ดวงตาส่งประกายความสุข”แหม...พ่อบอกเสมอนี่ ว่าคนเรามันไม่แพ้ตลอดไปหรอกถ้าเรายังสู้ นี่ผลแห่งการเพียรพยายามสู้ของพ่อกำลังออกดอกออกผลแล้ว...”พ่อหันมายิ้มให้ผม”อื่มม...วันนี้เอ็งพูดรื่นหูข้าจังเลยวะ เอาละข้ากลับก่อนนะ เอ็งสองคนนั่งจีบกันไปเหอะ ข้าไม่อยู่เป็นก้างขวางคอหรอก”แล้วพ่อก็แบกกระบุงเดินกลับบ้านไป....

....ผมกับสร้อยนั่งคุยกัน หยอกเย้าบ้างไปตามประสา จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็ใกล้ค่ำแล้วสร้อยก็ขอตัวจะกลับบ้าน แต่ขณะสร้อยจะขี่จักรยานไปผมก้นึกขึ้นได้”เดี๋ยวสร้อย พี่ลืมไปเลย พี่ว่าจะฝากปลาช่อนไปให้สร้อยทำกับข้าวให้พ่อกับแม่ของสร้อยด้วย”ผมบอกสาวคนรักและยกข้องใส่ปลายื่นให้เธอ”ไอ้ช่อนตัวเบ้อเล้อเลย พี่จับได้เมื่อบ่ายนี้เอง..”สร้อยเปิดฝาข้องดู ปลาช่อนดิ้นขลุกขลักอยู่ข้างใน “น่าสงสารจังเลยพี่ ปลาตัวนี้ สร้อยขอนะ...”ผมแปลกใจในคำพูดของสาวคนรัก”ก็พี่ให้สร้อยอยู่แล้วนี่ จะขอทำไมอีกล่ะ”สร้อยพูดแล้วเดินหิ้วข้องไปที่ริมน้ำตรงคันนา และคุกเข่านั่งลงพร้อมกับพนนมือไห้ว”ขอบุญกุศลในการปล่อยปลาตัวนี้...ช่วยให้พี่รักสร้อยคนเดียวไปนานๆนะ...”แหมใจบุญจริงแฟนของผมแถมเข้าใจอธิฐานเสียด้วย แต่ขณะสร้อยจะปล่อยปลาลงน้ำ ผมก็เข้าไปขวางไว้”เดี๋ยวก่อนสร้อย รอเดี๋ยว”สร้อยมองผมอย่างงงๆ”มีอะไรหรอพี่...”ผมยกมือไห้วอธิฐานด้วย”ขอบุญกุศลครั้งนี้ ช่วยดลให้สร้อยรักพี่ไปตลอดกาลคนเดียวด้วยนะ..”แล้วเราสองคนก็ยิ้มให้กัน แล้วจับมือปล่อยปลาตัวนั้นลงน้ำพร้อมกับและหันมามองหน้าสบตา ต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข....

....ฝนสั่งฟ้าตกลงมาหลายวันติดต่อกัน ผมนั่งอยู่ในเรือนมองฝนตกโดยไม่รู้ว่าจะไปไหน ขณะนั่งเพลินๆก็ต้องสะดุ้งเมื่อวิไลมากอดตัวผมจากด้านหลัง”นั่งคิดถึงใครเล่าพี่...”ผมตกใจรีบแกะมือของเธอออก”อย่าน่าวิไล อย่าทำอย่างนี้ เดี๋ยว ใครมาเห็นเข้าจะเกิดเรื่องนะ...”วิไลละมือจากเอวแล้วมานั่งงอนๆข้างผม”ทีวิไลทำอย่างนี้กลัวใครเห็น ทีพี่ไปกอดพรอดรักกับนังคนชื่สร้อยที่ห้างนาไม่กลัวใครมาเห็น ใช่ซิ...วิไลมันคงไม่ใช่คนสำคัญ เป็นแค่ของว่างให้พี่กินรองท้อง...”ผมตกใจมองดูรอบตัวด้วยกลัวใครจะได้ยิน”วิไล...อย่าพูดอย่างนี้นะ ใครมาได้ยินเรือนพังแน่...”วิไลมองค้อน”ถ้าเรือนจะพังนะ มันพังตั้งแต่คืนที่พี่กระแทกวิไลแล้ว...”ไปกันใหญ่แล้ว ผมเกาหัวที่ดันพลาดไปในคืนนั้น”พี่ว่าเราอย่าเพิ่งคุยกันเลย เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะ”วิไลยิ้ม และเข้ามาซบไห่ลของผม”วิไลไม่พูดก็ได้ แต่คืนนี้วิไลขออีกนะ...”วิไลมองผมตาหวานเยิ้ม พยักหน้าให้ผมและชูนิ้วหนึ่งนิ้ว”นะ..นะ...นะ....”ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่.....

....ขณะเรานั่งอยู่รถของครูสมบูรณ์ก็วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าเรือน ครูหนุ่มเปิดประตูวิ่งฝ่าฝนเข้ามาพร้อมกับสร้อยแล้วตะโกนเรียกเรียกหาผม พ่อและทุกคนออกไปดู”ที่นาตรงท้ายคลองชลประทานนั้นใช่ที่ของนายหรือเปล่า...”ครูหนุ่มถามผม”ใช่แล้วมีอะไรหรอ...”สร้อยตะโกนแข่งกับเสียงฝนบอกผม”พวกไอ้เม้งมันแกล้งพี่อีกแล้ว พวกมันไปชักน้ำเข้านาของพี่ พอดีครูเขาขับรถผ่านไปเห็น รีบไปดูเหอะ เดี๋ยวน้ำจะท่วมข้าวตายหมด..”พ่อและทุกคนได้ยินก็ตกใจกันถ้วนหน้า ผมรีบวิ่งฝ่าฝนไปยังที่นาก่อนใคร พอไปถึงก็แทบหมดแรง ต้นข้าวถูกน้ำท่วมล้มไปจนเกือบหมด พ่อ แม่และอาจันที่ตามมาถึงกับอ้าปากค้าง”หมดกัน...หมดตัวกันแล้วคราวนี้...”แม่คร่ำครวญนั่งลงร้องไห้”ไอ้เม้งมันต้องแกล้งเราแน่ๆ มันท่วมแต่ที่นาของเราที่เดียว”ผมหันไปบอกพ่อ”อย่าเพิ่งโทษใครไป กล่าทโทษคนมันต้องมีหลักฐาน “ผมถึงกับโวยวายเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ผลเก็บเกี่ยวปีนี้มันคือความหวังทั้งมวลของบ้านเรา แล้วจู่ๆต้องมาพังลงต่อหน้าต่อตา”ยังจะเอาหลักฐานอีกหรอพ่อ พวกมันไม่เคยหยุดราวีพวกเราเลย ฉันจะไม่ทนอีกแล้ว ฉันจะไปฆ่าล้างโคตรมันเลยวันนี้.....”ผมทำท่าจะตรงไปที่บ้านของแป๊ะฮง ทุกคนฉุดมือห้ามไว้ “เดี๋ยวก่อน ข้าวยังเสียหายไม่มาก มาช่วยกันกู้นาข้าวกันก่อนดีกว่า”ครูหนุ่มบอก”แล้วจะทำยังไงกันล่ะ”พ่อถามครูหนุ่ม”ช่วยกันวิดน้ำออกและพังคันนาระบายน้ำ...”แล้วพวกเราก็ลงไปช่วยกันวิดน้ำออก ผมถีบคันนาให้พังเพื่อระบายน้ำออก เจ้าคมและชาวบ้านที่ผ่านต่างเข้ามาช่วยกันอีกหลายคน จนใกล้ค่ำฝนก็หยุดตก...

....”พอเถอะพี่...ทำไปก็ป่วยการเปล่า ต้นข้าวมันเน่าตายหมดแล้วพี่...”เจ้าคมมาฉุดแขนให้หยุด ผมตะโกนลั่นด้วยความเจ็บใจ แล้วถีบคันนาระบายความแค้นในใจ”ไอ้เม้ง ไอ้ฮง ไอ้พวกชิงหมาเกิด....”ผมทรุดตัวนั่งลงร้องไห้อย่างไม่อายใครสร้อยและเจ้าคมมาช่วยกันประคองผมขึ้นมานั่งที่ข้างทาง พ่อลูบหัวปลอบใจผม”ต้องเป็นฝีมือของมันแน่ๆ...”ผมบอกทุกคน”ฝีมือใครกันว่ะ โห...น้ำท่วมข้าวตายหมดเลย น่าสงสารจังเลย...”เสียงไอ้เม้งดังมา พอผมหันไปดูก็เห็นแป๊ะฮงเดินคู่มากับไอ้เม้งมีลูกน้องกางร่มให้ มันยืนดูที่นาของผมแล้วหัวเราะพร้อมกับส่ายหัว”หมดตัวแน่ๆพวกลื้อนี่ อั๊วะบอกแล้วที่ของลื้อมันแรง บารมีของพวกลื้อมันไม่พอให้เป็นเจ้าของ ไม่งั้นลื้อก้จะเจออาเพศอยู่อย่างนี้..”ผมสุดทนกับคำเยาะเย้ยของมัน”เออ...พวกกูเจออาเพศ แต่มึงต้องเจอส้นตีนของกู...”ผมยกเท้าจะกระโดดถีบปากมัน แต่ทุกคนรีบเข้ามาจับตัวผมไว้”เฮ้ย...ลื้อนี่มันชักจะกำแหงหาญใหญ่แล้ว ก้าวร้าวไม่รู้ใครอาวุโสใครเป็นเด็ก ลื้อสั่งสอนลูกกันบ้างสิวะ..”พ่อเดินมาเผชิญหน้ากับแป๊ะฮง”ข้าถามจริงๆแป๊ะฮง ทำไมต้องแกล้งกันถึงขนาดนี้..”แป๊ะฮงทำหน้าตาเหรอหรา”บ้าแล้ว...บ้าแล้วพวกลื้อนี่ ใครเขาจะไปแกล้งพวกลื้อ กล่าทหากันอย่างนี้ แรงนะนี่...”ครูสมบูรณ์เดินเข้ามาร่วมวงด้วย”ผมเห็นตอนขับรถผ่านมาว่าลูกชายแป๊ะเป็นคนสั่งลูกน้องให้ชักน้ำเข้านาตรงนี้..”แป๊ะฮงหยีตามองครูหนุ่ม”อย่ามาพูดพล่อยๆใส่ความลูกชายอั๊วะนา คุณครู เห็นเป็นครูบาอาจารย์นะ อั๊วะจะไม่ถือ แต่ถ้ายังพูดอีก อั๊วะจะไม่เกรงใจแล้ว...”ผมเดินเข้าหาจะเอาเรื่องอีก ทุกคนช่วยรั้งตัวกันไว้”นาของกูฉิบหายหมดขนาดนี้ จะมีฝีมือใคร ถ้าไม่ใช่ไอ้เม้ง แล้วคนให้ท้ายคอยวางแผนจะเป็นใครไปได้นอกจากมึง ไอ้ฮง...”แป๊ฮงชี้ไม้ตะพดมาที่ผม”ลื้อพูดดีๆ อันที่จริงฝนก็ตกมาตั้งหลายวันไม่ได้หยุดน้ำมันก็ท่วมเป็นธรรมดานะสิ พอมันท่วมพวกลื้อดันมาโทษอั๊วะ พวกลื้อนี่มันมั่วกันจริงๆ”พ่อมองแป๊ฮงแล้วเค้นเสียงถาม”แล้วทำไมมันท่วมแต่ที่นาของข้าล่ะ..”แป๊ะฮงอึกอัก ตอบเลี่ยงๆ”จะไปรู้เรอะ อั๊วะไม่ใช่เทวดานี่หว่า...”ผมสุดทนอีกครั้งวิ่งจะไปเอาเรื่องแต่ทุกคนช่วยกันลากกลับ ผมตะโกนด่าใส่พวกมัน”คอยดูเถอะพวกมึง กรรมชั่วที่พวกมึงทำกับกูจะสนองตอบพวกมึงอย่างสาสมแน่...”ผมพยายามดิ้นเข้าไปเอาเรื่องพวกไอ้เม้งให้ได้แต่ครู เจ้าคม พ่อและอาจันก็ลากผมไปขึ้นรถ สร้อยก็มานั่งข้างๆ”พอเถอะพี่ โว้ยวายไปก็เท่านั้น ไปคิดหาทางแก้ไขกันเถอะ...”ผมถอนหายใจ นั่งนิ่งหมดอาลัยตายอยาก”ก็พี่หมดตัวแล้ว จะไปแก้ไขอะไรกันได้อีกเล่า...”

....ผมมานั่งอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ครูสมบูรณ์ขอตัวกลับไปก่อน อาจัน แม่และ วิไลนั่งอยู่บนเรือน พ่อยืนดูหมู่บ้านจากเนินหน้าเรือน ส่วนเจ้าคมนั่งอยู่ข้างๆคอกควาย สร้อยนั่งหน้าเศร้าข้างๆผม พยายามลูบเนื้อลูบตัวปลอบโยนผม ถ้ามีเวลาใส่ใจสักหน่อยผมคงได้เห็นสายตาริษยาต่อสร้อยที่มีของวิไล “พี่อย่ายอมแพ้นะ พี่ต้องสู้ต่อไป สู้เพื่อทุกคนและเพื่อสร้อยด้วย”สร้อยพูดให้กำลังใจผม”อะไรที่แล้วมา ก็ให้มันแล้วกันไปเถอะพี่ ชีวิตของเราต้องดำเนินต่อไป..”ผมมองหน้าสาวคนรักแล้วพูดเสียงคลือๆ”พี่จะเอาอะไรมาสู้ ทุกอย่างมันสูญสิ้นไปหมดแล้ว พี่ไม่เหลืออะไรมาสู้อีกแล้ว”เจ้าคมเดินมาใกล้ๆ”พี่อยากจะเป็นวีรบุรุษของบ้านนางรอง เจอแค่นี้ก็ถอยแล้วเรอะ ถ้าพี่ยอมแพ้แล้วพี่จะไปทำอะไร..”ผมเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย พลันสายตาก็มองไปเห็นกลุ่มคนควบม้าเหยาะตรงมายังบ้านผม....

....กลุ่มชายควบม้าตรงเข้ามาหยุดที่หน้าเรือน ทุกคนแต่งตัวเหมือนเคาบอยในหนังกางแลงที่เราเคยดู แต่สภาพขอบอกว่าโสโครกมากๆ ไม่เท่ส์เหมือนในหนัง พอชายที่ลงจากม้าตัวหน้าดันปีกหมวกเผยใบหน้า พ่อมองเห็นถึงกับอุทานว่า”พี่พาย...”ชายวัยสี่สิบกว่าๆรูปร่างล่ำสันหัวเราะเบาๆ”มึงยังจำกูได้รึ...”ผมมองแล้วตะลึง กลุ่มคนที่มายืนเป็นสิบนี่ คือเสือพาย เสือร้ายที่ลือชื่อ และมันกำลังจะมาปล้นหมู่บ้านนี้ ชายที่ถูกเรียกว่าเสือพายเดินไปหยุดที่ข้างหน้าของพ่อ”กี่ปีแล้ววะที่มึงออกจากชุมโจรของกูมา”พ่อดูจะนอบน้อมมากกับชายที่เป็นเสือร้ายคนนี้ และดูสนิทกันมากอีกด้วย และที่สำคัญผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อเคยเป็นโจรมาก่อน”เอ่อ...เกือบๆ20ปีแล้วจ้าพี่...”เสือพายเดินมามองหน้าผม”ไอ้หนุ่มนี่ใคร หน้าตาดี หน่วยก้านดี ท่าทางดุเอาเรื่องนะ”พ่ออึกอักแล้วเดินมายืนข้างๆเสือพาย”ลูกชายฉันจ๊ะ..”แล้วพ่อก็หันมาบอกผม”ไห้วลุงเขาสิ...”ผมมองตากร้าว”ฉันไม่ไห้วพวกโจรที่มันปล้นเขากินและสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านหรอก”พ่อหน้าเสีย สร้อยตีแขนของผม”พูดอะไรนะพี่..”เสือพายหรี่ตามองผมแล้วหัวเราะ”แหม...ปากกล้าดีจังไอ้หนุ่ม แหมปากดีอย่างนี้ไม่น่าอยู่รอดจนโตมาได้ขนาดนี้เลยนะมึง...”พ่อระล่ำระลักบอกเสือพาย”อย่าโกทธเลยพี่ ลูกฉันมันยังเด็กอยู่ ฉันขอโทษแทนมันด้วย”เสือพายโบกมือ”เออ...ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือหรอก เด็กหนุ่มมันก็อย่างนี้แหละ”เสือพายเดินหันหลังไปมองหมู่บ้านจากเนิน”มึงคงรู้แล้วว่ากูมาทำไม”พ่อก้มหน้านิ่ง”กูจะมาปล้นหมู่บ้านนี้ แต่กูจะไม่ให้ลูกน้องของกูแตะบ้านมึงเลย ถ้ามึงไม่ขัดขวางพวกกู...”เสือพายบอกพ่อตรงๆ”เอ่อ..ฉัน...”เสือพายตบบ่าพ่อ”มึงก็รู้ว่ากูพูดตำไหนคำนั้น ตอนมึงขออกจากชุม มึงขอกูและให้สัญญาว่าจะไม่บอกใครว่ากูอยู่ไหน และมึงก็ทำตามสัญญามากว่า 20 ปี กูนับถือน้ำใจมึงมาก เอาล่ะ กูจะกลับแล้วอยู่นานไม่ได้ กูขอย้ำว่า ข่าวการมาของกูและการเข้าปล้นของกูจะไม่มีมึงเข้ามาขัดขวาง..”แล้วกลุ่มเสือพายก็ควบม้ากลับไป พ่อมองตามแล้วถอนใจ..
.
....พ่อนั่งเหม่อมองคนเดียวไปยังหมู่บ้าน ผม สร้อยและเจ้าคมเดินไปนั่งข้างๆ พวกเรามองจากเนินลงไปยังหมู่บ้าน พ่อสูดลมหายใจลึกๆ”ข้าวกำลังเต็มนาเลย เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วทุกคนก็จะมีเงิน และเมื่อนั้นพวกโจรก็จะเข้ามาปล้น...”สีหน้าพ่อดูกังวล”ฉันอยากให้พวกมันปล้นและเผาบ้านไอ้ฮงกับไอ้เม้งที่เดียวจังเลย”ผมบอกความในใจต่อทุกคน”เอ...ลุง..ที่เสือพายบอกว่าลุงเคยเป็นพวกมันมาก่อนจริงรึ...”สร้อยถามอย่างสงสัย”ใช่แล้วลุง ทำไมพวกเราไม่เห็นรู้เรื่องเลย..”เจ้าคมชิดเข้ามาแล้วช่วยถาม พ่อนั่งนิ่งสักพัก”มันนานมาแล้ว ตั้งแต่ข้ายังหนุ่มอยู่เลย ข้าถูกบีบจากชาวบ้านทำให้โกทธแค้นหนีเข้าป่าไปเป็นโจร ข้าเข้าสังกัดเสือพาย ออกปล้นเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาจนได้เป็นมือขวาของเสือพาย...”ผมนั่งฟังนิ่ง ตั้งแต่จำความได้ พ่อไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้เลย”ต่อมาข้าออกปล้นและถูกตำรวจไล่จับ ข้ากับเสือพายแยกกันหนี แล้วข้าไปหลงป่า ข้าหลงป่าอยู่หลายวัน หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย จนกระทั่งหลุดออกมาได้..”พ่อเล่าด้วยดวงตาที่แจ่มใสราวกับเรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อวาน ทุกคนนั่งนิ่งฟังพ่อเล่าต่อโดยไม่ขัด”ข้ากระหายน้ำมาก ข้าเดินมาเจอลำคลองก็ก้มดื่มอย่างกระหาย หลังดื่มน้ำในลำคลองจนพอ ข้าก็เงยหน้าถึงรู้ว่าข้างๆ มีผู้หญิงกำลังอาบน้ำอยู่ ตอนนั้นข้ายอมรับผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ผู้หญิงนุ่งผ้าถุงตัวเดียว แล้วมองหน้าข้างงๆ แต่ขณะนั้นก็มีงูเลื้อยขึ้นมาจากน้ำตรงมาที่ผู้หญิงคนนั้น เสียงร้องกรี๊ด ผู้หญิงคนนั้นตกใจวิ่งหนีจนผ้าถุงหลุด”พวกเราเงียบนิ่งนั่งฟัง”แล้วไงต่อละพ่อ..”ผมถาม พ่อหันมามองผม”แล้วเขาก็กลายมาเป็นแม่เอ็งยังไง..”พ่อพูดจบพวกเราก็หัวเราะครืน แต่พ่อยังเล่าต่อ”จากนั้นข้าก็ถอนตัวเลิกเป็นโจร และกลับมาปักหลักอยู่ที่นี่จนมีเอ็งนี่แหละ...”

....”แล้วพ่อจะทำยังไงล่ะถ้าเสือพายเข้าปล้นหมู่บ้านนี้...”พ่อเงียบ แล้วลุกขึ้นยืน พวกเราลุกขึ้นตาม “แล้วถ้าเป็นเอ็งล่ะ เอ็งจะทำอย่างไง...”ผมมองไปที่หมู่บ้าน แล้วสูดลมหายใจลึกๆ”ถ้าพวกชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือจากฉัน ฉันก็พร้อมจะช่วยนะพ่อ...แล้วพ่อละ...ผมถามกลับไป พ่อนิ่งสักครู่” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็ยังคิดเหมือนเอ็งนั่นแหละ...”

1 ความคิดเห็น:

  1. Play Live Dealer Casino Site - LuckyClub
    Live casino is the most reliable place to play casino games online. You are the one who sets the rules, not the casino. But you luckyclub.live can always gamble at real

    ตอบลบ