....รักต้องสู้ แล้วต้องสู้เพื่อรัก เดชแม่ยายBYนีโอ ภาค ปฐมบท ตอนที่ 3
….รุ่งแจ้งแสงอรุโณทัยส่องฟ้า วันนี้ผมตื่นสายเพราะว่าเมื่อคืนไปส่งสร้อยที่บ้านของเธอและกลับมาเกือบๆเที่ยงคืน ซ้ำยังเสียพลังในการไปส่งมาเยอะ เลยค่อนข้างจะเพลียอักโข ผมลงมาล้างหน้าล้างตาและกลับขึ้นไปกินข้าว แต่ยังไม่ทันอิ่ม แลไปก็เห็นรถของแป๊ะฮงวิ่งมาจอดที่หน้าเรือน แป๊ะฮง ไอ้เม้งและลูกสมุนเดินกร่างลงมาจากรถ พ่อเดินออกไปรับ แน่นอน พวกมันต้องมาทวงเงินที่ติดหนี้พร้อมดอกเบี้ยอีกครั้งแล้ว
....แป๊ะฮงมาถึงก็เรียกพ่อผมมาคุยด้วย”อั๊วะว่าลื้อยอมขายที่ตรงนี้ให้อั๊วะดีกว่า อั๊วะจะให้ราคาลื้อเต็มที่ หักที่ติดหนี้แล้วยังเหลือไปชื้อที่ใหม่อยู่กันได้สบายๆเลย ไม่ต้องมาติดหนี้อั๊วะแล้วต้องให้อั๊วะมาทวง ให้รำคาญอย่างนี้..”ผมเดินลงมาสมทบและได้ฟังในสิ่งที่แป๊ะฮงพูดด้วย”ข้าไม่ขายหรอกแป๊ะ ที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดกันมาหลายชั่วคน ปู่ของปู่สั่งต่อๆกันมาว่าห้ามขายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แค่ข้าเอาไปจำนำกับแป๊ะ ก็ผิดมหันต์แล้ว ผีปู่ผีย่าถึงลงโทษให้พวกข้ายากจนอยู่นี่ไง..”แป๊ะฮงท่าทางไม่พอใจ มันมองพ่ออย่างดูแครน”ลื้อนี่มันงมงายน่ะ ถ้าผีปู่ผีย่าของลื้ออีรักลื้อจริง คงจะช่วยหาทางบัลดารให้ลื้อร่ำรวยบนที่ดินนี่แล้ว ไม่มาจนดักดานอยู่อย่างนี้หรอก..”ผมเองก็ไม่พอใจที่แป๊ะฮง ด่าถึงบรรพบุรุษของผม”แล้วแป๊ะล่ะ ข้าเห็นแป๊ะอยากได้ที่ของพ่อข้าจังเลย และไอ้ที่ตรงนี้มันก็ใช้ปลูกใช้ทำอะไรไม่ได้ แกจะอยากได้เอาไปทำอะไร...”ไอ้เม้งท่าทางไม่พอใจเดินออกมาจากด้านหลังของแป๊ะฮง”มึงอย่าเสือกได้ไหม ผู้ใหญ่เขากำลังคุยกัน”แป๊ะฮงยกมือห้ามไอ้เม้งและโบกมือไล่ให้หลบไป ก่อนเดินเข้ามาหาผม”อั๊วะอยากได้ที่ตรงนี้ไว้ทำฮวงซุ้ยสุสานของตระกูลอั๊วะ...”
...แป๊ะฮงหันหลังแล้วกางแขนขึ้น พลางบรรยายถึงสภาพของพื้นที่”ที่ตรงนี้..อั๊วะพาซินแสมาตรวจดูแล้ว ทำเลมันเหมาะที่จะทำฮวงซุ้ย แต่ล่ะทิศมีตำแหน่งประธาน มีที่มาของพลัง อาณาบริเวณของเนินนี้เป็นตำแหน่งของหงส์ขาว มังกรเขียวรวมกัน ด้านหลังเป็นแม่น้ำสายใหญ่ก่อเกิดกระแสของพลังที่โอบอุ้ม รอบๆเนินที่นี่มีภูเขาใหญ่ล้อมรอบ ประหนึ่ง เป็นกำแพงเมืองอันแข็งแกร่ง นับว่าเป็นชัยภูมิอันยอดเยี่ยมมาก..”ผมส่ายหัวในความคิดของมัน”ไหนแป๊ะว่าเรื่องผีปู่กับผีย่าของข้างมงายไง แล้วของแกไม่งมงายกว่ารึ..”แป๊ะฮงหันมาทำหน้าเครียด”หุบปาก...บังอาจมาก..อย่ามาพูดจาสามหาวดูถูกตำราจีนเป็นอันขาด ว่าไงลื้อกับพ่อของลื้อจะขายที่ขาดให้อั๊วะไหม...”พ่อยังคงยืนนิ่ง ส่วนไอ้เม้งที่ยืนอยู่นานออกความเห็นบ้าง”เตี๋ย...อั๊วะว่ายึดเลยดีกว่า อย่ามัวมาเสียเวลาคุยกับพวกมันอยู่เลย ยังไงๆดูแล้วอั๊วะว่าวันนี้มันก็คงไม่มีเงินจ่ายค่าดอกเราอยู่แล้ว..”แป๊ะฮงยิ้ม แล้วเอามือไพร่หลัง”อั๊วะเองก็ไม่อยากสร้างฮวงซุ้ยจากน้ำตาของใคร มันเป็นอัปมงคล แต่ถ้าพวกลื้อยังยืนกรานไม่ขาย อั๊วะก็ต้องทำตามข้อเสนอของอาเม้ง...ว่าไงพวกลื้อจะเอายังไง..”ผมเดินไปเผชิญหน้ากับแป๊ะฮง จ้องตากร้าว”แป๊ะ..ถ้าแกตายแล้วอยากเอาศพตัวเองมาฝังไว้ที่นี่นะ ไม่ต้องมาบีบชื้อที่ของพ่อข้าหรอก ข้าจะให้ฝังฟรีๆเลย แล้วจะสร้างศาลแถมให้ด้วย แกจะได้มาเป็นผีเฝ้าที่ของพ่อแล้วคอยรับใช้ผีปู่ผีย่าของข้าด้วย...”แป๊ะฮงและไอ้เม้งรวมทั้งลูกสมุนของมันทำท่าโมโหกันใหญ่ โดยเฉพาะ ไอ้เม้งแทบเต้นผางๆ”มึง...มันจะมากไปแล้วนะ...”มันหันไปมองแป๊ะฮง”เตี๋ย..ยึดที่ของมันเลย ไม่ต้องคุยกันแล้ว ยิ่งคุยกับมันเหมือนเป็นขี้กราก ลามปามไปเรื่อย..”แป๊ะฮงทำปากขมุบขมิบ ตาตี่ๆเบิกขึ้น”ลื้อนี่มัน...ก้าวร้าวจริงๆ ในเมื่อสวรรค์มีทางให้เดิน ลื้อไม่เดิน ลื้อเลือกที่จะลงนรก อั๊วะก็จะไม่ขัด เอาเงินค่าดอกเบี้ยของเดือนนี้มา 6000 บาท ขาดแม้นสลึงหนึ่งก็ไม่ได้ ถ้าไม่มีภายใน 12 ชั่วยามลื้อจงออกไปจากที่ตรงนี้โดยไม่มีข้อแม้นใดๆทั้งสิ้น...”ผมคิดแล้วมันต้องมาลูกนี้ พ่อดูเครียดและมองหน้าผม”ทำไงดีว่ะ ข้าไม่มีให้มันเสียด้วย เอ็งไม่น่าไปยั่วพวกมันเลย จะได้ต่อรองกันสักหน่อย..”ผมยิ้มแล้วบอกพ่อใจเย็นๆ พ่อยังคงเครียดดุผม”ใจเย็นกะผีอะไรเล่า พวกมันเอาจริงแน่ เอ็งนี่มันชอบหาเรื่องเดือดร้อนจริงๆ”
....ผมล้วงกระเป๋าหยิบเงินสด 6000 บาทส่งให้แป๊ะฮง”เอ้านี่เงินของแก นับดูด้วยครบไหม..”พ่อและพวกแป๊ะฮงแปลกใจและงุนงงว่าผมไปเอาเงินมาจากไหน แป๊ะฮงรับเงินไปนับอย่างผิดหวังแล้วส่งให้ไอ้เม้ง”แล้วหลังเกี่ยวข้าว ข้าจะเอาเงินไปใช้หนี้เงินต้น แล้วพวกแกกับบ้านของข้า จะได้สิ้นสุดกันทีไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน..”พวกแป๊ะฮงต้องล่าถอยกลับไปด้วยความผิดหวัง พ่อเดินมาถามผมด้วยความสงสัย”เอ็งไปเอาเงินมาจากไหนว่ะ..ไม่ได้ไปปล้นชิงใครมาใช่ไหม..”ผมมองหน้าพ่อแบบไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ฉุดคิดได้ว่า พ่อคงไม่อยากเห็นผมเป็นโจรขโมย แต่ก็ไม่บอกตรงๆบอกไปเป็นนัยๆว่า”ความรักน่ะ..ทำให้คนเราทำได้ทุกอย่างแหละ...จริงไหมพ่อ..”แล้วผมก็เดินออกไปจากตรงนั่น ปล่อยให้พ่อเกาหัวบ่นว่า มันพูดอะไรของมันวะ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเงิน 6000 เลย...
....ผมเดินมาเรื่อยๆวันนี้ผมมีนัดต้องไปเรียนกับครูสมบูรณ์ ระหว่างทางก็ผ่านบ้านของสร้อยด้วยความตั้งใจของผมเองด้วยที่จะมา สร้อยยืนเก็บผักอยู่ที่แปลงข้างๆรั้วบ้าน ผมย่องไปแล้วโผ่ลเล่นจ๊ะเอ๋กับสร้อย”จ๊ะเอ๋...น้องสร้อยคนสวย ทำอะไรอยู่” และเธอทำท่าตกใจยกมือขึ้นทาบอก”ตกใจหมดเลยพี่...เล่นอะไรบ้าๆน๊ะ..”ผมรีบเข้าไปประคองและทำท่าจะหอมแก้ม”ตกใจมากไหมจ๊ะ...โอ๋ขวัญเอ๊ย...ขวัญมามาอยู่กับเนื้อกับตัว”สร้อยเอามือผลักตัวผมออกมาท่าทางจะโมโห”ไม่ต้องเข้ามาเลย เล่นกับสร้อยอย่างนี้สร้อยเกลียดแล้ว”สร้อยทำท่ากระเง้ากระงอดหัหลังให้ผม จนผมต้องเดินมาโอบเอวจากด้านหลัง”แหมหน้าตาหล่อๆอย่างพี่นี่ สร้อยเกลียดได้ลงหรือ ทั้งหมู่บ้านนี่หาไม่ได้อีกแล้วนะ..”สร้อยหันมามองแล้วเบะปาก”ฮึ่มมม...ต่อหน้าก็คงว่ามีแต่สร้อย พอลับหลังคงแอบสาวๆไว้เต็มเลยละซิ...”แหมทำเป็นงอน ผมดึงสร้อยเข้ามากอดแน่นอีก”พูดอย่างงี้นี่ หึงพี่หรอ รับรองพี่ทำอย่างเมื่อคืนนี้ ทำแต่กับสร้อยคนเดียวเท่านั้น เพราะมีแต่สร้อยยอมให้ทำคนเดียว..”สร้อยหน้าแดงหันมาฟาดผมด้วยตระกล้าใส่ผักจนผมล้มหัวทิ่ม”บ้า....พูดบ้าๆ”แต่พอเห็นผมล้มคะมำก็ตกใจวิ่งเข้ามาประคอง”ว้าย...เป็นไงบ้างพี่..”ผมได้โอกาสจึงเอาหน้าซุกเข้าตรงหน้าอกนุ่มๆของสร้อย”ทำไมเล่นกับพี่แรงจังเลยวันนี้”ผมถามสร้อยที่เอามือลูบหน้าลูบตาผมด้วยความเป็นห่วง”แหมก็คนมันเขินนี่พี่..”ผมเลยต้องพูดเบรกเธอไว้บ้าง”ทีหลังก็ยั้งมือไว้บ้างนะ เล่นกับพี่อย่างนี้ เกิดพี่ช้ำในตายไป จะต้องหาผัวใหม่นะ..”สร้อยปล่อยมือจนผมหงายท้องลงกับพื้นตายก็ตายไปซิ อย่างสร้อยแค่ถกผ้าหนุ่มๆก็วิ่งมาแย่งกันเป็นผัวแล้ว”สร้อยทำงอนเดินไปเก็บผักต่อ
....ผมลุกขึ้นเดินมาช่วยสร้อยเก็บผัก สร้อยเหลือบมามองแล้วถาม”นี่จะไปไหนแต่เช้าเลยล่ะ...”ผมเก็บดอกแคได้กำมือก็หันมามองหน้าสาวคนรักยิ้มๆ”ตั้งใจจะมาหาสร้อยนี่แหละ และจะไปบ้านครูสมบูรณ์ด้วย ว่าแต่สร้อยไม่ไปไหนหรอวันนี้...”สร้อยทำอายๆ”อยากไปเหมือนกันแต่ไปไม่ไหว..”ผมถามอย่างแปลกใจ”เป็นอะไรไปล่ะ...”สร้อยหน้าแดงตอบเสียงในลำคอ”ก็พี่น่ะสิ...เมื่อคืนทำสร้อยทั้งแสบทั้งระบมไปหมด เช้าตื่นมาลุกเดินแทบไม่ไหว..”ผมหัวเราะร่วน สร้อยอายหน้าแดงเอื้อมมือข้ามรั้วมาหยิกผม”ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก..คนบ้าทำไม่บันยะบันยัง..”ผมอยากจะตอบว่าแล้วตอนโดนไม่เห็นร้องห้ามเลย มีแต่บอกแรงๆเร็วๆ แต่กลัวเธอจะโกทธจริงๆ เดี๋ยวจะไม่มีครั้งหน้าอีก...
....ขณะเราคุยกันอยู่ พ่อกับแม่ของสร้อยก็เดินมาโดยมีไอ้เม้งเดินตามมาด้วย ทั้งหมดเดินมาจนถึงตรงที่สร้อยยืนอยู่ พ่อของสร้อยหันมาเห็นผมก็เอาไม้ตะพดชี้หน้าผมแล้วพูดด้วยความเดือดดาลว่า ”มึงอยู่ด้วยก็ดีแล้ว...จะได้สะสางกันทีเดียวเลย..”แล้วพ่อของสร้อยก็หันไปตวาดสร้อยเสียงดัง”นังลูกไม่รักดี...”สร้อยทำหน้างงๆ”พ่อโกทธสร้อยเรื่องอะไรหรอ”เสียงของสร้อยอ้อมแอ้ม”ยังจะมีหน้ามาถามอีก นี่ถ้าเจ้าเม้งไม่มาเล่าให้ฟัง ข้าก็คงไม่รู้ว่าเอ็งสิ้นคิดขนาดขโมยเงินของพ่อไปให้ไอ้สารเลวนี่...”เจ้าเม้งยิ้มจนตาตี่ๆของมันติดกันสนิท”ฉันว่าถ้าจะไม่ใช่ให้เงินกันอย่างเดียวด้วยม้าง...ให้อย่างอื่นด้วยหรือเปล่า...”ไอ้เม้งช่วยพูดยุจนพ่อและแม่สร้อยหันมามองอย่างไม่พอใจ ไอ้เม้งเลยต้องหยุดพูดและหลบตา"”ไอ้เม้ง..ไอ้ปากหมา มึงพูดมานี่ มึงกล่าทหากูนะนี่ มึงเห็นกับตาเรอะ..”สร้อยหันไปด่าไอ้เม้ง พ่อของสร้อยกัดฟันดุด่าลูกสาวอย่างเจ็บใจ”กูอยากจะเอาเลือดของมันออกมาดูจัง อยากจะรู้นักว่ามันไปเอาเลือดชั่วๆเลวๆนี้มาจากใคร..”สร้อยก้มหน้านิ่งยอมรับแต่โดยดี ขณะที่แม่ของเธอมองสร้อยอย่างผิดหวัง”สร้อย...เอ็งทำตัวอย่างนี้แม่เสียใจมากรู้ไหม..”แล้วแม่ของสร้อยก็หันมาทางผม”ฮึ่ม...เพราะมึงแท้ๆ..”แม่ของสร้อยชี้หน้าผม”ไอ้สารเลว...มึงหลอกลูกกูให้ขโมยเงินไปให้มึงใช่ไหม...”ผมยังยืนนิ่งนึกพูดแก้ตัวอะไรไม่ออก ใช่แล้วครับ เมื่อคืนก่อนที่ผมจะกลับ สร้อยแอบขโมยเงินของพ่อเธอมาให้ผม เพื่อไปจ่ายค่าดอกเบี้ยไอ้เม้ง แม้นผมจะไม่ยอมรับแต่เธอก็ยัดใส่มือผม และบอกให้ผมขยันขันแข็งหาเงินมาใช้หนี้และสู่ขอเธอไวๆ “เอ่อ...คือว่า..เอ่อ..”ผมพูดอะไรไม่ออก ไอ้เม้งได้ทีชี้หน้าผม”นั่นไงมันยอมรับแล้ว ป้าแจ้งตำรวจจับมันเลย แล้วเพิ่มข้อหาหลอกลวงกับพรากผู้เยาว์ด้วย..”ผมมองหน้าไอ้เม้งเจ็บใจที่มันเอาความมาบอกพ่อของสร้อย จึงทำให้สร้อยตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก”มึงไอ้เม้ง ไอ้ระยำ ไอ้คนขอยืมปากหมามาใช้ มึงอยากได้หน้านักหรือไง หน้ามึงยังใหญ่ไม่พอใช่ไหม เงินนั่น กูไม่รู้ว่าสร้อยขโมยมา ไม่งั้นกูไม่รับมาให้สร้อยต้องลำบากอย่างงี้หรอก...”ไอ้เม้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ และโวยวายขึ้นยุให้พ่อของสร้อยเกลียดผมเพิ่มขึ้น”อย่าไปเชื่อมันนะอา ไอ้นี่มันหวังมาหลอกเงินและเจาะไข่แดงของสร้อยเท่านั้น.มันไม่มีความจริงใจให้กับสร้อยหรือใครทั้งนั้น.” สร้อยยืนนิ่งก้มหน้ามองพื้นแล้วตะโกนออกมาว่า”ไม่มีใครหลอกสร้อยทั้งนั้น สร้อยทำของสร้อยคนเดียว พี่เขาไม่เกี่ยว...”
....พ่อของสร้อยกัดฟันกรอดๆ”นังลูกไม่รักดี อุตส่าห์เลี้ยงมาหวังจะให้ได้ผัวดีๆ ดันใฝ่ต่ำไปชอบพอกับไอ้สารเลวนี่ ทำตัวต่ำๆให้กูอับอายขายขี้หน้าชาวบ้านจริงๆ...”แม่ของสร้อยเดินมาจับแขนแล้วลูบหัว”สร้อย...เอ็งทำให้พ่อเสียหน้าและเสียใจมาก รู้ตัวไหม ทำไมถึงทำตัวอย่างนี้..”สร้อยยังคงยืนก้นหน้า ผมเห็นมีน้ำตาซึมออกมา เธอเม้มปากจนสั่น ฝ่ายไอ้เม้งยืนขำอย่างสะใจ ไอ้ชาติชั่วเอ้ย....”พ่อกับแม่สอนสร้อยมาแต่เด็กว่าให้เป็นคนดีมีเมตรตา ก็ในเมื่อพี่เขากำลังลำบาก และหนูก็รักพี่เขาจริงๆ และพี่เขาก็รักสร้อย จะไม่ให้สร้อยช่วยเขาได้ยังไง คนรักกันก็ต้องช่วยกันตอนที่กำลังเดือดร้อนสิ พ่อเองก็เคยเล่าให้ฟังนี่ ว่าแม่เคยให้พ่อยืมเงินตอนที่พ่อกำลังลำบาก”คำพูดของสร้อยทำเอาพ่อของเธอสะอึก หันไปมองหน้าแม่ของสร้อย”ยังไงเอ็งก็ผิดที่ขโมยเงินของข้า..”พ่อสร้อยเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร”แต่แม่ติดใจอยู่อย่างเดียว ไอ้นี่มันมีดีตรงไหนถึงทำให้เอ็งยอมทำถึงขนาดนี้..”แม่สร้อยถามตรงๆ”ก็สร้อยรักพี่เขานี่ ความรักของสร้อยไม่มีเหตุผล ถ้าพ่อเป็นพี่เขา แล้วแม่เป็นสร้อย แม่ก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกันใช่ไหม เพราะแม่รักพ่อ...”คำตอบของสร้อยทำเอาพ่อของเธอฮึดฮัดชี้หน้าด้วยไม้ตะพด”กูไม่นึกเลยว่ามึงจะย้อกย้อนกูอย่างงี้ มันน่าแพ่นกบาลเอาเลือดหัวออกจริงๆ แต่เอาเหอะ ที่แล้วมาก็ช่างมัน ต่อแต่นี้มึงห้ามคบกับไอ้นี่ แล้วมึงด้วย...”พ่อของสร้อยหันมาทางผม”ต่อแต่นี้มึงอย่าเสนอหน้ามาที่บ้านของกูอีก ถ้ากูเห็นหน้าของมึงอีก กูจะยิงมึงให้ดิ้นเหมือนหมาเลย”แม่ของสร้อยประคองสร้อยเข้าบ้าน สร้อยฮึดฮัดไม่ยอมไปจนพ่อของเธอเงื้อไม้ตะพดทำท่าจะตีสร้อยจึงยอมเดินไปแต่ก็หันมามองผมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ “ไปให้พ้นหน้ากู ไป..” พ่อของสร้อยชี้ไม้ตะพดมาที่ผม”ออกไปให้พ้นๆจากบ้านของกูได้แล้ว อย่าโผ่ลมาให้เห็นอีก และจำใส่กบาลโง่ๆของมึงด้วยว่า กูขอสั่งห้ามมึงยุ่งกับลูกสาวของกูอีก” พูดจบแล้วก็หันหลังเดินตามไป ส่วนไอ้เม้งทำหน้ายิ้มเยาะเย้ยผมแล้วรีบเดินตามไปด้วย ผมยืนมองจนทั้งหมดหายเข้าไปในบ้าน แล้วผมก็ถอนใจเดินต่อไปที่บ้านของครูสมบูรณ์...
....ผมมาถึงบ้านของครูสมบูรณ์ วันนี้ครูสมบูรณ์สอนผมให้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง แต่ผมซึมๆนั่งคิดถึงแต่เรื่องของสร้อย จนครูหนุ่มบอกผมให้กลับบ้าน”ทำไมล่ะครับ ครูเบื่อสอนผมแล้วรึครับ..”ครูหนุ่มยิ้มอย่างอารีย์”เปล่าหรอก แต่ดูนายไม่มีสมาธิเลย คนเมื่อไม่มีสมาธิก็ไม่อยากรับรู้อะไร วันนี้นายกลับไปตั้งสติก่อนดีกว่าถ้าพรุ้งนี้พร้อมก็ค่อยมาใหม่ “ผมถอนหายใจ เก็บของแล้วทำท่าจะกลับ ผมหันไปถามครูหนุ่ม”ทำไมครูถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ ครูเบื่อชีวิตในเมืองกรุงหรือครับ”ครูหนุ่มยิ้มแล้วตอบผม”ความจริงฉันไม่ได้เบื่อชีวิตในกรุงเทพฯหรอก เพียงแต่รู้สึกว่าใช้ชีวิตในกรุงเทพฯมันฉาบฉวยไปหน่อย ฉันอยากใช้ชีวิตในมุนอื่นบ้าง...”ผมมองหน้าครูหนุ่ม ครูคนนี้มีมุนมองชีวิตที่แปลกจริงๆ”ผมอิจฉาครูจังเลยที่มีทางเลือก แต่ผมไม่มีทางเลือกเลย..”ผมบ่นท้อใจในชีวิต”ใครว่าไม่มีทางเลือก ชีวิตของทุกคนมีทางให้เลือกทั้งนั้น แต่คนเราไม่ค่อยเลือกทางดีๆให้ตัวเองต่างหาก...”ผมถอนหายใจมองออกไปทางบ้านของสร้อย ครูหนุ่มเดินมายืนข้างๆผมมองไปทางเดียวกัน”นายต้องกล้าที่จะทำเพื่อคนที่นายรัก กล้าที่จะคิดจะตัดสินใจ เพราะต่อไปนายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชีวิตของเขา ความรักเป็นแค่ก้าวแรกของชีวิตคู่ แต่หลังจากก้าวพ้นก้าวนี้ไปได้แล้วนั่นแหละจะได้เจอของจริงแล้ว..”ผมมองหน้าครูหนุ่มอย่างสงสัย”ครูพูดเหมือนเคยมีเมียมาก่อน..”ครูหนุ่มหันมายิ้มให้ผม”ไม่เคยหรอก แต่ผมเห็นตัวอย่างมาหลายคู่แล้ว...”ผมยังคิดถึงเรื่องที่สร้อยถูกดุด่าเมื่อช่วงเช้า สร้อยกล้าที่จะทำเพื่อผมโดยไม่คิดหวาดกลัวต่อผลที่ตามมา แล้วทำไมผมจึงไม่กล้าที่จะทำเพื่อเธอบ้าง ใช่แล้วผมหันมายกมือไห้วลาครูหนุ่มพร้อมรอยยิ้มบนหน้า”ขอบคุณครับคุณครู ครูชี้ทางสว่างให้ผมจริงๆเลย คนเราต้องกล้าครับ เมื่อกล้าที่จะรัก เราก็ต้องกล้าที่จะทำเพื่อรักโดยไม่กลัวสิ่งขวางกั้นด้วย ผมไปล่ะครับ..”ครูหนุ่มทำหน้างงๆ”จะไปไหนล่ะ ตะกี้ทำหน้าเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งโลก ทำไมตอนนี้ยิ้มระรื่นเลย อ้าวจะรีบวิ่งไปทำไม เบาๆ เดี๋ยวก็หกล้มหรอก..”ผมหันมาบอกครูหนุ่ม”ผมจะไปทำในสิ่งที่ผมครวทำครับ ขอบคุณครับครูที่ชี้ทางสว่างให้ผม...”ผมวิ่งตรงไปที่บ้านของสร้อยทันที....
....ผมวิ่งมาถึงที่บ้านของสร้อยเห็นรถของแป๊ะฮงจอดอยู่ ใต้ถุนบ้านของสร้อยมีพ่อและแม่ของเธอนั่งคุยกับแป๊ะฮงโดยมีไอ้เม้งนั่งยิ้มอยู่ ส่วนสร้อยนั่งอยู่ห่างๆ ผมแอบมุดรั้วเข้าไปใกล้ๆและนั่งซุ่มแอบฟังด้วยอยากรู้ว่าทั้งหมดกำลังคุยอะไรกันอยู่ เสียงสร้อยโวยวาย”สร้อยไม่แต่งกับไอ้ตี๋บ้าตัณหานี่หรอก พ่อกับแม่จะบ้าหรอ เมียมันก็มี ลูกมันก็มี จะให้สร้อยแต่งไปเป็นเมียน้อยของมัน คิดได้ยังไงกันนี่...”สร้อยย้ำออกมาชัดถ้อยชัดคำแป๊ะฮงทำท่าโมโหที่สร้อยพูดจาไม่ไว้หน้า”เอ..อาสร้อยนี่ลื้อไม่เห็นแก่หน้าอั๊วะเลยน่ะ พูดอย่างงี้ได้ไง อาเม้งอีชอบลื้อ อยากเอาลื้อไปเลี้ยงดูไม่ต้องตกระกำลำบาก สินสอดเท่าไหร่อั๊วะก็สู้ ถึงอาเม้งจะมีเมียมีลูกแล้ว แต่คนจีนเราตามประเพณีจะมีเมียกี่คนก็ได้ ลื้อครวดีใจที่ได้เป็นคนที่สองไม่ใช่สาม-สี่..”พ่อของสร้อยฟังจบก็ลุกขึ้นชี้หน้าด่าแป๊ะฮง”ไอ้เจ๊กบ้า พวกมึงเห็นพวกกูเป็นอะไร กูมีลูกสาวคนเดียวนะโว้ย เรื่องจะหาผัวให้มันไม่ยากหรอก แล้วอีกอย่างฐานะของบ้านกูก็ไม่ใช่กระจอก ไม่สิ้นไร้ถึงขนาดต้องให้ลูกกูไปเป็นเมียน้อยของลูกมึง ไปเลย มาทางไหน ไปทางนั้นเลย....”แป๊ะฮงเจอพ่อของสร้อยด่า ก็ลุกพรวดขึ้น”แหม...พวกลื้อนี่ อั๊วะอุตส่าห์ลดเกียรติมาสู่ขอลูกของลื้อดีๆ กลับไล่ส่งเหมือนหมา ตึงนั้ง อย่างพวกอั๊วะน่ะ ไม่ได้อยากได้ สะใภ้เป็นพวกฮวนนั้งหรอก แต่เห็นอาเม้งอีชอบพอกับสร้อย อั๊วะเลยมาทาบทามให้ เมื่อลื้อไม่เห็นในน้ำใจของอั๊วะก็ป่วยการจะคุย อาเม้งกลับ”แป๊ะฮงเรียกไอ้เม้งที่นั่งจ๋อยอยู่ให้ลุกเดินตามกลับ”แต่เตี๋ย...อั๊วะ...”แป๊ะฮงถลึงตาตี่ๆใส่ไอ้เม้งทำให้มันก้มหน้าเดินตามแป๊ะฮงกลับไป”ฮะ ฮะ ฮะ สะใจจังเลยพ่อ...”สร้อยปรบมือและหันมาหัวเราะกับพ่อ แต่พอเห็นหน้าเครียดๆของพ่อก็ก้มหน้าหลบสายตา”แต่ละคนที่มาติดพันนังสร้อยนี่ มันจะหาคนดีๆบ้างไม่ได้เลยรึไง คนดีๆครูสมบูรณ์เองก็หายหน้าไปไหนไม่รู้ เฮ้อ...กลุ้มใจจังเลยกู...”พ่อของสร้อยบ่นเซ็งๆ พอดีผมทำกระถางต้นไม้ตกเกิดเสียงดัง พ่อของสร้อยหันมาก็ร้องถาม”เฮ้ย...ใครว่ะ.”ผมออกจากที่ซ่อนยิ้มแหะๆ”ฉันเองจ้า...”พ่อของสร้อยกัดฟันกรอดๆ”มึงอีกแล้วเรอะ แม่ไปเอาปืนมา ข้าจะยิงมันให้ขาลากเลย...”
....ผมเดินยกมือชูขึ้นสองข้างแล้วเดินออกมาจากที่ซ่อน แม่ของสร้อยวิ่งไปบนบ้านแล้วเปิดหน้าต่างโยนปืนยาวลงมาให้พ่อของสร้อย พ่อของสร้อยยกมือรับไว้อย่างแม่นยำแล้วยกปืนเล็งมาที่ผม”ฮึ่ม...มึง...กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่าเข้ามาเหยียบบ้านของกูอีก มึงท้าทายกูใช่ไหม..”สร้อยวิ่งเข้ามาขวางทางปืนไว้ แล้วหันมาร้องสั่งผม”พี่มาทำไมเนี่ย...รีบหนีไปเร็วๆ..”ตอนนี้ผมไม่กลัวไม่เกรงอะไรแล้ว และจับไหล่ของสร้อยทั้งสองข้าง ดึงตัวมายืนประสานตา”พี่ไม่หนีไปไหนแล้ว พี่ทำผิดมามากแล้ว ต่อไปนี้พี่จะสู้ความจริง พี่จะปกป้องสร้อยเอง...”สร้อยยืนนิ่งสบตาผม แต่พ่อของเธอยืนโมโหจนตัวสั่น “ดูมันทำ มันยังจะกลับมาเย้ยกูให้เจ็บใจอีก อย่าอยู่เลยมึง สร้อยหลบไป..”พ่อของสร้อยประทับปืนเล็งมาที่ผม สร้อยผลักให้ผมหลบและบอกให้หนีไป แต่ผมยังยืนนิ่งจนพ่อของเธอแปลกใจ”นี่มึงไม่กลัวกูบ้างเลยเหรอว่ะ...”ผมมองหน้าพ่อของสร้อยอย่างจริงใจ”ไม่กลัวหรอก...แต่ฉันเกรงใจมากกว่า เพราะอาเป็นพ่อของคนที่ฉันรัก ฉันก็นับถืออาเหมือนเป็นพ่อของฉัน..”พ่อของสร้อยกัดฟันกรอดๆ”มึงอย่ามานับญาติกับกู กูไม่อยากเป็นญาติกับมึง”ผมไม่สนคำปฏิเสธของพ่อสร้อย”ฉันรู้ว่าอาไม่กล้ายิงฉันหรอก เพราะอารักสร้อยมาก ถ้าอายิงฉัน อาก้รู้ว่าสร้อยจะต้องเกลียดอาแน่”พ่อของสร้อยหันมาถามสร้อย”ถ้าพ่อยิงมัน แล้วเอ็งจะโกทธจะเกลียดพ่อจริงไหม “สร้อยมองพ่อของตัวเองแบบหวาดๆ”ถ้าพี่เขาเจ็บ...ฉันก็จะเจ็บให้เหมือนเขา...เอ่อ...ถ้าพี่เขาตาย...ฉันก็จะตายตามเขาไปเหมือนกัน...”พ่อของสร้อยกระทืบเท้า ตัวสั่น”ฮึ่มๆๆๆ...กูรับไม่ได้ๆๆแม่งโคตรน้ำเน่าเลย...”
....พ่อของสร้อยเห็นความมุ่งมั่นของผมและสร้อยก็ลดปืนลง ส่วนแม่ของสร้อยก็เดินลงมายืนข้างๆ ผมยังจับไหล่ของสร้อยและจ้องตาพลางพยักหน้าให้ ก่อนจะปล่อยมือและเดินตรงเข้าไปหาพ่อกับแม่ของเธอ พ่อของสร้อยขยับตัวร้องถาม”มึงจะเข้ามาหากูทำไม..อย่านะ..ถ้าจะเข้ามาทำอะไรกูละก้อ..กูยิงจริงๆนะ.”ผมเดินมาได้ระยะก็ยกมือไห้ว ทั้งคู่ผงะเพราะระแวง แล้วแม่ของสร้อยยกมือไห้วรับคนเดียวส่วนพ่อมองอย่างไม่พอใจแล้วตวาดใส่”ไปรับไห้วมันทำไม...”แม่ของสร้อยสะดุ้งตอบว่า”เอ่อ..ฉันลืมตัวน่ะ..”ผมมองทั้งสองด้วยสายตานอบน้อม”ที่ฉันมานี่ก็เพื่อจะมาบอกอาว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงินที่สร้อยให้ฉันไป ฉันรับปากว่าจะหามาคืนเร็วๆนี้แน่นอน และอยากให้อาเห็นใจในความรักของเราด้วย อย่าขัดขวางและบีบคั้นเราเลย ไม่งั้นมันอาจจะเกิดเรื่องไม่งามขึ้น...”พ่อของสร้อยยกมือชี้หน้าผม”อ้าว..นี่มึงขู่กูเรอะ มึงไม่ต้องเอาความรักมาอ้าง ช่วงนี้มึงกับลูกกูก็แค่หลงไปตามวัย เป็นผัวเมียกัน ถ้าไม่มีเงินมันไม่มีทางอยู่กันได้รอดหรอก ความรักของมึงน่ะมันกินแทนข้าวได้ที่ไหน..”ผมยืนนิ่งฟังพ่อของสร้อยดูถูก”ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะไม่ทำอะไรนับจากวันนี้นี่อา ฉันสัญญาว่าต่อแต่นี้ฉันจะตั้งใจทำงาน และจะมาสู่ขอสร้อยให้สมเกียรติ อาคอยดูก็แล้วกัน”ผมหันมามองหน้าสร้อย” พี่กลับก่อนนะสร้อย”ผมบอกลาสร้อยและหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น พอผมเดินออกมาสักพัก แม่ของสร้อยก็ถอนหายใจเฮือก”โอ้ย...เหนื่อยเหมือนจะขาดใจ คนมาชอบนังสร้อยแต่ละคน ฉันไม่อยากบรรยาย กลุ้มใจแทนอนาคตของมันจริงๆนังลูกคนนี้...”
....ผมกลับมาที่เรือนหญ้าแฝกนอนเล่นคิดคำนึงถึงเรื่องของสร้อย ไอ้เม้งมันกล้าขอให้พ่อมันไปทาบทามสร้อยแต่ผมยังเฉยอยู่ ไม่ได้แล้วต้องคุยกับพ่อหน่อย สักพักพ่อก็เดินเข้ามา”อ้าว...วันนี้ทำไมกลับมาแต่วันเลยว่ะ..”พ่อทักผมอย่างแปลกใจ ผมลุกขึ้นนั่งมองหน้าพ่อ “พ่อ..ฉันอยากมีเมีย..”พ่อมองหน้าผมอย่างแปลกใจ”เอ..เอ็งเป็นบ้าอะไรวะ อยากมีก็มีไปสิ ทำอย่างกับข้าจะไปห้ามเอ็งได้..”ผมเข้าไปจับแขนของพ่อ”แต่พ่อต้องไปขอให้แนนะ..”พ่อหัวเราะฮึๆ”สร้อยใช่ไหม...”ผมพยักหน้า”ว่าแต่...พ่อกับแม่ของเขาจะยอมยกให้เอ็งเรอะ...”ผมหันกลับมานั่งถอนหายใจ”ไม่ลองไปขอก็ไม่รู้ นะพ่อ”พ่อลูบหลังผม”เอาไว้หลังหน้านาก่อน ข้าจะไปสู่ขอสร้อยให้เอ็ง”ผมหันมาจ้องหน้าพ่อ”แต่ฉันอยากให้พ่อไปหมั้นหมายไว้ก่อน ฉันกลัวช้าแล้วคนอื่นจะมาสู่ขอสร้อยตัดหน้านะ วันนี้แป๊ะฮงกับไอ้เม้งก็ไปสู่ขอสร้อยแล้ว ดีที่พ่อของสร้อยไม่เอาเพราะไอ้เม้งจะขอสร้อยไปเป็นเมียน้อย ฉันเลยหวั่นๆ อย่างน้อยพ่อก็ไปหมั้นให้ฉันอุ่นใจหน่อย”พ่อมองผมแล้วยิ้มๆ”เอ็งจำไว้ เนื้อคู่กันแล้วไม่แคร้วกันไปได้ ถ้าสร้อยเขาเกิดมาเพื่อเป็นเมียของเอ็ง ไม่ว่าจะอย่างไง เขาก็ต้องมาเป็นเมียของเอ็งวันยันค่ำ ถ้าไม่ใช่ต่อให้ทำยังไงก็ไม่มีทางได้กัน...”ผมมองพ่อที่อธิบายมายืดยาว”แต่..พ่อต้องช่วยฉันนะ ฉันไม่สบายใจนะ ถ้ายังใจเย็นอยู่อย่างนี้ ถึงสร้อยเขาจะ....”พ่อมองแล้วหัวเราะ”โดนเอ็งเจาะมาหลายทีแล้วใช่ไหม...”ผมมองหน้าพ่ออายๆ”พ่อรู้ได้อย่างไงว่าฉัน...”พ่อยังขำอยู่”ข้าเป็นพ่อเอ็งนะ ผู้หญิงมาหาถึงบ้านมาพัวพันอย่างนี้ มันจะเหลืออะไร ข้ารู้ชายหญิงใกล้กันมันก็เหมือนน้ำกับไฟ เอาเหอะ เอ็งวางใจได้ ข้าจะไปหมั้น สร้อยให้เอ็ง แต่พ่อของเขาจะให้หรือไม่ให้ ก็สุดแท้แต่วาสนาของเอ็งก็แล้วกัน”ผมยิ้มอย่างมีความหวัง”ขอบคุณจ้าพ่อ...”
....บ่ายกว่าๆขณะผมนั่งตกปลาอยู่ที่ริมหนองน้ำ เมื่อมองไปไกลๆก็เห็นชายอายุราวๆ 30 ปลายๆเดินมาพร้อมเด็กสาวอายุราวๆ 15 – 16 เมื่อเข้ามาใกล้ๆจึงได้รู้ว่าเป็นอาจันน้องชายของพ่อ ผมเดินเข้าไปต้อนรับทั้งสองที่หอบหิ้วข้าวของกันมาพะรุงพะรังราวอพยพหนีอะไรมา”หวัดดีอา มาได้อย่างไงนี่ แล้วจะไปไหนกัน..”อาจั่นมองหน้าผมแล้วยิ้ม”แหม...เอ็งนี่โตวัยนะ เป็นหนุ่มแล้ว ข้าไม่ได้อพยพไปไหนหรอก แต่จะมาอาศัยอยู่ที่นี่สักพัก พ่อเอ็งไปไหนล่ะ”อาจันแม้นไม่ได้เจอผมนานแต่ยังจำผมได้”พ่อไปดูข้าวที่นาอีกสักพักก็กลับใกล้จะเก็บเกี่ยวแล้ว...”ผมตอบคำถามของอา แล้วมองไปที่เด็กสาว อาจั่นมองตามแล้วหัวเราะ”นี่นังวิไล ลูกสาวข้าเอง...ไห้วพี่เขาสิ นี่ลูกชายของลุงเอ็งที่ข้าบอกไง..”อาจันแนะนำลูกสาวให้ผมรู้จัก”หวัดดีจ้าพี่...”เด็กสาวยกมือไห้วผมและผมก็ไห้วตอบ มองดูรูปร่างก็ใช้ได้นะนี่ เด็กกำลังจะโตเป็นสาวถึงมอมแมมไปหน่อย แต่ก็อวบดี”อามาไกลคงจะเหนื่อย ไปกินน้ำกินท่ากันก่อน แม่ฉันก็อยู่ที่บ้าน ไปนั่งคุยกันก่อน อามีอะไรจะคุยกับพ่อก็นั่งรอไปก่อนละกัน.."”ล้วผมก็พาสองคนพ่อลูกไปที่เรือน แม่ท่าทางดีใจที่อามาหา แต่สีหน้าของอาจันดูเป็นทุกข์ แม่เอาน้ำใส่ขันมาต้อนรับ ทั้งคู่ดื่มอย่างกระหายเพราะเดินเท้ามาไกล ระหว่างนั่งคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เด็กสาววิไลก็แอบจ้องหน้าและสบตาของผมเป็นระยะๆ ทุกครั้งที่สบตาเด็กสาวก็ยิ้มอย่างเอียงอาย ผมก็ทำหน้าเฉยๆวางฟอร์มเพราะมั่นใจในความหล่อของตัวเอง ไงๆสาวๆเห็นก็ต้องใจสั่นบ้างล่ะ
....จนบ่ายพ่อก็กลับมาเมื่อเจอกันก็ทักทายกันตามประสา”เอ็งจะมาขออาศัยอยู่กับข้ารึ...”พ่อถามอาจันหลังรู้จุดประสงค์ในการมาของน้องชาย”ใช่แล้วพี่...ตอนนี้ไอ้บ้านห้วยฝนของฉันนะ คนอพยพหนีไปหมดแล้ว กลายเป็นหมู่บ้านร้างไปเลย..”พ่อมองอาจันอย่างแปลกใจ”ทำไมวะ ห่าลงหมู่บ้านเอ็งหรอ...”อาจันส่ายหน้า”ไม่ใช่หรอกพี่ ที่ลงหมู่บ้านน่ะมันร้ายกว่าห่าอีก ไอ้เสือพายมันปรพกาศมาปล้นหมู่บ้าน่ะ..”พ่อเปลี่ยนสีหน้าทันที”ไอ้เสือพาย...”พ่อสีหน้ากังวลขึ้นมาจนสังเกตได้”ใช่พี่คงรู้จักดี ไอ้เสือนี่มันร้ายมาก ฉันกลัวมันจะฉุดนังวิไลไปเลยต้องพามันหนีมาอาศัยพี่อยู่ก่อน ไว้มันปล้นเสร็จก็ว่าจะกลับไป ฉันมารบกวนพี่ไม่นานหรอก...”พ่อถอนหายใจ แล้วเหม่อมองไปไกล”เสือพาย...”พ่อพึมพำชื่อเสือร้ายขึ้นมาอีกทีแล้วหันมาบอกอาจัน”เอ็งอย่าคิดว่าที่หมู่บ้านนี้ปลอดภัย...ลองเสือพายมันออกปล้นละก้อ มันจะปล้นไล่ที่ไปเรื่อยๆ ไม่ช้ามันก็จะมาถึงที่นี่ แต่ถ้าเอ็งยังอยู่ภายในบริเวณที่ของข้า รับรองพวกเอ็งจะปลอดภัย...”อาจันยกมือไห้วพ่อ”ขอบคุณมากพี่ สำหรับพี่นี่ เป็นที่พึ่งของน้องๆและพี่ๆได้เสมอจริงๆ”พ่อยิ้มให้อาอย่างเมตรตา แล้วหันมาสั่งผม”เอ็งพาอาของเอ็งและนังวิไลขึ้นเรือนไปหาที่หลับที่นอนให้หน่อย เดี๋ยวข้าจะไปที่บ้านผู้ใหญ่สิงห์ก่อน”ผมแปลกใจ เพราะร้อยวันพันปีพ่อไม่เคยเอ่ยชื่อผู้ใหญ่คนนี้”ไปทำไมเล่าพ่อ..”พ่อถอนหายใจหนักๆ”ข้าไปแจ้งข่าวเรื่องเสือพายจะมาที่นี่กับมันน่ะสิ...”
....”หา...เสือพายจะมาปล้นที่หมู่บ้านของเราเรอะ...”ผู้ใหญ่สิงห์สำรักน้ำที่กำลังยกขึ้นดื่มจากขันแสตนด์เลส”ข้าไม่ได้บอกว่ามันจะมาปล้นที่นี่ แต่มาบอกผู้ใหญ่ให้เตรียมระวางป้องกันไว้..”พ่อบอกผู้ใหญ่หลังแจ้งเรื่องเสือพายมาป้วนเปรี้ยนไม่ห่างจากหมู่บ้านนางรอง”ตายหงส์แล้ว แล้วพวกเราจะทำยังไงดีวะ ไอ้เสือคนนี้มันร้ายขนาดตำรวจตั้งกลุ่มออกล่ายังจับไม่ได้เลย...”ผู้ใหญ่สิงห์ท่าทางกลัวมากๆ”ตอนนี้เราครวจัดยามตรวจตราเฝ้าดูและคอยสังเกตุคนแปลกหน้าและอย่าเพิ่งป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป เดี๋ยวชาวบ้านจะแตกตื่นตกใจ...”ผู้ใหญ่ดูลนลาน จนสีหน้าเป็นกังวลชัดเจน”ทำไมมันไม่มาตอนคนอื่นเป็นผู้ใหญ่วะ ทำไมต้องมาตอนกูเป็นด้วย..”แหมฟังแกพูดแล้วน่าเลื่อมใสสมกับที่ชาวบ้านเลือกเป็นผู้ใหญ่จริงๆ”แล้วหมู่บ้านไอ้จันนี่มันเข้าปล้นหรือยัง”ผู้ใหญ่ใจมดหันมาถามอาจันที่มาช่วยยืนยันเรื่องนี้ด้วย”ยังเลย แต่คนก็อพยพหนีกันไปจนเกือบหมดแล้ว ถ้ามันเข้าปล้นก็คงเจอแต่หมู่บ้านร้าง “ผู้ใหญ่สิงห์นั่งเขย่าตัวและขาด้วยความวิตก”งั้นไม่ช้ามันก็จะมาที่นี่เพราะที่นั่นไม่มีคนเหลือให้มันปล้น เอางี้เราอย่าช้าเลย ไปประกาศอพยพชาวบ้านหนีกันบ้างอย่าอยู่ให้มันปล้นเลย...”แหมผู้ใหญ่บ้านของเรา เอาสมองส่วนไหนคิดนี่...”ไม่ได้..จะอพยพหนีกันไปไหน ถ้ามันมาจริงเราก็ต้องสู้...จะหนีแบบคนตาขาวได้ยังไง..”พ่อพูดค้านความคิดของผู้นำหมู่บ้านทันที ผู้ใหญ่สิงห์หันมามองหน้าพ่ออย่างไม่พอใจ”ใครว่าหนีอย่างตาขาว เขาเรียกว่าถอยไปตั้งหลักโว้ย...”พ่อส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ”แล้วมันต่างจากหนีตรงไหนกันล่ะ....”ผู้ใหญ่สิงห์นั่งคิดสักครู่”เอาอย่างงี้ วันนี้ข้าจะเรียกพวกชายฉกรรจ์มาสัก 10 คนแล้วมาสั่งเป็นการลับให้มันตรวจตรารอบๆหมู่บ้าน แล้วเย็นนี้ข้าจะแจ้งไปทางกำนันและทางอำเภอให้มาชุมนุมวางแผนป้องกันหมู่บ้านของเราจากพวกเสือพายที่บ้านของข้า งานนี้เป็นงานเร่งด่วน เอ็งว่าดีไหม..”ผู้ใหญ่บ้านนางรองคนนี้เพิ่งคิดเข้าท่า”แล้วทำไมต้องตอนเย็นด้วยเล่า..”พ่อไม่วายถามด้วยสงสัย”เดี๋ยวข้าจะต้องพาลูกเมียและขนของไปอาศัยอยู่กับญาติๆในตัวจังหวัดก่อนนะสิ..” ผู้ใหญ่สิงห์ตอบหน้าตาเฉย พวกเรามองหน้าผู้นำหมู่บ้านแล้วทึ่งในความเสียสละ....
....ผมกลับมาที่เรือน แม่และวิไลลูกสาวอาจันช่วยแม่หุงข้าวทำกับข้าวอยู่ที่ท้ายเรือนซึ่งใช้เป็นครัว พ่อมานั่งคุยกับอาจันส่วนผมขึ้นเรือนไปดูแม่และวิไลเพราะเริ่มหิว”รอก่อนเดี๋ยวค่อยกินพร้อมกัน ถ้าอยากจะกินเร็วๆก็มาช่วยหุงข้าวซิ..”แม่บอก ผมเลยเดินไปที่เตาถ่าน ที่บ้านของผมยังหุงข้าวแบบเช็ดน้ำอยู่ วิถีหุงก็คือ นำข้าวสารจำนวนที่จะหุงมาใส่หม้อที่จะหุง และนำข้าวไปซาวน้ำทำความสะอาดก่อน แล้วใส่น้ำในปริมาณที่พอเหมาะก่อนนำไปตั้งไฟบนเตา ปิดฝารอจนน้ำเดือด แล้วค่อยนำน้ำไปรินทิ้งเรียกว่า”เช็ดน้ำข้าว”แต่น้ำข้าวบางทีก็เก็บไว้กินได้หรือใช้เลี้ยงหมาก็ดี จากนั้นแล้วเอาหม้อข้าวมาตั้งบนเตาใช้ไฟอ่อนๆเพื่อให้น้ำข้าวในหม้อแห้งหมดเราเรียกว่า”ดงข้าว”จนข้าวสุกระอุดีค่อยยกลง ระหว่างผมทำ วิไลก็แอบลอบมองดูผมตลอดเวลา
....”แล้วแม่ทำกับข้าวอะไรกินบ้างล่ะ..”ผมถามแม่หลังจากวางหม้อข้าวลง”ทำยอดแคลวกจิ้มกับน้ำพริก และวิไลเขาทำ มะละกอผัดไข่ให้ด้วย ส่วนอีกอย่างก็ต้มโค้ลงปลาช่อนน่ะ”แม่ตอบ ส่วนวิไลก้มองผมอย่างเขินๆ”พี่ชอบกินอะไรล่ะ บอกสิ พรุ้งนี้วิไลจะหามาทำให้...”สาวลูกพี่ลูกน้องของผมเสนอตัวจะทำกับข้าวเอาใจผม”เอ็งไปเก็บดอกแคมาจากไหนล่ะ..”แม่ถามผมเพราะผมเป็นคนเอามาเอง”เอ่อ...ไปเก็บมาจากบ้านของสร้อยน่ะแม่ ตอนไปหาสร้อย เห็นมันกำลังออกดอกเลยเก็บมา..”แม่วางมือหันมามองผม”เอ็งไปเก็บมาไกลถึงขนาดนั้นเชียวรึ...”วิไลนั่งฟังอยู่ก็ถามแทรกขึ้นมา อย่างสนใจ”เอ..สร้อย..นี่ใช้ชื่อผู้หญิงหรือเปล่า...เอ่อ...แล้วเป็นใครละป้า...”แม่ตอบโดยไม่หันมามอง”อื่ม...เป็นผู้หญิง...สวยด้วย...แต่น่าเสียดาย...ที่มันมาเป็นแฟนของลูกชายป้าเนี่ย...”วิไลฟังแล้วหน้าตาดูสลดไปเยอะ...
....หลังอิ่มหนำจากการกินข้าวเที่ยงแล้ว พ่อก็ไปนั่งคุยกับอาจันที่แคร่หน้าเรือน ส่วนผมนั่งเหลาก้านว่าวเพื่อทำไว้ชักเล่นที่หลังเรือน วิไลเดินมาหาในชุดผ้าถุงกระโจมอก มีผ้าเช็ดตัวคลุมไห่ลมา วิไลเป็นสาวผิวเข้ม หน้าตาคมขำ แต่ตอนนี้ดูมอมแมมเพราะฝุ่นเนื่องจากลุยป่ามาไกล”พี่...วิไลอยากอาบน้ำ พาวิไลไปที่บ่อหน่อยซิ...”ผมมองดูวิไลแล้วชี้นิ้วไปทางป่าหลังเรือน”ตรงโน้นน่ะ มีหนองน้ำอยู่ ลงไปว่ายได้เลย แต่ระวังปลาตอดนะ...”วิไลมองตามไป”แต่วิไลไปไม่ถูกน่ะ พี่ช่วยพาไปหน่อยสิ...”ผมส่ายหัว”ไม่เอาอ่ะ ไม่ว่างกำลังทำว่าวอยู่...”เสียงแม่ของผมตะโกนลงมาจากเรือน”ก็พาน้องไปหน่อยสิ น้องไม่เคยมา เดี๋ยวไปหลงกลับไม่ถูก อ้อ...แล้วเฝ้าน้องด้วยนะ เดี๋ยวพวกหนุ่มๆแถวนี้มันจะมาทำมิดีมิร้าย..”ผมส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ เฮ้อ..รูปร่างอย่างนี้ใครจะหื่นมาปล้ำลงว่ะ”เอ้า...ไปก็ไป...ตามมา..”ผมลุกขึ้นเดินนำหน้าไปอย่างไม่เต็มใจ...
....ผมพาวิไลลัดเลาะมาจนถึงหนองน้ำ แล้วชี้ให้เธอลงไปอาบตามสบาย ส่วนผมก็หันหลังจะกลับ แต่วิไลยืนหวั่นๆ และเรียกผมให้อยู่เป็นเพื่อนก่อน”อย่าเพิ่งไปนะพี่ วิไลว่ายน้ำไม่เป็น...”ผมยืนมองอย่างไม่สบอารมณ์”ก็ตักอาบเอาซิ อย่าลงไปว่ายก็แล้วกัน...”วิไลมองผมตาละห้อย”แต่แถวนี้น่ากลัวจัง พี่อยู่เป็นเพื่อนวิไลก็แล้วกันนะ..”ผมมองสาวลูกพี่ลูกน้องเซ็งๆ”พี่เป็นผู้ชาย วิไลเป็นผู้หญิง มาให้พี่ดูเธออาบน้ำได้อย่างไง มันไม่ดี..”วิไลดึงแขนของผมรั้งตัวไว้”เราเป็นพี่น้องกันนะ ไม่เป็นไรหรอก พี่ก็อย่าแอบดูละกัน..คอยเฝ้าวิไลอย่างเดียว..”ผมรำคาญเลยเดินไปหันหลังพิงที่ต้นไม้”เอ้า...ไปเลย...แล้วอาบเร็วๆนะ...”ผมยืนหันหลังเฝ้าวิไล เสียงเธอค่อยๆย่ำเดินลงน้ำดังมา ผมยืนอยู่สักพักเห็นเงียบๆเลยหันไปดูเผื่อว่าเธอจะพลาดจมน้ำจะลงได้ลงไปช่วยทัน แต่เมื่อหันไปก็....ผมถึงตะลึงเมื่อเห็นวิไลที่ตอนนี้แช่น้ำอยู่แค่โคนขา เธอถูตัวอย่างสบายใจ แต่ผมกับใจสั่น เด็กเนื้อตัวมอมแมมเมื่อครู่ตอนนี้มันช่างต่างกันริบ แม้นผิวจะเข้มแต่ความอวบแน่นของร่างกายสาวแรกรุ่นมันพาจิตใจของผมปั่นป่วนกระเจิดกระเจิง เด็กอะไรวะซ่อนรูปจริงๆ อายุแค่นี้แต่ทำไมขนมาเสียมากมาย โดยเฉพาะไอ้นมคู่นั้นทำไมมันใหญ่ขนาดล้นมือผมเลยทีเดียว เวลาที่ก้มขึ้นก้มลง ผ้าถุงที่เปรียกน้ำมันรัดให้เห็นสัดส่วนจนเด่นชัด ว่าสะโพกของเธอมันงอนงามขนาดไหน ยื่งตรงนั้นด้วย โหนกนูนจนใหญ่ฝ่ามือปิดไม่มิด โอ้ย....เกิดอะไรขึ้นนี่ ผมดูแล้วใจเกิดสั่นต้องนั่งลงเพราะ ท่อนเอ็นดันทะลึ่งแข็งโด่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น...
....ผมยังนั่งมองวิไลเพลินเสียจนเธอหันมาเห็น วิไลมองมาทำหน้างงๆ “พี่เป็นอะไรไปล่ะ..นั่งเอามือกุมท้องทำไม..”ผมได้ยินวิไลถามก็สะดุ้ง ยิ้มแหะๆบอกออกไปว่า”เอ้อ...คือพอดีพี่กินมากไปแล้วออกมาเดิน ข้าวมันไม่ย่อยเลยปวดท้องน่ะ..”ผมยังนั่งกดท่อนเอ็นอยู่ ส่วนวิไลก็หันกลับไปอาบน้ำถูเนื้อถูตัวอย่างสบายใจโดยไม่รู้ว่า พี่นอกไส้อย่างผมเริ่มคิดไม่ดีด้วยแล้ว ผมต้องเดินขาถ่างๆออกจากตรงนั้นหันหลังกลับมาทำใจให้ปรกติ ข่มให้เจ้าท่อนเอ็นกลับสู่สภาพเดิม แต่วัยของผมมันเป็นวัยเจริญพันธ์จ้องจะฟันกันอย่างเดียว ข้างล่างยังไม่ทันสงบก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อวิไลเดินเข้ามาพูดใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้”พี่เป็นอะไรไปน่ะ...”ผมยังนั่งกุมตรงเป้าอยู่”เปล่า...ไม่เป็นไรหรอก วิไลอาบเสร็จแล้วหรือ...”สาววิไลพยักหน้า กลิ่นสบู่นกแก้วโชยมาหอมกรุ่นจากกายสาว”งั้นกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป ขอนั่งให้ข้าวย่อยสักเดี๋ยวแล้วจะตามไป...”วิไลมองผมงงๆแต่ก็หันหลังเดินกลับไป พอวิไลเดินไปไกลแล้วผมจึงลุกอย่างลำบาก แหมขืนเดินไปด้วยเธอเห็นความผิดปรกติของผมตรงนี้เข้าละก็เรื่องยาวแน่...
....เกือบๆสี่โมงเย็นผู้ใหญ่สิงห์ส่งคนมาตามพ่อและอาจันให้ไปหาที่บ้านของแกเพื่อประชุมเตรียมการป้องกันพวกโจร แม่ขอตามไปด้วย ผมจึงต้องอยู่บ้านเป็นเพื่อนวิไลทั้งที่อยากไปร่วมประชุมด้วย แหมเรื่องนี้มันน่าตื่นเต้นท้าทายมาก ถ้าเราได้ร่วมต่อสู้กับโจรร้ายด้วยมันคงจะเท่ส์เหมือนพระเอกในหนังกางแปลงที่ผมเคยดูแน่ เวลาผ่านไปจนมืดค่ำพ่อ อาจันและแม่ก็ยังไม่กลับมา ผมนั่งรอที่แคร่อย่างกระวนกระวาย วิไลลงมานั่งข้างๆ สภาพตอนนี้ของวิไลต่างจากตอนมาถึง เนื้อตัวเกรี้ยงเกรา ผมยาวดูนุ่มสลวย ใบหน้าคมเข้มขึ้น เสื้อคอกระเช้าแขนกุดรัดส่วนสัดให้ดูเด่น ผ้าถุงก็แน่นกระชับให้สะโพกและเนินนูนดูล่อตา โอ้ย...พอได้นั่งใกล้ๆตอนนี้ทำไมใจมันสั่นไปได้วะ.....
....วิไลนั่งมองไปทางเดียวกับผม”ทำไมพวกลุงยังไม่กลับมาสักทีนะ...”ผมลุกขึ้นบิดตัวไล่ความขี้เกลียด”คงประชุมกันหนักม้าง...โจรมันมาปล้นต้องวางแผนตั้งรับกันดีๆ มันไม่ได้มาทอดผ้าป่านี่จะได้ทำอาหารรอเลี้ยงอย่างเดียว..”สาววิไลมองตามผม”พี่จะไปไหนละน่ะ...”ผมทำท่าจะเดินหนี”ก็ง่วงแล้วจะไปนอนนะสิ..”วิไลมองอย่างสงสัย”ไม่รอพวกลุงก่อนเรอะ..”ผมส่ายหัว”ไม่ละ เดี๋ยวเขาก็กลับกันมาเองแหละ...”
….”แล้วพี่จะไปไหนล่ะ....”วิไลถามผม “จะไปนอนน่ะสิ..”วิไลมองหน้าผมแล้วยิ้ม”พี่นี่หล่อนะนี่...รู้ตัวหรือเปล่าว่าเหมือน สมบัติ เมทะนีเลย ดูกร้ามสิเป็นมัดๆเลย..”ผมมองวิไลแบบเขินๆ”ใครๆก็ว่าอย่างงั้นแหละ...”วิไลหัวเราะคิกๆ”แหม...ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะ..”ผมทำท่าจะเดินหนี แต่วิไลก็เรียกให้หยุด”จะรีบไปไหนล่ะ อยู่คุยเป็นเพื่อนวิไลก่อนซิ..”ผมบิดขี้เกียจทำท่าหาว”ไม่เอาละ ง่วงจะไปนอนแล้ว...”ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะผมกลัวใจตัวเอง ขืนอยู่ใกล้ๆเดี๋ยวห้ามใจไม่อยู่ ความรู้สึกของผมตอนนี้มันไม่เหมือนตอนเจอเธอใหม่ๆแล้ว เด็กอะไรพอล้างเนื้อล้างตัวก็เปลี่ยนเป็นคนล่ะคนเลย
....ผมเดินขึ้นเรือนมา นอนในห้องที่กั้นไว้ นอนเล่นพลิกไปพลิกมา ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเปิดวิทยุฟังนิทานลุงพรไปเพลินๆ จนกระทั่งเห็นว่าดึกมากก็ไม่มีวี่แววว่าพวกพ่อจะกลับมาเลยเดินออกมาตรงนอกชานเรือน เห็นวิไลนอนหลับอยู่ ผมจึงเดินเข้าไปหา เอื้อมมือไปที่ศีรษะ เขย่าเบาๆ"วิไล....วิไล... จะหลับจะนอน.....ทำไมมานอนตรงนี้ ไป....ไปกางมุ้งนอนให้เรียบร้อยสิ"ผมก้มลงไปพูดใกล้ๆหูของเธอ"หือ....อืม....พี่เองหรอ.....วิไลนั่งรอพวกลุงนาน...แล้วเลยเผลองีบหลับไปน่ะ..."วิไลพูดเสียงงึมงำในลำคอ พร้อมจับมือผม ทำท่าจะเหนี่ยวตัวลุกขึ้น โดยอาศัยผมเป็นหลักยึด”พี่รู้แล้ว....ง่วงก็เข้าไปนอนให้เป็นที่เป็นทางสิ" ผมพูดต่อ"ไปนอนซะ....พี่จะพาไป แล้วพี่จะไปช่วยกางมุ้งให้ด้วย มานอนตรงนี้เดี๋ยวยุงก็หามไปหรอก"วิไลพูดแบบไม่ลืมตาท่าทางจะง่วงจัด"เหรอ...อื่มมม....เอาสิ....งั้นวิไลจะไปนอนล่ะ"วิไลตอบแบบสะลึมสะลือ พร้อมกับยันตัวลุกขึ้นและล้มพับมาในวงแขนของผม เอาแล้วเป็นเรื่องแล้ว.....ร่างที่อยู่ในอ้อมแขนของผมเป็นเรือนร่างที่อวบอัด เนื้อแน่น หอมกรุ่นด้วยกลิ่นสาปสาวรุ่นที่กำลังเต่งตึง ดูแล้วสมบูรณ์ไปทุกสัดส่วน ผมชักหายใจลำบาก และพยายามข่มใจสุดขีด....เฮ้ย...นี่น้องของเรานะ........
.... ….ผมปูที่นอนแล้วอุ้มร่างของวิไลลงวางบนที่นอน ก่อนลุกขึ้นกางมุ้ง ร่างของเด็กสาวแรกรุ่นนอนอ้าซ่าอยู่บนที่นอนช่างยั่ว้ย่าสายตา ผมพยายามเขย่าหัวเรียกสติ และข่มใจเต็มที่ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง”เดี๋ยวสิพี่...ยังไม่กันมุ้งให้วิไลเลย...เข้ามากันให้หน่อยซิ...”ผมหันกลับไปมองยามนี้ผ้าถุงของวิไลล่นขึ้นมาถึงขาอ่อนและชายเสื้อเลิกขึ้นไปจนเผยให้เห็นฐานเต้าส่วนล่าง ผมไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกแล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจ มุดมุ้งเข้าไปลุย..
.... ผมค่อยๆคลานเข้าไปในมุ้ง แล้วคล่อมตัวของเธอเอาไว้ ค้างตัวมองดูร่างของสาวลูกพี่ลูกน้อง แล้วเอื้อมมือไปดึงผ้าถุงของเธอให้ขึ้นไปเกยอยู่บนต้นขา ผมลูบไล้ขาอ่อนเธอเล่นแล้วโอบเข้าเอวบาง ๆ ......แต่เธอขยับตัวจะลุกผมรวบตัวเธอเอาไว้ กอด.....หอม.......ซุกไซ้......ดูดเลียซอกคอ ลากลิ้นเลียมาที่เนินอกขาวผ่อง ซุกมือเข้าไปในผ้าถุง แล้วค่อย ๆ ดันเธอลงบนที่นอน วิไลตาปลือนอนหงายท้อง เนินโหนกนูนของเธอลอยเด่น ผมใช้มือลูบบีบอย่างย่ามใจ เธอหนีบขาแน่น ดิ้นรนจับมือผมไว้แน่น
“........ไม่เอา.......ไม่เอา.......พี่จะทำอะไร....”
....แต่ผมไม่ฟังเสียงตะโบมบีบเคล้นเนินนูน ๆ อย่างเมามัน ยังไงต้องจัดการกับผ้าถุงเธอให้ได้ก่อน...... เธอยันตัวจะลุกขึ้นให้ได้
.”.....ไม่เอา....ไม่ดี...อย่าทำอย่างนี้.....(อ้าว.......ยั่วขนาดนี้แล้วดันมาบอกว่าไม่เอา...).......”
....ผมดึงผ้าถุงของเธออกทางขา เธอจับมือผมไว้ ร้อง”...อย่า....อย่า.....พี่...อย่า...ทำ....เดี๋ยวพ่อรู้มันไม่ดี....” ผมลากริมฝีปากจากซอกคอผ่านหน้าอก......งับหัวนมเธอเล่นก่อนที่จะลากลิ้นวนไปมาทั้งสองข้าง กัดเบา ๆ แล้วงับ......ดูด.......ด้วยความมันเขี้ยว ตอนนี้หน้ามืดจนไม่นึกถึงอะไรทั้งนั้น จะเอาเธออย่างเดียว มือที่คลึงเนินนูน ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นแหย่เข้าไปที่ช่องสวาทของเธอ น้ำโชกออกอย่างนี้ อย่ามาห้ามเสียให้ยาก ผมเอานิ้วชุบน้ำเงี่ยนของเธอแล้วลากขึ้นมาบี้ที่เม็ดละมุด ขยี้......รัว....เร็ว......เธออ้าขาออกอัตโนมัติ....
“......อูยยย.....พี่.......พี่.......จะทำอะไรวิไล...อูยยย...... “
....”.ก็กูกำลังจะล่อมึงอยู่นี่ไง” ผมคิดในใจ.....แล้วลุกขึ้นคร่อมเธอเอาไว้ มืออีกข้างดึงเสื้อเธอออก นมคู่พอเหมาะที่ตอนนี้แข็งเป็นก้อนท้าสายตา หัวนมสีน้ำตาลคร้ำชูชัน ผมตะโบมลูบไล้อย่างย่ามใจ เสียงเธอคราง”..อืมมมมม ....”.ผมดูดเลียซอกคอ ใช้ริมฝีปากชุ่มน้ำลายลาก.....วน......เคล้าคลึงเต้านมของเธอทั้งคู่ เธอแกะมือผมออกเป็นพัลวัลแต่ผมขืนมือใช้ปลายนิ้วบี้ที่หัวนมพร้อมกับใช้ลิ้นดูดเลียที่หัวนม เธอแอ่นตัวร้อง”ซี๊ดดดสสส์......”ผมลากลิ้นโชกน้ำลายไปยังต้นคอ หลังใบหู ส่วนปากของเธอยังพล่ำบอกไม่หยุด
”..อย่า....อย่า...... พี่...อย่าทำกับวิไลอย่างนี้ ........”แต่ก็ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนโวยวายอะไรมากนัก
....ผมรู้ว่าเธอก็อยากและยอมอยู่แล้ว แถมยอมให้ผมทำถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน ผมค่อย ๆ แกะมือเธอออก ไม่ต้องพูดพร่ำอะไรกันแล้ว ....ตอนนี้ เธอได้แต่ร้องครางรอผมลงอาญาอย่างเดียว
”......อืมมมม.......อืมมมมมม......อื่มมมมมม...พี่จ๋า..... “สองมือของผมบีบเคล้นและก้มลงดูดเลียที่หัวนมของเธอไม่หยุด
เสียงสาวรุ่นยังร้องราวทรมานสาหัส
”....โอ้วววว..........ซี๊ดส์....ส์.....ส์......ทำไมถึงเป็นอย่างนี้พี่....สะ...เสียว......”
ตอนนี้ผมไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นแล้ว ตอนนี้คิดแต่จะล่อให้ได้เท่านั้น
“พี่...วิไลกลัวท้อง....อย่า....”
ผมซุกไซร้ไปที่ซอกคอ
”ไม่หรอก...ไม่ต้องกลัว...ไม่ท้องหรอก....”
ผมกระซิบบอกไปอย่างงั้นเอง เพื่อให้เธอยอมง่ายๆ
…. เธอคลายการขัดขืนไปแล้วตอนนี้นอนถ่างขารอให้ผมแก้ผ้าเอาท่อนเอ็นทิ่มใส่อย่างเดียว และไม่รอช้าเมื่อผมเห็นอารมณ์ของเธอเต็มที่แล้ว ก็รีบจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างรวแร็ว แล้วผมก็จับขาเธออ้าออก ใช้สองมือจับข้อเท้าเธอในท่าชูเท้าขึ้น วางตัวแทรกใช้ท่อนเอ็นดันจ่อร่องรูที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำรักของเธอ ใช้ส่วนหัวลากถูขึ้นลงในร่องสวาทของเธอ เพราะผมท่าจะเป็นคนแรกที่ได้ลุยร่องนี้ มันจึงคับแน่น บีบรัดจนผมเสียวและเจ็บในส่วนหัว.......ที่สุด.... ผมจับข้อเท้าเธอดึงเข้าใกล้แล้วพาดเข้าที่บ่า เธอยกก้นตามมาอย่างว่าง่าย
”พี่จะทำอะไรวิไลอีกล่ะ...”
ผมไม่ตอบ ผมแหย่ท่อนเอ็นเข้าไปช้า ๆ ค่อย ๆ ดันเข้าไป
" โอ๊ย....โอ๊ย....วิไลเจ็บ....อย่านะพี่...อย่าดันเข้ามา...อูย...เบาๆ หน่อย..วิไล..โอ้วววว..."
ยังมีเสียงปรามออกมาระคนกับเสียงกัดฟันและเสียงคราง
" ฮึ่มมมม...ฮืออออ....ฮู๊ววว....ซี๊ดดดด.....เจ็บจังเลยพี่.."
....ช่องสวาททางที่ผมกำลังดุนดันบุกเข้าไปให้ได้นี้ มันยังใหม่และคับแคบ และก็แน่นกระชับจริงๆ ผมไสส่วนหัวเข้าไปได้แล้ว ก็รู้สึกถึงอาการดูดตุบๆ ผมจึงเผลอตัวกระแทกอย่างเต็มที่ มันแนบแน่นเมื่อเข้าไปสุดด้าม
"โอ๊วววว....โอ้ยยยยย...."
....วิไลส่งเสียงร้องลั่นออกมา ผมเลยต้องประกบปากจูบ แต่เด็กสาวก็ผวาสุดตัวจนหลังแอ่นขึ้นมา
"อู๊ยยยยย....พี่.....วิไลแน่นไปหมด....แสบด้วย....เอาออกก่อนได้ไหม..."
วิไลร้องอ้อนวอนเสียงสั่นระริก เนื้อตัวกระตุก ร่างกายสั่นสะท้านไปหมด ผมแช่ตัวอยู่นิ่งพักใหญ่ๆเพื่อให้เธอผ่อนคราย...แช่ตัวอยู่สักพักผมก็เริ่มจับขาของเธอทั้งสองข้างมาแนบที่เอว แล้วเริ่มซอยท่อนเอ็นเข้าออกช้าๆ แล้วเร่งเร็วขึ้น เมื่อความหฤหรรษ์เข้ามาแทนความเจ็บปวด ไม่ว่าผมจะซัดใส่แรงขนาดไหน เธอก็ไม่ถอยแล้ว ใส่ไปแรงเท่าไรก็เธอเด้งสะโพกสวนกลับมารับการกระแทกใส่อย่างสุดฤทธ์ แล้วหลับหูหลับตาร้องครางอย่างเดียว ชนิดเสียวทุกดอก
“อูยยย......อูยยยย......ซี๊ดส์......เสียว.....ว......ว......ว......ไม่ไหวแล้ว.......ไม่ไหวแล้ว....
. “ยังเจ็บอยู่ไหม......เจ็บ...ไหม.....”.
....เมื่อ ผมเอ่ยถาม.....เธอพยักหน้าทำตาปรือ.............
.....งั้นพี่ทำให้อีกนะ.....เธอพยักหน้ารับ”
ผมแทงช้าสลับเร็ว สังเกตอาการเธอ ถ้าทำท่าจะเสร็จผมก็ผ่อนลง......หลายครั้งเข้าผมก็ขโยกอย่างแรง เธอร้องว้าย.....ย”.......ย......เสีย....ว......ว.....ว......ซี๊ดส์......วิ..ไล..ปะ..ปวด...ฉี่...จัง...เลย.จะ...ออก...แล้ว.........จะ..โอ้ววว.......
...ผมเร่งกระแทกเข้าออก เสียงเนื้อกระแทกกันดัง พั่บ พั่บ พั่บ ถี่ยิบ......เธอจับแขนผมจิกเล็บลงแน่น......ผวาตัว....เฮือก.....เฮือก.....
....ผมซอยท่อนเอ็นเข้าร่องรูสวาทที่ดูดรัดไม่หยุดของเธอ เสียงกระแทกยังดัง พั่บ ๆ ๆต่อเนื่องไม่หยุด เธอนอนแอ่นสะโพกรับจนนมกระเพื่อม ผมก้มลงใช้ปากดูดดุนหัวนมเธอ....ใช้ฟันขบอย่างมันเขี้ยว....พอผมกัดเธอก็สะดุ้ง.
“...ซี๊ซซดส์.......ซี๊ซซดส์....”
...ท่อนเอ็นแข็ง ๆของผม ก็มุดเข้ามุดออก ผมใกล้เสร็จแล้ว.......รู้สึกเสียวสุด ๆ ส่วนปากยังคาบหัวนมกัดดึงแรง ๆ เธอร้องเสียงกระเส่า
”โอ้ยยยเจ็บ.....เจ็บ.....ปล่อย..ปล่อย...พี่...วิไลเจ็บ.....”
ผมคึกสุดขีดซอยเจ้าท่อนเอ็นใส่ไม่ยั้ง เสียง พั่บ....พั่บ.....พั่บ.....ลั่นไปทั้งเรือน พอจะเสร็จผมก็หยุดพัก.........แล้วก็เริ่มใหม่.....วนเวียนอยู่หลายรอบ
“ฮืออออ....ฮืออออ..ทะ...ทำ...มาย...มาน.....เสียววววววจัง....เสียวจัง......เสียว...อา...ราย....อย่าง...นี้....”.
ผมขโยกใส่เธออย่างไม่นับอีกชุดใหญ่ๆ
.......พั่บ พั่บ พั่บ...
“อะ..ว้ายยยยยยยย........อะ...ออก......ออกมา.......ออกมาแล้วววววว.......”
....เธอจิกแขนผมจนเจ็บแล้วก็ทิ้งแขนทิ้งขาลงอย่างอ่อนแรง......หลังปล่อยให้ผมปู้ยี่ปู้ยำเธออย่างหนำใจ ผมลูบไล้ทั่วเนื้อตัวพลิกเธอให้หันหลังมาหาผม......ใช้ลิ้นลากตั้งแต่ช่วงเอวขึ้นมาที่ไหล่ ดูดเลียจนเธอครางกระเส่า.
“....พี่.......วิไลไม่ไหว.......วิไลเหนื่อยใจจะขาดแล้วววว......พอเหอะ....”เสียงวิไลครางกระเส่าขอร้อง
....แต่ท่อนเอ็นของผมยังแข็งไม่หมอฤทธ์อยู่เลย........ผมใช้ลิ้นเลียวนให้เธอทั้งตัว เน้นที่แผ่นหลังและซอกคอเป็นพิเศษ แล้วผมก็จับตัวเธอโก่งก้นขึ้มาและจับขาถ่างออก....แต่ดูท่าของเธอจะอ่อนแรงพอยกก้นของเธอขึ้นยกเธอก็เอาหน้ากดลงไปกับหมอน
.”จะทวิไลท่าไหนอีกล่ะ ไม่สงสารเลย เจ้บไปทั้งตัวแล้ววว....ซี๊ดส์........อูยยยยย.........ซี๊ดส์.......”
....เธอครางอย่างไม่อาย.......ท่าที่เธอโก่งก้น ในท่าคุกเข่า ปลายเข่าแยกออกแล้วแอ่นก้นมาด้านหลัง เนินนูนเด่นปลิ้นออกมาด้านหลังทำให้ผมเอานิ้วแหย่เล่นได้โดยสะดวก.........พอเธอกำลังเคลิ้ม ๆ ผมเอาท่อนเอ็นป้ายน้ำเงี่ยนเธอแล้วใช้นิ้วลูบไล้ปากทางช่องสวาทเธอ......เธอขยับก้นส่ายอย่างสุดเสียว...... เสียงครางไม่หยุด
“ซี๊ดสสสสส์......ซี๊ดสสสสสส์....พี่.....จะ....ทำ...อะ...ไร...”
....ผมจับท่อนเอ็นค่อยๆแทรกใส่เข้าไป วิไลผงกตัวขึ้นมาอ้าปากร้องไม่มีเสียง ผมค่อยๆดันเข้าไป ร่องรูรัดแน่นจนผมขยับเข้าไปไม่ได้ สองมือของวิไลจิกที่นอนจนยู่ยี่ ส่ายหัวไปมา
“โอ๊ยยยยยยย.......ไม่เอา.....ไม่เอา.....ท่านี้...ไม่เอา....”.
....แต่ผมจับตะโพกเธอไว้แน่น.......ดึงกระแทกเข้าหาท่อเอ็นอย่างแรง เสียงดัง..ปึ้ก... ปึ้ก.... ปึ้ก ผมค่อย ๆ ดันผลุบเข้าไป แรง ๆ เข้าอีกครั้ง “ อาห์......ห์..........”
“.....อยู่นิ่ง ๆ ....เดี๋ยวดีเอง.......”
ผมค่อย ๆ ซอย “.....นั่นแหล่ะ.....อย่าเกร็ง....ค่อย ๆ ปล่อยตัวตามสบาย......เสียวไหม.......”
“.เสียวค่ะ.....เสียวมาก....แต่วิไล....วิไลทั้งเจ็บทั้งเสียวจะตายอยู่แล้ว....”
....ผมค่อย ๆ ขยับพร้อมกับก้มลงไปไล่เลีย งับที่หลังไหล่ให้เธอ......แล้วค่อย ๆ สาวท่อนเอ็นเข้าออกช้า ๆ เสียวสุด ๆ กับช่องทางที่รัดตึงนี้ พักเดียวผมเสียวจี๊ด.
“......อึบ......อึบ.....อึ้บ......”.ผมจับตะโพกเธอกระแทกเข้ากับควยอย่างแรง.เสียง.....พับ....พับ.....พับ...ดังขึ้นอีกครั้ง.
“....อึ้บบบบบบบ............พี่เสียวสุด ๆเลย...วิไล...”
“โอ้ยยยย...โอ้ววววววว ...พี่...วิไล...โอ้ววววว......”..เสียงวิไลยังร้องซ่านเสียวชนิดไม่ลดดีกรีความมันส์
... แต่เมื่อใดที่วิไลเสียงดังมาก ผมก็จะเอื้อมมือไปปิดปากเธอไว้ ผมกระแทกท่อนเอ็นเข้าเป้าซ้ายที ขวา จับเต้าเต่งตึงจนเมื่อผมใกล้จะถึงจุดหมายปลายทาง ผมก็กระแทกใส่ถี่ยิบ วิไลก็แอ่นก้นขึ้นมารับ จนกระทั่งผมสุดกลั้นก็กระแทกเสยเป็นครั้งสุดท้าย
"อุ๊บ..อึ๊บ..โอ๊ว...โอ๊ย....พี่...ออก..แล้ว...."
.... แล้วจึงฟุบลงตระกองกอดร่างของวิไลแบบทาบทับด้นหลัง พร้อมพรมจูบไปทั่วซอกคอ เสียงหอบหายใจของเราระงมไปทั่วเรือน ผมใช้ผ้าห่มเช็ดตัวให้เธอ ซับน้ำเมือกที่เปื้อนบริเวณเนินละมุนอวบอิ่มเต็มของเธอ บนหญ้าอ่อนปากทางเข้าที่บวมเป่งแดงช้ำของเธออย่างแผ่วเบามือที่สุด ในขณะที่มือผมลูบเนินเนื้อที่ผมได้บุกทะลวงเป็นคนแรก ผมก็จูบที่ปากและที่หน้าอก วิไลจับมือผมเข้าไปจูบและจับไว้ครู่หนึ่ง
"ทำไม พี่....พี่ทำยังงี้กับวิไลล่ะ...วิไลยังเด็กอยู่เลย พี่ทำวิไลอย่างนี้ไม่รู้ว่าวิไลจะท้องหรือเปล่า พี่...พี่ทำกับวิไลแล้วอย่าทิ้งวิไลน่ะ พี่ต้องรักวิไลนะ...”ผมนอนกอดเธออยู่ในท่านั้น หูอื้อตาลายเหนื่อยจนพูดอะไรไม่ออก "เรานอนกอดเกยกันอยู่นาน ตรงกลางเนินเนื้อนั้นมีรูกลวงโบ๋สีแดงซึ่งเกิดจากการบุกทะลวงของผมเมื่อครู่ยังไม่ ปิดสนิทดีนัก และยังมีรอยคราบเลือดจางๆ ใหลเยิ้มอยู่กับน้ำเมือกขาวๆ
….พ่อและทุกคนกลับมาตอนไหมผมไม่รู้ แต่ผมก็กลับมานอนที่ของตัวเองทัน ส่วนวิไลก็หลับสนิทหลังถูกผมทะลวงเปิดซิงไปเมื่อก่อนหน้า ทุกคนแยกย้ายเข้านอน โดยไม่ได้มาสนใจผมและวิไล นอกจากเดินมาก้มๆเงยๆดูอยู่นอกมุ้ง เมื่อเห็นผมหลับสนิทก็แยกย้ายกันไปนอน แล้วคืนนั้นก็ผ่านพ้นไป
.... เช้าวันต่อมาผมรีบตื่นและออกไปที่หนองน้ำเพื่อหาปลา กบเขียดไปตามเรื่อง เพราะไม่อยากเจอ วิไล แต่ขณะจับปลาเพลินๆอยู่นั้นผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคนมาจับเอวผม”ตกใจอะไรล่ะพี่ นี่วิไลเอง ดูสิขนลุกขนชันเลย ทำยังกับเจอผี ที่เมื่อคืนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย..”วิไลหัวเราะชอบใจ”พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ผี..”วิไลขยับเข้ามาใกล้แย่งข้องมาถือ แต่ผมก็พยายามดึงกลับ”มา...ส่งมา ให้วิไลช่วยถือ..”วิไลเข้ามานัวเนียกับผม”อย่า..ไม่เอาน่า วิไล ทำอย่างนี้มันไม่ดี เดี๋ยวใครมาเห็นมันจะไม่ดีนะ..”ผมพยายามเตือนสติวิไล แต่ทว่าเธอก็ไม่สนใจคำเตือนของผม”ใครจะเห็นก็ช่างหัวมันปะไร”ผมถอนหายใจ”คนที่จะเสียหายนะไม่ใช่พี่ แต่เป็นตัวของวิไลเองนะ...”วิไลมองหน้าผมแล้วยิ้ม”ไม่เห็นกลัวเลย ก็วิไลเสียให้พี่ไปหมดทั้งตัวตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว...”ผมส่ายหัว นึกเจ็บใจตัวเองไม่น่าเสียรู้ธรรมชาติเลยเมื่อคืนนี้”จะไปไหนล่ะพี่ รอวิไลด้วย..”ผมเดินหนีวิไลไปอย่างเสียอารมณ์”พูดจาอย่างงี้พี่ไม่คุยด้วยแล้ว เกิดเป็นลูกผู้หญิง ยังไงก็ต้องรักนวลสงวนตัวไว้บ้าง พูดอย่างนี้ ทำตัวอย่างนี้ มันเหมือนลดค่าลดราคาของตัวเองนะ” ผมเดินหนี วิไล กลับมาที่เรือน รู้สึกเหนียวตัวอยากอาบน้ำเลยถอดเสื้อผ้า ใส่ผ้าขาวม้า แล้วเดินไปที่โอ่งน้ำตรามังกรตักน้ำขึ้นมาอาบ...
....”วิไลช่วยถูหลังให้ไหมพี่....”เสียงวิไลพูดอยู่ข้างหลังผม ยังตามมาอีกหรอนี่”วิไล มาอยู่ตรงนี้ทำไม..”ผมเองตกใจไม่น้อย มองซ้ายมองขวา แล้วดันให้เธอเดินไปที่อื่น โธ่...เล่นไม่เลิกเสียแล้ว”วิไลมาทำไม ไป...รีบๆออกไปจากตรงนี้ก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า...”วิไลสะบัดแล้วทำหน้างอ”ทำไมต้องตกใจด้วย แล้วไล่วิไลทำไม ที่เมื่อคืนไม่เห็นไล่อย่างนี้เลย..”ผมอยากจะร้องไห้ ถ้ารู้ว่าวิไลจะมาวุ่นวายอย่างนี้ละก็ เมื่อคืนผมจะไม่แตะเธอเลย”ไปรอตรงแคร่ก่อน พี่จะอาบน้ำ..”ผมบอกวิไลแต่เธอดูจะไม่สนใจฟังคำของผม”วิไลก็รู้ว่าพี่จะอาบน้ำ แต่วิไลอยากเอาใจพี่นี่เลยจะช่วยอาบให้..”สาววิไลยื่นหน้ายื่นตามาใกล้ๆ ไม่ยอมไปง่ายๆ “ก้อใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะ...”ผมพยายามอธิบาย”ไม่ดีตรงไหน ดียิ่งกว่าดีเสียอีก ใครมาเห็นจะได้รู้ไปเลยว่าพี่กับวิไลเป็นอะไรกัน..”ผมถอนหายใจแล้วพูดว่าเธออย่างไม่พอใจ”พูดอย่างนี้ไม่เข้าท่าแล้วนะ ไม่น่ารักเลย”วิไลทำหน้าเสียเมื่อถูกผมดุ”ทีตอนนี้มาว่า วิไลไม่น่ารัก ทีเมื่อคืนนี้ วิไลจ๋ะวิไลจ๋า รู้งี้เมื่อคืนไม่น่ายอมก่อนเลย เก็บไว้ให้อยากจนลงแดงตายก่อนเลยก็ดี..”ผมเองก็ชักหมดความอดทน”ถ้าวิไลยังพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ พี่จะไม่คุยด้วยแล้วนะ ถ้ายังอยากคุยกับพี่ก็ไปนั่งรอที่แคร่นู่นเลย พี่ขออาบน้ำก่อน...”ผมพูดดุๆกับวิไล”แต่...”วิไลพยายามจะพูด แต่ผมทำหน้าดุเสียงดุชี้นิ้วไปที่แคร่”ไป...”วิไลก้มหน้าแล้วเดินกระทืบเท้าไปแบบไม่พอใจ...
....ผมหนีวิไลมาหลบนอนเล่นที่ห้างนาที่พ่อเช่าเอาไว้ปลูกข้าว ผมนั่งมองทุ่งนาที่มีข้าวออกรวงสีทองอร่ามเต็มท้องทุ่ง วาดฝันไปถึงรายได้หลังการเก็บเกี่ยว ในไม่ช้าเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เมื่อใช้หนี้ไอ้สองพ่อลูกจิตวิตถารแล้ว คงจะเหลือพอไปหมั้นหมายสร้อยได้ ในไม่ช้าวันที่ผมใฝ่และฝันที่จะได้อยู่ร่วมกับสร้อยก็จะมาถึง ขณะที่ผมนอนอยู่ก็มีมือมาปิดตา”ใครเอ่ย...ทายถูกโดนตบ ทายผิดให้หอมแก้ม..”มามุกนี้อีกแล้ว สร้อยน่ะเอง”ส้มโอ เพ็ญพิสุทธ์..มาให้พี่หอมซะดีๆ..”ผมลุกขึ้นกอดสร้อยและดึงมานั่งบนห้างเฝ้านาด้วยกัน และระดมจูบไม่ยั้ง..”พอๆๆก่อนพี่ เป็นอะไรอีกเล่านี่ ทำอย่างกับอดมาตั้งแต่ชาติที่แล้วเลย...”ผมยังไม่หยุด ระดมจูบขณะสร้อยก็ยกมือยันหน้าของผมไว้”แหม..พี่กำลังคิดถึงอยู่เลย มาขอชื่นใจให้หายคิดถึงหน่อย...”สร้อยสะบับจนหลุดจากมือผมแล้วยืนทำท่างอนๆ”นี่ถ้าพี่คิดแต่จะทำอย่างงี้ละก้อ สร้อยจะกลับแล้วนะ”ว่าแล้วเธอก็เดินไปที่จักรยานที่จอดอยู่ ผมวิ่งไปขวาง”พี่ไม่ให้ไป ดูนี่ก่อนพี่ชื้ออะมาให้..”ผมชูพวงกุญแจที่มีลูกโลกใบเท่านิ้วโป้งห้อยอยู่ให้สร้อยดู”อะไรนะ...”ผมยื่นส่งให้สร้อยและอธิบาย”โลกของพี่มีแต่สร้อย พวงกุญแจรูปลูกโลกนี่แทนความหมาย ว่าโลกทั้งใบพี่ให้สร้อยคนเดียวไง...”สร้อยยิ้มแล้วเอาห่วงคร้องใส่ลูกกุญแจ”งั้นสร้อยจะเก็บติดตัวไว้ตลอดเลย ขอบใจนะพี่ ที่ให้ของมีความหมายอย่างนี้กับสร้อย”ดูท่าเธอจะพออกพอใจไม่น้อย...
....ผมจูงมือสร้อยมานั่งที่ห้างนา ผมชี้ให้เธอดูข้าวที่ออกรวงเป็นสีทองอร่ามเต็มท้องทุ่ง”สร้อยดูสิ อีกไม่กี่วัน นาของพี่ก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว ถึงตอนนั้นนะ หลังจากใช้หนี้แป๊ะฮงแล้ว ที่เหลือพี่จะเอาไปสู่ขอสร้อย คราวนี้เราไม่ต้องหลบๆซ่อนๆกันอีกแล้ว”สร้อยซบตัวมาในอ้อมแขนของผมที่โอบตัวเธอไว้”แต่ไม่รู้ว่าพ่อของสร้อยจะเรียกสินสอดจากพี่แพงไหม”สร้อยขยับตัวเข้ามาในอ้อมแขนของผมเหมือนจะออดอ้อนให้รัก”ใช้หนี้แป๊ะฮงอย่างเดียวก็พอ สร้อยคุยกับพ่อและแม่แล้ว พ่อบอกว่าถ้าเราสองคนรักกันจริงๆ พ่อก็ไม่ว่า สินสอดทองหมั้นนะเรื่องเล็ก ขอแค่ทำตามประเพณีก็พอ”ผมกอดสร้อยแน่นและหอมไปบนเส้นผมของเธอ”จริงๆหรอสร้อย พ่อของเธอพูดอย่างนั้นจริงๆรึ”สร้อยพยักหน้ายิ้มอย่างสุขใจ”จริงสิพี่..นี่คงเป็นเพราะเมื่อวานพี่ไปพิสูทธ์ตัวเองว่าพี่รักสร้อยอย่างจริงใจให้พ่อกับแม่ได้เห็น เขาเลยยอมรับความรักของเราน่ะ...”ผมหอมแก้มสร้อยฟอดใหญ่”ชื่นใจของพี่จริงๆ...”ผมนั่งมองท้องนายิ้มระรื่นสุขใจ ทุ่งรวงทองยามนี้คือความหวังทั้งมวลของผม มันจะนำพาหนี้ก้อนโตจากไป และจะนำพาสาวคนรักมาเคียงข้างผม..
.....เมื่อดอกข้าวบานและมีการผสมเกสรแล้วหนึ่งสัปดาห์ ภายในที่ห่อหุ้มด้วยเปลือกนอกใหญ่ก็จะเริ่มเป็นแป้งเหลวสี่ขาว ในสัปดาห์ที่สองแป้งเหลวนั้นก็จะแห้งกลายเป็นแป้งค่อนข้างแข็ง และในสัปดาห์ที่สามแป้งก็จะแข็งตัวมากยิ่งขึ้น เป็นรูปร่างของเมล็ดข้าวกล้อง แต่มันจะแก่เก็บเกี่ยวได้ในสัปดาห์ที่สี่นับจากวันที่ผสมเกสรจึงเป็นที่เชื่อถือได้ว่า เมล็ดข้าวจะแก่พร้อมเก็บเกี่ยวได้หลังจากออกดอกแล้วประมาณ 30 - 40 วัน
....อีกไม่นานเมื่อถึงปลายฤดูฝน และย่างเข้าต้นหน้าหนาว อากาศเริ่มเย็นลง ข้าวเบาเริ่มสุกพร้อมจะเก็บเกี่ยวได้ ข้าวเบาคือข้าวสุกก่อน ข้าวที่สุกต่อมาในช่วงเดือนอ้าย(มกราคม)คือข้าวกลาง ส่วนที่สุกในช่วงเดือนยี่(กุมภาพันธ์)เป็นลำดับสุดท้ายคือข้าวหนัก พ่อมักจะมานำเอาข้าวที่เกี่ยวในครั้งแรก 5 – 6 กำมือมาตากแดดก่อน และนวดออกมาจนได้ข้าวเปลือก จากนั้นจะตำด้วยมือจนได้ข้าวสารและนำไปหุงเป็นข้าวสวย ก่อนจะนำไปทำบุญตักบาตร เพราะเชื่อว่าจะเป็นการ อุทิศส่วนบุญกุศลแด่แม่โพสพและปู่ย่าตายาย และจะเป็นมงคลให้ผลผลิตข้าวได้เต็มที่ ไม่มีโรคภัย และสัตว์ต่างๆ เช่น นก หนู หนอนและแมลงร้ายมาเบียบเบียนด้วย...
....ชาวนาในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ใช้เคียวสำหรับเกี่ยวข้าวที่ละหลายๆ รวง ส่วนชาวนาในภาคใต้ใช้แกระสำหรับเกี่ยวข้าวที่ละรวง เคียวที่ใช้เกี่ยวข้าวมีอยู่ ๒ ชนิด ได้แก่ เคียวนาสวนและเคียวนาเมือง เคียวนาสวนเป็นเคียววงกว้าง ใช้สำหรับเกี่ยวข้าวนาสวน ซึ่งปลูกแบบปักดำ แต่ถ้าผู้ใช้มีความชำนาญก็อาจเอาไปใช้เกี่ยวข้าวนาเมืองก็ได้ ส่วน เคียวนาเมือง เป็นเคียววงแคบและมีด้ามยาวกว่าเคียวนาสวน เคียวนาเมืองใช้เกี่ยวข้าวนาเมือง ซึ่งปลูกแบบหว่าน ข้าวที่เกี่ยวด้วยเคียวไม่จำเป็นต้องมีคอรวงยาว เพราะข้าวที่เกี่ยวมาจะถูกรวบมัดด้วยตอซังหรือตอกไม้ไผ่ เป็นกำๆ ส่วนข้าวที่เกี่ยวด้วยแกระ จำเป็นต้องมีคอรวงยาว เพราะชาวนาต้องเกี่ยวเฉพาะรวงที่ละรวงแล้วมัดเป็นกำๆ ซึ่งเรียกว่า เรียง ข้าวที่เกี่ยวด้วย แกระ ชาวนาจะเก็บไว้ในยุ้งฉางซึ่งโปร่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และจะทำการนวดเมื่อต้องการขายหรือต้องการสีเป็นข้าวสาร ข้าวที่เกี่ยวด้วยเคียวชาวนาจะทิ้งไว้บนตอซังในนา เพื่อตากแดดให้แห้งเป็นเวลานาน 3 - 5วัน หรือจะตากบนราวไม้ไผ่ก็ได้แล้วจึงขนมาที่ลานสำหรับนวด ข้าวที่นวดแล้วจะถูกขนย้ายไปเก็บไว้ในยุ้งฉางหรือส่งไปขายที่โรงสีทันที....
....ขณะผมนั่งกอดกับสร้อยและฝันหวานกันอยู่นั้นพ่อก็กระแอมเบาๆขัดจังหวะจากข้างหลัง เราสองคนรีบผละจากกัน สร้อยหน้าแดงยิ้มเขินๆ ส่วนผมรีบนั่งตัวตรงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”แหมเป็นหนุ่มเป็นสาวนี่มันดีนะ นั่งพลอดรักกันได้ทั้งวัน ช่างน่าอิจฉาในความสุข...”พ่อแซวเราสองคนพร้อมรอยยิ้ม”พ่อมาเกี่ยวข้าวแรกหรอ...”ผมถามเมื่อพ่อวางกระบุงที่มีรวงข้าว 4 – 5กำมืออยู่ข้างใน พ่อพยักหน้า”ข้าว่าปีนี้เราคงจะลืมตาอ้าปากได้แล้ว แหมมันแล้งบ้างน้ำท่วมบ้างมาหลายปีเหลือเกิน”พ่อมองทุ่งข้าวอย่างมีความหวัง ดวงตาส่งประกายความสุข”แหม...พ่อบอกเสมอนี่ ว่าคนเรามันไม่แพ้ตลอดไปหรอกถ้าเรายังสู้ นี่ผลแห่งการเพียรพยายามสู้ของพ่อกำลังออกดอกออกผลแล้ว...”พ่อหันมายิ้มให้ผม”อื่มม...วันนี้เอ็งพูดรื่นหูข้าจังเลยวะ เอาละข้ากลับก่อนนะ เอ็งสองคนนั่งจีบกันไปเหอะ ข้าไม่อยู่เป็นก้างขวางคอหรอก”แล้วพ่อก็แบกกระบุงเดินกลับบ้านไป....
....ผมกับสร้อยนั่งคุยกัน หยอกเย้าบ้างไปตามประสา จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็ใกล้ค่ำแล้วสร้อยก็ขอตัวจะกลับบ้าน แต่ขณะสร้อยจะขี่จักรยานไปผมก้นึกขึ้นได้”เดี๋ยวสร้อย พี่ลืมไปเลย พี่ว่าจะฝากปลาช่อนไปให้สร้อยทำกับข้าวให้พ่อกับแม่ของสร้อยด้วย”ผมบอกสาวคนรักและยกข้องใส่ปลายื่นให้เธอ”ไอ้ช่อนตัวเบ้อเล้อเลย พี่จับได้เมื่อบ่ายนี้เอง..”สร้อยเปิดฝาข้องดู ปลาช่อนดิ้นขลุกขลักอยู่ข้างใน “น่าสงสารจังเลยพี่ ปลาตัวนี้ สร้อยขอนะ...”ผมแปลกใจในคำพูดของสาวคนรัก”ก็พี่ให้สร้อยอยู่แล้วนี่ จะขอทำไมอีกล่ะ”สร้อยพูดแล้วเดินหิ้วข้องไปที่ริมน้ำตรงคันนา และคุกเข่านั่งลงพร้อมกับพนนมือไห้ว”ขอบุญกุศลในการปล่อยปลาตัวนี้...ช่วยให้พี่รักสร้อยคนเดียวไปนานๆนะ...”แหมใจบุญจริงแฟนของผมแถมเข้าใจอธิฐานเสียด้วย แต่ขณะสร้อยจะปล่อยปลาลงน้ำ ผมก็เข้าไปขวางไว้”เดี๋ยวก่อนสร้อย รอเดี๋ยว”สร้อยมองผมอย่างงงๆ”มีอะไรหรอพี่...”ผมยกมือไห้วอธิฐานด้วย”ขอบุญกุศลครั้งนี้ ช่วยดลให้สร้อยรักพี่ไปตลอดกาลคนเดียวด้วยนะ..”แล้วเราสองคนก็ยิ้มให้กัน แล้วจับมือปล่อยปลาตัวนั้นลงน้ำพร้อมกับและหันมามองหน้าสบตา ต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข....
....ฝนสั่งฟ้าตกลงมาหลายวันติดต่อกัน ผมนั่งอยู่ในเรือนมองฝนตกโดยไม่รู้ว่าจะไปไหน ขณะนั่งเพลินๆก็ต้องสะดุ้งเมื่อวิไลมากอดตัวผมจากด้านหลัง”นั่งคิดถึงใครเล่าพี่...”ผมตกใจรีบแกะมือของเธอออก”อย่าน่าวิไล อย่าทำอย่างนี้ เดี๋ยว ใครมาเห็นเข้าจะเกิดเรื่องนะ...”วิไลละมือจากเอวแล้วมานั่งงอนๆข้างผม”ทีวิไลทำอย่างนี้กลัวใครเห็น ทีพี่ไปกอดพรอดรักกับนังคนชื่สร้อยที่ห้างนาไม่กลัวใครมาเห็น ใช่ซิ...วิไลมันคงไม่ใช่คนสำคัญ เป็นแค่ของว่างให้พี่กินรองท้อง...”ผมตกใจมองดูรอบตัวด้วยกลัวใครจะได้ยิน”วิไล...อย่าพูดอย่างนี้นะ ใครมาได้ยินเรือนพังแน่...”วิไลมองค้อน”ถ้าเรือนจะพังนะ มันพังตั้งแต่คืนที่พี่กระแทกวิไลแล้ว...”ไปกันใหญ่แล้ว ผมเกาหัวที่ดันพลาดไปในคืนนั้น”พี่ว่าเราอย่าเพิ่งคุยกันเลย เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะ”วิไลยิ้ม และเข้ามาซบไห่ลของผม”วิไลไม่พูดก็ได้ แต่คืนนี้วิไลขออีกนะ...”วิไลมองผมตาหวานเยิ้ม พยักหน้าให้ผมและชูนิ้วหนึ่งนิ้ว”นะ..นะ...นะ....”ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่.....
....ขณะเรานั่งอยู่รถของครูสมบูรณ์ก็วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าเรือน ครูหนุ่มเปิดประตูวิ่งฝ่าฝนเข้ามาพร้อมกับสร้อยแล้วตะโกนเรียกเรียกหาผม พ่อและทุกคนออกไปดู”ที่นาตรงท้ายคลองชลประทานนั้นใช่ที่ของนายหรือเปล่า...”ครูหนุ่มถามผม”ใช่แล้วมีอะไรหรอ...”สร้อยตะโกนแข่งกับเสียงฝนบอกผม”พวกไอ้เม้งมันแกล้งพี่อีกแล้ว พวกมันไปชักน้ำเข้านาของพี่ พอดีครูเขาขับรถผ่านไปเห็น รีบไปดูเหอะ เดี๋ยวน้ำจะท่วมข้าวตายหมด..”พ่อและทุกคนได้ยินก็ตกใจกันถ้วนหน้า ผมรีบวิ่งฝ่าฝนไปยังที่นาก่อนใคร พอไปถึงก็แทบหมดแรง ต้นข้าวถูกน้ำท่วมล้มไปจนเกือบหมด พ่อ แม่และอาจันที่ตามมาถึงกับอ้าปากค้าง”หมดกัน...หมดตัวกันแล้วคราวนี้...”แม่คร่ำครวญนั่งลงร้องไห้”ไอ้เม้งมันต้องแกล้งเราแน่ๆ มันท่วมแต่ที่นาของเราที่เดียว”ผมหันไปบอกพ่อ”อย่าเพิ่งโทษใครไป กล่าทโทษคนมันต้องมีหลักฐาน “ผมถึงกับโวยวายเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ผลเก็บเกี่ยวปีนี้มันคือความหวังทั้งมวลของบ้านเรา แล้วจู่ๆต้องมาพังลงต่อหน้าต่อตา”ยังจะเอาหลักฐานอีกหรอพ่อ พวกมันไม่เคยหยุดราวีพวกเราเลย ฉันจะไม่ทนอีกแล้ว ฉันจะไปฆ่าล้างโคตรมันเลยวันนี้.....”ผมทำท่าจะตรงไปที่บ้านของแป๊ะฮง ทุกคนฉุดมือห้ามไว้ “เดี๋ยวก่อน ข้าวยังเสียหายไม่มาก มาช่วยกันกู้นาข้าวกันก่อนดีกว่า”ครูหนุ่มบอก”แล้วจะทำยังไงกันล่ะ”พ่อถามครูหนุ่ม”ช่วยกันวิดน้ำออกและพังคันนาระบายน้ำ...”แล้วพวกเราก็ลงไปช่วยกันวิดน้ำออก ผมถีบคันนาให้พังเพื่อระบายน้ำออก เจ้าคมและชาวบ้านที่ผ่านต่างเข้ามาช่วยกันอีกหลายคน จนใกล้ค่ำฝนก็หยุดตก...
....”พอเถอะพี่...ทำไปก็ป่วยการเปล่า ต้นข้าวมันเน่าตายหมดแล้วพี่...”เจ้าคมมาฉุดแขนให้หยุด ผมตะโกนลั่นด้วยความเจ็บใจ แล้วถีบคันนาระบายความแค้นในใจ”ไอ้เม้ง ไอ้ฮง ไอ้พวกชิงหมาเกิด....”ผมทรุดตัวนั่งลงร้องไห้อย่างไม่อายใครสร้อยและเจ้าคมมาช่วยกันประคองผมขึ้นมานั่งที่ข้างทาง พ่อลูบหัวปลอบใจผม”ต้องเป็นฝีมือของมันแน่ๆ...”ผมบอกทุกคน”ฝีมือใครกันว่ะ โห...น้ำท่วมข้าวตายหมดเลย น่าสงสารจังเลย...”เสียงไอ้เม้งดังมา พอผมหันไปดูก็เห็นแป๊ะฮงเดินคู่มากับไอ้เม้งมีลูกน้องกางร่มให้ มันยืนดูที่นาของผมแล้วหัวเราะพร้อมกับส่ายหัว”หมดตัวแน่ๆพวกลื้อนี่ อั๊วะบอกแล้วที่ของลื้อมันแรง บารมีของพวกลื้อมันไม่พอให้เป็นเจ้าของ ไม่งั้นลื้อก้จะเจออาเพศอยู่อย่างนี้..”ผมสุดทนกับคำเยาะเย้ยของมัน”เออ...พวกกูเจออาเพศ แต่มึงต้องเจอส้นตีนของกู...”ผมยกเท้าจะกระโดดถีบปากมัน แต่ทุกคนรีบเข้ามาจับตัวผมไว้”เฮ้ย...ลื้อนี่มันชักจะกำแหงหาญใหญ่แล้ว ก้าวร้าวไม่รู้ใครอาวุโสใครเป็นเด็ก ลื้อสั่งสอนลูกกันบ้างสิวะ..”พ่อเดินมาเผชิญหน้ากับแป๊ะฮง”ข้าถามจริงๆแป๊ะฮง ทำไมต้องแกล้งกันถึงขนาดนี้..”แป๊ะฮงทำหน้าตาเหรอหรา”บ้าแล้ว...บ้าแล้วพวกลื้อนี่ ใครเขาจะไปแกล้งพวกลื้อ กล่าทหากันอย่างนี้ แรงนะนี่...”ครูสมบูรณ์เดินเข้ามาร่วมวงด้วย”ผมเห็นตอนขับรถผ่านมาว่าลูกชายแป๊ะเป็นคนสั่งลูกน้องให้ชักน้ำเข้านาตรงนี้..”แป๊ะฮงหยีตามองครูหนุ่ม”อย่ามาพูดพล่อยๆใส่ความลูกชายอั๊วะนา คุณครู เห็นเป็นครูบาอาจารย์นะ อั๊วะจะไม่ถือ แต่ถ้ายังพูดอีก อั๊วะจะไม่เกรงใจแล้ว...”ผมเดินเข้าหาจะเอาเรื่องอีก ทุกคนช่วยรั้งตัวกันไว้”นาของกูฉิบหายหมดขนาดนี้ จะมีฝีมือใคร ถ้าไม่ใช่ไอ้เม้ง แล้วคนให้ท้ายคอยวางแผนจะเป็นใครไปได้นอกจากมึง ไอ้ฮง...”แป๊ฮงชี้ไม้ตะพดมาที่ผม”ลื้อพูดดีๆ อันที่จริงฝนก็ตกมาตั้งหลายวันไม่ได้หยุดน้ำมันก็ท่วมเป็นธรรมดานะสิ พอมันท่วมพวกลื้อดันมาโทษอั๊วะ พวกลื้อนี่มันมั่วกันจริงๆ”พ่อมองแป๊ฮงแล้วเค้นเสียงถาม”แล้วทำไมมันท่วมแต่ที่นาของข้าล่ะ..”แป๊ะฮงอึกอัก ตอบเลี่ยงๆ”จะไปรู้เรอะ อั๊วะไม่ใช่เทวดานี่หว่า...”ผมสุดทนอีกครั้งวิ่งจะไปเอาเรื่องแต่ทุกคนช่วยกันลากกลับ ผมตะโกนด่าใส่พวกมัน”คอยดูเถอะพวกมึง กรรมชั่วที่พวกมึงทำกับกูจะสนองตอบพวกมึงอย่างสาสมแน่...”ผมพยายามดิ้นเข้าไปเอาเรื่องพวกไอ้เม้งให้ได้แต่ครู เจ้าคม พ่อและอาจันก็ลากผมไปขึ้นรถ สร้อยก็มานั่งข้างๆ”พอเถอะพี่ โว้ยวายไปก็เท่านั้น ไปคิดหาทางแก้ไขกันเถอะ...”ผมถอนหายใจ นั่งนิ่งหมดอาลัยตายอยาก”ก็พี่หมดตัวแล้ว จะไปแก้ไขอะไรกันได้อีกเล่า...”
....ผมมานั่งอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ครูสมบูรณ์ขอตัวกลับไปก่อน อาจัน แม่และ วิไลนั่งอยู่บนเรือน พ่อยืนดูหมู่บ้านจากเนินหน้าเรือน ส่วนเจ้าคมนั่งอยู่ข้างๆคอกควาย สร้อยนั่งหน้าเศร้าข้างๆผม พยายามลูบเนื้อลูบตัวปลอบโยนผม ถ้ามีเวลาใส่ใจสักหน่อยผมคงได้เห็นสายตาริษยาต่อสร้อยที่มีของวิไล “พี่อย่ายอมแพ้นะ พี่ต้องสู้ต่อไป สู้เพื่อทุกคนและเพื่อสร้อยด้วย”สร้อยพูดให้กำลังใจผม”อะไรที่แล้วมา ก็ให้มันแล้วกันไปเถอะพี่ ชีวิตของเราต้องดำเนินต่อไป..”ผมมองหน้าสาวคนรักแล้วพูดเสียงคลือๆ”พี่จะเอาอะไรมาสู้ ทุกอย่างมันสูญสิ้นไปหมดแล้ว พี่ไม่เหลืออะไรมาสู้อีกแล้ว”เจ้าคมเดินมาใกล้ๆ”พี่อยากจะเป็นวีรบุรุษของบ้านนางรอง เจอแค่นี้ก็ถอยแล้วเรอะ ถ้าพี่ยอมแพ้แล้วพี่จะไปทำอะไร..”ผมเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย พลันสายตาก็มองไปเห็นกลุ่มคนควบม้าเหยาะตรงมายังบ้านผม....
....กลุ่มชายควบม้าตรงเข้ามาหยุดที่หน้าเรือน ทุกคนแต่งตัวเหมือนเคาบอยในหนังกางแลงที่เราเคยดู แต่สภาพขอบอกว่าโสโครกมากๆ ไม่เท่ส์เหมือนในหนัง พอชายที่ลงจากม้าตัวหน้าดันปีกหมวกเผยใบหน้า พ่อมองเห็นถึงกับอุทานว่า”พี่พาย...”ชายวัยสี่สิบกว่าๆรูปร่างล่ำสันหัวเราะเบาๆ”มึงยังจำกูได้รึ...”ผมมองแล้วตะลึง กลุ่มคนที่มายืนเป็นสิบนี่ คือเสือพาย เสือร้ายที่ลือชื่อ และมันกำลังจะมาปล้นหมู่บ้านนี้ ชายที่ถูกเรียกว่าเสือพายเดินไปหยุดที่ข้างหน้าของพ่อ”กี่ปีแล้ววะที่มึงออกจากชุมโจรของกูมา”พ่อดูจะนอบน้อมมากกับชายที่เป็นเสือร้ายคนนี้ และดูสนิทกันมากอีกด้วย และที่สำคัญผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อเคยเป็นโจรมาก่อน”เอ่อ...เกือบๆ20ปีแล้วจ้าพี่...”เสือพายเดินมามองหน้าผม”ไอ้หนุ่มนี่ใคร หน้าตาดี หน่วยก้านดี ท่าทางดุเอาเรื่องนะ”พ่ออึกอักแล้วเดินมายืนข้างๆเสือพาย”ลูกชายฉันจ๊ะ..”แล้วพ่อก็หันมาบอกผม”ไห้วลุงเขาสิ...”ผมมองตากร้าว”ฉันไม่ไห้วพวกโจรที่มันปล้นเขากินและสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านหรอก”พ่อหน้าเสีย สร้อยตีแขนของผม”พูดอะไรนะพี่..”เสือพายหรี่ตามองผมแล้วหัวเราะ”แหม...ปากกล้าดีจังไอ้หนุ่ม แหมปากดีอย่างนี้ไม่น่าอยู่รอดจนโตมาได้ขนาดนี้เลยนะมึง...”พ่อระล่ำระลักบอกเสือพาย”อย่าโกทธเลยพี่ ลูกฉันมันยังเด็กอยู่ ฉันขอโทษแทนมันด้วย”เสือพายโบกมือ”เออ...ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือหรอก เด็กหนุ่มมันก็อย่างนี้แหละ”เสือพายเดินหันหลังไปมองหมู่บ้านจากเนิน”มึงคงรู้แล้วว่ากูมาทำไม”พ่อก้มหน้านิ่ง”กูจะมาปล้นหมู่บ้านนี้ แต่กูจะไม่ให้ลูกน้องของกูแตะบ้านมึงเลย ถ้ามึงไม่ขัดขวางพวกกู...”เสือพายบอกพ่อตรงๆ”เอ่อ..ฉัน...”เสือพายตบบ่าพ่อ”มึงก็รู้ว่ากูพูดตำไหนคำนั้น ตอนมึงขออกจากชุม มึงขอกูและให้สัญญาว่าจะไม่บอกใครว่ากูอยู่ไหน และมึงก็ทำตามสัญญามากว่า 20 ปี กูนับถือน้ำใจมึงมาก เอาล่ะ กูจะกลับแล้วอยู่นานไม่ได้ กูขอย้ำว่า ข่าวการมาของกูและการเข้าปล้นของกูจะไม่มีมึงเข้ามาขัดขวาง..”แล้วกลุ่มเสือพายก็ควบม้ากลับไป พ่อมองตามแล้วถอนใจ..
.
....พ่อนั่งเหม่อมองคนเดียวไปยังหมู่บ้าน ผม สร้อยและเจ้าคมเดินไปนั่งข้างๆ พวกเรามองจากเนินลงไปยังหมู่บ้าน พ่อสูดลมหายใจลึกๆ”ข้าวกำลังเต็มนาเลย เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วทุกคนก็จะมีเงิน และเมื่อนั้นพวกโจรก็จะเข้ามาปล้น...”สีหน้าพ่อดูกังวล”ฉันอยากให้พวกมันปล้นและเผาบ้านไอ้ฮงกับไอ้เม้งที่เดียวจังเลย”ผมบอกความในใจต่อทุกคน”เอ...ลุง..ที่เสือพายบอกว่าลุงเคยเป็นพวกมันมาก่อนจริงรึ...”สร้อยถามอย่างสงสัย”ใช่แล้วลุง ทำไมพวกเราไม่เห็นรู้เรื่องเลย..”เจ้าคมชิดเข้ามาแล้วช่วยถาม พ่อนั่งนิ่งสักพัก”มันนานมาแล้ว ตั้งแต่ข้ายังหนุ่มอยู่เลย ข้าถูกบีบจากชาวบ้านทำให้โกทธแค้นหนีเข้าป่าไปเป็นโจร ข้าเข้าสังกัดเสือพาย ออกปล้นเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาจนได้เป็นมือขวาของเสือพาย...”ผมนั่งฟังนิ่ง ตั้งแต่จำความได้ พ่อไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้เลย”ต่อมาข้าออกปล้นและถูกตำรวจไล่จับ ข้ากับเสือพายแยกกันหนี แล้วข้าไปหลงป่า ข้าหลงป่าอยู่หลายวัน หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย จนกระทั่งหลุดออกมาได้..”พ่อเล่าด้วยดวงตาที่แจ่มใสราวกับเรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อวาน ทุกคนนั่งนิ่งฟังพ่อเล่าต่อโดยไม่ขัด”ข้ากระหายน้ำมาก ข้าเดินมาเจอลำคลองก็ก้มดื่มอย่างกระหาย หลังดื่มน้ำในลำคลองจนพอ ข้าก็เงยหน้าถึงรู้ว่าข้างๆ มีผู้หญิงกำลังอาบน้ำอยู่ ตอนนั้นข้ายอมรับผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ผู้หญิงนุ่งผ้าถุงตัวเดียว แล้วมองหน้าข้างงๆ แต่ขณะนั้นก็มีงูเลื้อยขึ้นมาจากน้ำตรงมาที่ผู้หญิงคนนั้น เสียงร้องกรี๊ด ผู้หญิงคนนั้นตกใจวิ่งหนีจนผ้าถุงหลุด”พวกเราเงียบนิ่งนั่งฟัง”แล้วไงต่อละพ่อ..”ผมถาม พ่อหันมามองผม”แล้วเขาก็กลายมาเป็นแม่เอ็งยังไง..”พ่อพูดจบพวกเราก็หัวเราะครืน แต่พ่อยังเล่าต่อ”จากนั้นข้าก็ถอนตัวเลิกเป็นโจร และกลับมาปักหลักอยู่ที่นี่จนมีเอ็งนี่แหละ...”
....”แล้วพ่อจะทำยังไงล่ะถ้าเสือพายเข้าปล้นหมู่บ้านนี้...”พ่อเงียบ แล้วลุกขึ้นยืน พวกเราลุกขึ้นตาม “แล้วถ้าเป็นเอ็งล่ะ เอ็งจะทำอย่างไง...”ผมมองไปที่หมู่บ้าน แล้วสูดลมหายใจลึกๆ”ถ้าพวกชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือจากฉัน ฉันก็พร้อมจะช่วยนะพ่อ...แล้วพ่อละ...ผมถามกลับไป พ่อนิ่งสักครู่” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็ยังคิดเหมือนเอ็งนั่นแหละ...”
….รุ่งแจ้งแสงอรุโณทัยส่องฟ้า วันนี้ผมตื่นสายเพราะว่าเมื่อคืนไปส่งสร้อยที่บ้านของเธอและกลับมาเกือบๆเที่ยงคืน ซ้ำยังเสียพลังในการไปส่งมาเยอะ เลยค่อนข้างจะเพลียอักโข ผมลงมาล้างหน้าล้างตาและกลับขึ้นไปกินข้าว แต่ยังไม่ทันอิ่ม แลไปก็เห็นรถของแป๊ะฮงวิ่งมาจอดที่หน้าเรือน แป๊ะฮง ไอ้เม้งและลูกสมุนเดินกร่างลงมาจากรถ พ่อเดินออกไปรับ แน่นอน พวกมันต้องมาทวงเงินที่ติดหนี้พร้อมดอกเบี้ยอีกครั้งแล้ว
....แป๊ะฮงมาถึงก็เรียกพ่อผมมาคุยด้วย”อั๊วะว่าลื้อยอมขายที่ตรงนี้ให้อั๊วะดีกว่า อั๊วะจะให้ราคาลื้อเต็มที่ หักที่ติดหนี้แล้วยังเหลือไปชื้อที่ใหม่อยู่กันได้สบายๆเลย ไม่ต้องมาติดหนี้อั๊วะแล้วต้องให้อั๊วะมาทวง ให้รำคาญอย่างนี้..”ผมเดินลงมาสมทบและได้ฟังในสิ่งที่แป๊ะฮงพูดด้วย”ข้าไม่ขายหรอกแป๊ะ ที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดกันมาหลายชั่วคน ปู่ของปู่สั่งต่อๆกันมาว่าห้ามขายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แค่ข้าเอาไปจำนำกับแป๊ะ ก็ผิดมหันต์แล้ว ผีปู่ผีย่าถึงลงโทษให้พวกข้ายากจนอยู่นี่ไง..”แป๊ะฮงท่าทางไม่พอใจ มันมองพ่ออย่างดูแครน”ลื้อนี่มันงมงายน่ะ ถ้าผีปู่ผีย่าของลื้ออีรักลื้อจริง คงจะช่วยหาทางบัลดารให้ลื้อร่ำรวยบนที่ดินนี่แล้ว ไม่มาจนดักดานอยู่อย่างนี้หรอก..”ผมเองก็ไม่พอใจที่แป๊ะฮง ด่าถึงบรรพบุรุษของผม”แล้วแป๊ะล่ะ ข้าเห็นแป๊ะอยากได้ที่ของพ่อข้าจังเลย และไอ้ที่ตรงนี้มันก็ใช้ปลูกใช้ทำอะไรไม่ได้ แกจะอยากได้เอาไปทำอะไร...”ไอ้เม้งท่าทางไม่พอใจเดินออกมาจากด้านหลังของแป๊ะฮง”มึงอย่าเสือกได้ไหม ผู้ใหญ่เขากำลังคุยกัน”แป๊ะฮงยกมือห้ามไอ้เม้งและโบกมือไล่ให้หลบไป ก่อนเดินเข้ามาหาผม”อั๊วะอยากได้ที่ตรงนี้ไว้ทำฮวงซุ้ยสุสานของตระกูลอั๊วะ...”
...แป๊ะฮงหันหลังแล้วกางแขนขึ้น พลางบรรยายถึงสภาพของพื้นที่”ที่ตรงนี้..อั๊วะพาซินแสมาตรวจดูแล้ว ทำเลมันเหมาะที่จะทำฮวงซุ้ย แต่ล่ะทิศมีตำแหน่งประธาน มีที่มาของพลัง อาณาบริเวณของเนินนี้เป็นตำแหน่งของหงส์ขาว มังกรเขียวรวมกัน ด้านหลังเป็นแม่น้ำสายใหญ่ก่อเกิดกระแสของพลังที่โอบอุ้ม รอบๆเนินที่นี่มีภูเขาใหญ่ล้อมรอบ ประหนึ่ง เป็นกำแพงเมืองอันแข็งแกร่ง นับว่าเป็นชัยภูมิอันยอดเยี่ยมมาก..”ผมส่ายหัวในความคิดของมัน”ไหนแป๊ะว่าเรื่องผีปู่กับผีย่าของข้างมงายไง แล้วของแกไม่งมงายกว่ารึ..”แป๊ะฮงหันมาทำหน้าเครียด”หุบปาก...บังอาจมาก..อย่ามาพูดจาสามหาวดูถูกตำราจีนเป็นอันขาด ว่าไงลื้อกับพ่อของลื้อจะขายที่ขาดให้อั๊วะไหม...”พ่อยังคงยืนนิ่ง ส่วนไอ้เม้งที่ยืนอยู่นานออกความเห็นบ้าง”เตี๋ย...อั๊วะว่ายึดเลยดีกว่า อย่ามัวมาเสียเวลาคุยกับพวกมันอยู่เลย ยังไงๆดูแล้วอั๊วะว่าวันนี้มันก็คงไม่มีเงินจ่ายค่าดอกเราอยู่แล้ว..”แป๊ะฮงยิ้ม แล้วเอามือไพร่หลัง”อั๊วะเองก็ไม่อยากสร้างฮวงซุ้ยจากน้ำตาของใคร มันเป็นอัปมงคล แต่ถ้าพวกลื้อยังยืนกรานไม่ขาย อั๊วะก็ต้องทำตามข้อเสนอของอาเม้ง...ว่าไงพวกลื้อจะเอายังไง..”ผมเดินไปเผชิญหน้ากับแป๊ะฮง จ้องตากร้าว”แป๊ะ..ถ้าแกตายแล้วอยากเอาศพตัวเองมาฝังไว้ที่นี่นะ ไม่ต้องมาบีบชื้อที่ของพ่อข้าหรอก ข้าจะให้ฝังฟรีๆเลย แล้วจะสร้างศาลแถมให้ด้วย แกจะได้มาเป็นผีเฝ้าที่ของพ่อแล้วคอยรับใช้ผีปู่ผีย่าของข้าด้วย...”แป๊ะฮงและไอ้เม้งรวมทั้งลูกสมุนของมันทำท่าโมโหกันใหญ่ โดยเฉพาะ ไอ้เม้งแทบเต้นผางๆ”มึง...มันจะมากไปแล้วนะ...”มันหันไปมองแป๊ะฮง”เตี๋ย..ยึดที่ของมันเลย ไม่ต้องคุยกันแล้ว ยิ่งคุยกับมันเหมือนเป็นขี้กราก ลามปามไปเรื่อย..”แป๊ะฮงทำปากขมุบขมิบ ตาตี่ๆเบิกขึ้น”ลื้อนี่มัน...ก้าวร้าวจริงๆ ในเมื่อสวรรค์มีทางให้เดิน ลื้อไม่เดิน ลื้อเลือกที่จะลงนรก อั๊วะก็จะไม่ขัด เอาเงินค่าดอกเบี้ยของเดือนนี้มา 6000 บาท ขาดแม้นสลึงหนึ่งก็ไม่ได้ ถ้าไม่มีภายใน 12 ชั่วยามลื้อจงออกไปจากที่ตรงนี้โดยไม่มีข้อแม้นใดๆทั้งสิ้น...”ผมคิดแล้วมันต้องมาลูกนี้ พ่อดูเครียดและมองหน้าผม”ทำไงดีว่ะ ข้าไม่มีให้มันเสียด้วย เอ็งไม่น่าไปยั่วพวกมันเลย จะได้ต่อรองกันสักหน่อย..”ผมยิ้มแล้วบอกพ่อใจเย็นๆ พ่อยังคงเครียดดุผม”ใจเย็นกะผีอะไรเล่า พวกมันเอาจริงแน่ เอ็งนี่มันชอบหาเรื่องเดือดร้อนจริงๆ”
....ผมล้วงกระเป๋าหยิบเงินสด 6000 บาทส่งให้แป๊ะฮง”เอ้านี่เงินของแก นับดูด้วยครบไหม..”พ่อและพวกแป๊ะฮงแปลกใจและงุนงงว่าผมไปเอาเงินมาจากไหน แป๊ะฮงรับเงินไปนับอย่างผิดหวังแล้วส่งให้ไอ้เม้ง”แล้วหลังเกี่ยวข้าว ข้าจะเอาเงินไปใช้หนี้เงินต้น แล้วพวกแกกับบ้านของข้า จะได้สิ้นสุดกันทีไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน..”พวกแป๊ะฮงต้องล่าถอยกลับไปด้วยความผิดหวัง พ่อเดินมาถามผมด้วยความสงสัย”เอ็งไปเอาเงินมาจากไหนว่ะ..ไม่ได้ไปปล้นชิงใครมาใช่ไหม..”ผมมองหน้าพ่อแบบไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ฉุดคิดได้ว่า พ่อคงไม่อยากเห็นผมเป็นโจรขโมย แต่ก็ไม่บอกตรงๆบอกไปเป็นนัยๆว่า”ความรักน่ะ..ทำให้คนเราทำได้ทุกอย่างแหละ...จริงไหมพ่อ..”แล้วผมก็เดินออกไปจากตรงนั่น ปล่อยให้พ่อเกาหัวบ่นว่า มันพูดอะไรของมันวะ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเงิน 6000 เลย...
....ผมเดินมาเรื่อยๆวันนี้ผมมีนัดต้องไปเรียนกับครูสมบูรณ์ ระหว่างทางก็ผ่านบ้านของสร้อยด้วยความตั้งใจของผมเองด้วยที่จะมา สร้อยยืนเก็บผักอยู่ที่แปลงข้างๆรั้วบ้าน ผมย่องไปแล้วโผ่ลเล่นจ๊ะเอ๋กับสร้อย”จ๊ะเอ๋...น้องสร้อยคนสวย ทำอะไรอยู่” และเธอทำท่าตกใจยกมือขึ้นทาบอก”ตกใจหมดเลยพี่...เล่นอะไรบ้าๆน๊ะ..”ผมรีบเข้าไปประคองและทำท่าจะหอมแก้ม”ตกใจมากไหมจ๊ะ...โอ๋ขวัญเอ๊ย...ขวัญมามาอยู่กับเนื้อกับตัว”สร้อยเอามือผลักตัวผมออกมาท่าทางจะโมโห”ไม่ต้องเข้ามาเลย เล่นกับสร้อยอย่างนี้สร้อยเกลียดแล้ว”สร้อยทำท่ากระเง้ากระงอดหัหลังให้ผม จนผมต้องเดินมาโอบเอวจากด้านหลัง”แหมหน้าตาหล่อๆอย่างพี่นี่ สร้อยเกลียดได้ลงหรือ ทั้งหมู่บ้านนี่หาไม่ได้อีกแล้วนะ..”สร้อยหันมามองแล้วเบะปาก”ฮึ่มมม...ต่อหน้าก็คงว่ามีแต่สร้อย พอลับหลังคงแอบสาวๆไว้เต็มเลยละซิ...”แหมทำเป็นงอน ผมดึงสร้อยเข้ามากอดแน่นอีก”พูดอย่างงี้นี่ หึงพี่หรอ รับรองพี่ทำอย่างเมื่อคืนนี้ ทำแต่กับสร้อยคนเดียวเท่านั้น เพราะมีแต่สร้อยยอมให้ทำคนเดียว..”สร้อยหน้าแดงหันมาฟาดผมด้วยตระกล้าใส่ผักจนผมล้มหัวทิ่ม”บ้า....พูดบ้าๆ”แต่พอเห็นผมล้มคะมำก็ตกใจวิ่งเข้ามาประคอง”ว้าย...เป็นไงบ้างพี่..”ผมได้โอกาสจึงเอาหน้าซุกเข้าตรงหน้าอกนุ่มๆของสร้อย”ทำไมเล่นกับพี่แรงจังเลยวันนี้”ผมถามสร้อยที่เอามือลูบหน้าลูบตาผมด้วยความเป็นห่วง”แหมก็คนมันเขินนี่พี่..”ผมเลยต้องพูดเบรกเธอไว้บ้าง”ทีหลังก็ยั้งมือไว้บ้างนะ เล่นกับพี่อย่างนี้ เกิดพี่ช้ำในตายไป จะต้องหาผัวใหม่นะ..”สร้อยปล่อยมือจนผมหงายท้องลงกับพื้นตายก็ตายไปซิ อย่างสร้อยแค่ถกผ้าหนุ่มๆก็วิ่งมาแย่งกันเป็นผัวแล้ว”สร้อยทำงอนเดินไปเก็บผักต่อ
....ผมลุกขึ้นเดินมาช่วยสร้อยเก็บผัก สร้อยเหลือบมามองแล้วถาม”นี่จะไปไหนแต่เช้าเลยล่ะ...”ผมเก็บดอกแคได้กำมือก็หันมามองหน้าสาวคนรักยิ้มๆ”ตั้งใจจะมาหาสร้อยนี่แหละ และจะไปบ้านครูสมบูรณ์ด้วย ว่าแต่สร้อยไม่ไปไหนหรอวันนี้...”สร้อยทำอายๆ”อยากไปเหมือนกันแต่ไปไม่ไหว..”ผมถามอย่างแปลกใจ”เป็นอะไรไปล่ะ...”สร้อยหน้าแดงตอบเสียงในลำคอ”ก็พี่น่ะสิ...เมื่อคืนทำสร้อยทั้งแสบทั้งระบมไปหมด เช้าตื่นมาลุกเดินแทบไม่ไหว..”ผมหัวเราะร่วน สร้อยอายหน้าแดงเอื้อมมือข้ามรั้วมาหยิกผม”ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก..คนบ้าทำไม่บันยะบันยัง..”ผมอยากจะตอบว่าแล้วตอนโดนไม่เห็นร้องห้ามเลย มีแต่บอกแรงๆเร็วๆ แต่กลัวเธอจะโกทธจริงๆ เดี๋ยวจะไม่มีครั้งหน้าอีก...
....ขณะเราคุยกันอยู่ พ่อกับแม่ของสร้อยก็เดินมาโดยมีไอ้เม้งเดินตามมาด้วย ทั้งหมดเดินมาจนถึงตรงที่สร้อยยืนอยู่ พ่อของสร้อยหันมาเห็นผมก็เอาไม้ตะพดชี้หน้าผมแล้วพูดด้วยความเดือดดาลว่า ”มึงอยู่ด้วยก็ดีแล้ว...จะได้สะสางกันทีเดียวเลย..”แล้วพ่อของสร้อยก็หันไปตวาดสร้อยเสียงดัง”นังลูกไม่รักดี...”สร้อยทำหน้างงๆ”พ่อโกทธสร้อยเรื่องอะไรหรอ”เสียงของสร้อยอ้อมแอ้ม”ยังจะมีหน้ามาถามอีก นี่ถ้าเจ้าเม้งไม่มาเล่าให้ฟัง ข้าก็คงไม่รู้ว่าเอ็งสิ้นคิดขนาดขโมยเงินของพ่อไปให้ไอ้สารเลวนี่...”เจ้าเม้งยิ้มจนตาตี่ๆของมันติดกันสนิท”ฉันว่าถ้าจะไม่ใช่ให้เงินกันอย่างเดียวด้วยม้าง...ให้อย่างอื่นด้วยหรือเปล่า...”ไอ้เม้งช่วยพูดยุจนพ่อและแม่สร้อยหันมามองอย่างไม่พอใจ ไอ้เม้งเลยต้องหยุดพูดและหลบตา"”ไอ้เม้ง..ไอ้ปากหมา มึงพูดมานี่ มึงกล่าทหากูนะนี่ มึงเห็นกับตาเรอะ..”สร้อยหันไปด่าไอ้เม้ง พ่อของสร้อยกัดฟันดุด่าลูกสาวอย่างเจ็บใจ”กูอยากจะเอาเลือดของมันออกมาดูจัง อยากจะรู้นักว่ามันไปเอาเลือดชั่วๆเลวๆนี้มาจากใคร..”สร้อยก้มหน้านิ่งยอมรับแต่โดยดี ขณะที่แม่ของเธอมองสร้อยอย่างผิดหวัง”สร้อย...เอ็งทำตัวอย่างนี้แม่เสียใจมากรู้ไหม..”แล้วแม่ของสร้อยก็หันมาทางผม”ฮึ่ม...เพราะมึงแท้ๆ..”แม่ของสร้อยชี้หน้าผม”ไอ้สารเลว...มึงหลอกลูกกูให้ขโมยเงินไปให้มึงใช่ไหม...”ผมยังยืนนิ่งนึกพูดแก้ตัวอะไรไม่ออก ใช่แล้วครับ เมื่อคืนก่อนที่ผมจะกลับ สร้อยแอบขโมยเงินของพ่อเธอมาให้ผม เพื่อไปจ่ายค่าดอกเบี้ยไอ้เม้ง แม้นผมจะไม่ยอมรับแต่เธอก็ยัดใส่มือผม และบอกให้ผมขยันขันแข็งหาเงินมาใช้หนี้และสู่ขอเธอไวๆ “เอ่อ...คือว่า..เอ่อ..”ผมพูดอะไรไม่ออก ไอ้เม้งได้ทีชี้หน้าผม”นั่นไงมันยอมรับแล้ว ป้าแจ้งตำรวจจับมันเลย แล้วเพิ่มข้อหาหลอกลวงกับพรากผู้เยาว์ด้วย..”ผมมองหน้าไอ้เม้งเจ็บใจที่มันเอาความมาบอกพ่อของสร้อย จึงทำให้สร้อยตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก”มึงไอ้เม้ง ไอ้ระยำ ไอ้คนขอยืมปากหมามาใช้ มึงอยากได้หน้านักหรือไง หน้ามึงยังใหญ่ไม่พอใช่ไหม เงินนั่น กูไม่รู้ว่าสร้อยขโมยมา ไม่งั้นกูไม่รับมาให้สร้อยต้องลำบากอย่างงี้หรอก...”ไอ้เม้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ และโวยวายขึ้นยุให้พ่อของสร้อยเกลียดผมเพิ่มขึ้น”อย่าไปเชื่อมันนะอา ไอ้นี่มันหวังมาหลอกเงินและเจาะไข่แดงของสร้อยเท่านั้น.มันไม่มีความจริงใจให้กับสร้อยหรือใครทั้งนั้น.” สร้อยยืนนิ่งก้มหน้ามองพื้นแล้วตะโกนออกมาว่า”ไม่มีใครหลอกสร้อยทั้งนั้น สร้อยทำของสร้อยคนเดียว พี่เขาไม่เกี่ยว...”
....พ่อของสร้อยกัดฟันกรอดๆ”นังลูกไม่รักดี อุตส่าห์เลี้ยงมาหวังจะให้ได้ผัวดีๆ ดันใฝ่ต่ำไปชอบพอกับไอ้สารเลวนี่ ทำตัวต่ำๆให้กูอับอายขายขี้หน้าชาวบ้านจริงๆ...”แม่ของสร้อยเดินมาจับแขนแล้วลูบหัว”สร้อย...เอ็งทำให้พ่อเสียหน้าและเสียใจมาก รู้ตัวไหม ทำไมถึงทำตัวอย่างนี้..”สร้อยยังคงยืนก้นหน้า ผมเห็นมีน้ำตาซึมออกมา เธอเม้มปากจนสั่น ฝ่ายไอ้เม้งยืนขำอย่างสะใจ ไอ้ชาติชั่วเอ้ย....”พ่อกับแม่สอนสร้อยมาแต่เด็กว่าให้เป็นคนดีมีเมตรตา ก็ในเมื่อพี่เขากำลังลำบาก และหนูก็รักพี่เขาจริงๆ และพี่เขาก็รักสร้อย จะไม่ให้สร้อยช่วยเขาได้ยังไง คนรักกันก็ต้องช่วยกันตอนที่กำลังเดือดร้อนสิ พ่อเองก็เคยเล่าให้ฟังนี่ ว่าแม่เคยให้พ่อยืมเงินตอนที่พ่อกำลังลำบาก”คำพูดของสร้อยทำเอาพ่อของเธอสะอึก หันไปมองหน้าแม่ของสร้อย”ยังไงเอ็งก็ผิดที่ขโมยเงินของข้า..”พ่อสร้อยเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร”แต่แม่ติดใจอยู่อย่างเดียว ไอ้นี่มันมีดีตรงไหนถึงทำให้เอ็งยอมทำถึงขนาดนี้..”แม่สร้อยถามตรงๆ”ก็สร้อยรักพี่เขานี่ ความรักของสร้อยไม่มีเหตุผล ถ้าพ่อเป็นพี่เขา แล้วแม่เป็นสร้อย แม่ก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกันใช่ไหม เพราะแม่รักพ่อ...”คำตอบของสร้อยทำเอาพ่อของเธอฮึดฮัดชี้หน้าด้วยไม้ตะพด”กูไม่นึกเลยว่ามึงจะย้อกย้อนกูอย่างงี้ มันน่าแพ่นกบาลเอาเลือดหัวออกจริงๆ แต่เอาเหอะ ที่แล้วมาก็ช่างมัน ต่อแต่นี้มึงห้ามคบกับไอ้นี่ แล้วมึงด้วย...”พ่อของสร้อยหันมาทางผม”ต่อแต่นี้มึงอย่าเสนอหน้ามาที่บ้านของกูอีก ถ้ากูเห็นหน้าของมึงอีก กูจะยิงมึงให้ดิ้นเหมือนหมาเลย”แม่ของสร้อยประคองสร้อยเข้าบ้าน สร้อยฮึดฮัดไม่ยอมไปจนพ่อของเธอเงื้อไม้ตะพดทำท่าจะตีสร้อยจึงยอมเดินไปแต่ก็หันมามองผมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ “ไปให้พ้นหน้ากู ไป..” พ่อของสร้อยชี้ไม้ตะพดมาที่ผม”ออกไปให้พ้นๆจากบ้านของกูได้แล้ว อย่าโผ่ลมาให้เห็นอีก และจำใส่กบาลโง่ๆของมึงด้วยว่า กูขอสั่งห้ามมึงยุ่งกับลูกสาวของกูอีก” พูดจบแล้วก็หันหลังเดินตามไป ส่วนไอ้เม้งทำหน้ายิ้มเยาะเย้ยผมแล้วรีบเดินตามไปด้วย ผมยืนมองจนทั้งหมดหายเข้าไปในบ้าน แล้วผมก็ถอนใจเดินต่อไปที่บ้านของครูสมบูรณ์...
....ผมมาถึงบ้านของครูสมบูรณ์ วันนี้ครูสมบูรณ์สอนผมให้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง แต่ผมซึมๆนั่งคิดถึงแต่เรื่องของสร้อย จนครูหนุ่มบอกผมให้กลับบ้าน”ทำไมล่ะครับ ครูเบื่อสอนผมแล้วรึครับ..”ครูหนุ่มยิ้มอย่างอารีย์”เปล่าหรอก แต่ดูนายไม่มีสมาธิเลย คนเมื่อไม่มีสมาธิก็ไม่อยากรับรู้อะไร วันนี้นายกลับไปตั้งสติก่อนดีกว่าถ้าพรุ้งนี้พร้อมก็ค่อยมาใหม่ “ผมถอนหายใจ เก็บของแล้วทำท่าจะกลับ ผมหันไปถามครูหนุ่ม”ทำไมครูถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ ครูเบื่อชีวิตในเมืองกรุงหรือครับ”ครูหนุ่มยิ้มแล้วตอบผม”ความจริงฉันไม่ได้เบื่อชีวิตในกรุงเทพฯหรอก เพียงแต่รู้สึกว่าใช้ชีวิตในกรุงเทพฯมันฉาบฉวยไปหน่อย ฉันอยากใช้ชีวิตในมุนอื่นบ้าง...”ผมมองหน้าครูหนุ่ม ครูคนนี้มีมุนมองชีวิตที่แปลกจริงๆ”ผมอิจฉาครูจังเลยที่มีทางเลือก แต่ผมไม่มีทางเลือกเลย..”ผมบ่นท้อใจในชีวิต”ใครว่าไม่มีทางเลือก ชีวิตของทุกคนมีทางให้เลือกทั้งนั้น แต่คนเราไม่ค่อยเลือกทางดีๆให้ตัวเองต่างหาก...”ผมถอนหายใจมองออกไปทางบ้านของสร้อย ครูหนุ่มเดินมายืนข้างๆผมมองไปทางเดียวกัน”นายต้องกล้าที่จะทำเพื่อคนที่นายรัก กล้าที่จะคิดจะตัดสินใจ เพราะต่อไปนายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชีวิตของเขา ความรักเป็นแค่ก้าวแรกของชีวิตคู่ แต่หลังจากก้าวพ้นก้าวนี้ไปได้แล้วนั่นแหละจะได้เจอของจริงแล้ว..”ผมมองหน้าครูหนุ่มอย่างสงสัย”ครูพูดเหมือนเคยมีเมียมาก่อน..”ครูหนุ่มหันมายิ้มให้ผม”ไม่เคยหรอก แต่ผมเห็นตัวอย่างมาหลายคู่แล้ว...”ผมยังคิดถึงเรื่องที่สร้อยถูกดุด่าเมื่อช่วงเช้า สร้อยกล้าที่จะทำเพื่อผมโดยไม่คิดหวาดกลัวต่อผลที่ตามมา แล้วทำไมผมจึงไม่กล้าที่จะทำเพื่อเธอบ้าง ใช่แล้วผมหันมายกมือไห้วลาครูหนุ่มพร้อมรอยยิ้มบนหน้า”ขอบคุณครับคุณครู ครูชี้ทางสว่างให้ผมจริงๆเลย คนเราต้องกล้าครับ เมื่อกล้าที่จะรัก เราก็ต้องกล้าที่จะทำเพื่อรักโดยไม่กลัวสิ่งขวางกั้นด้วย ผมไปล่ะครับ..”ครูหนุ่มทำหน้างงๆ”จะไปไหนล่ะ ตะกี้ทำหน้าเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งโลก ทำไมตอนนี้ยิ้มระรื่นเลย อ้าวจะรีบวิ่งไปทำไม เบาๆ เดี๋ยวก็หกล้มหรอก..”ผมหันมาบอกครูหนุ่ม”ผมจะไปทำในสิ่งที่ผมครวทำครับ ขอบคุณครับครูที่ชี้ทางสว่างให้ผม...”ผมวิ่งตรงไปที่บ้านของสร้อยทันที....
....ผมวิ่งมาถึงที่บ้านของสร้อยเห็นรถของแป๊ะฮงจอดอยู่ ใต้ถุนบ้านของสร้อยมีพ่อและแม่ของเธอนั่งคุยกับแป๊ะฮงโดยมีไอ้เม้งนั่งยิ้มอยู่ ส่วนสร้อยนั่งอยู่ห่างๆ ผมแอบมุดรั้วเข้าไปใกล้ๆและนั่งซุ่มแอบฟังด้วยอยากรู้ว่าทั้งหมดกำลังคุยอะไรกันอยู่ เสียงสร้อยโวยวาย”สร้อยไม่แต่งกับไอ้ตี๋บ้าตัณหานี่หรอก พ่อกับแม่จะบ้าหรอ เมียมันก็มี ลูกมันก็มี จะให้สร้อยแต่งไปเป็นเมียน้อยของมัน คิดได้ยังไงกันนี่...”สร้อยย้ำออกมาชัดถ้อยชัดคำแป๊ะฮงทำท่าโมโหที่สร้อยพูดจาไม่ไว้หน้า”เอ..อาสร้อยนี่ลื้อไม่เห็นแก่หน้าอั๊วะเลยน่ะ พูดอย่างงี้ได้ไง อาเม้งอีชอบลื้อ อยากเอาลื้อไปเลี้ยงดูไม่ต้องตกระกำลำบาก สินสอดเท่าไหร่อั๊วะก็สู้ ถึงอาเม้งจะมีเมียมีลูกแล้ว แต่คนจีนเราตามประเพณีจะมีเมียกี่คนก็ได้ ลื้อครวดีใจที่ได้เป็นคนที่สองไม่ใช่สาม-สี่..”พ่อของสร้อยฟังจบก็ลุกขึ้นชี้หน้าด่าแป๊ะฮง”ไอ้เจ๊กบ้า พวกมึงเห็นพวกกูเป็นอะไร กูมีลูกสาวคนเดียวนะโว้ย เรื่องจะหาผัวให้มันไม่ยากหรอก แล้วอีกอย่างฐานะของบ้านกูก็ไม่ใช่กระจอก ไม่สิ้นไร้ถึงขนาดต้องให้ลูกกูไปเป็นเมียน้อยของลูกมึง ไปเลย มาทางไหน ไปทางนั้นเลย....”แป๊ะฮงเจอพ่อของสร้อยด่า ก็ลุกพรวดขึ้น”แหม...พวกลื้อนี่ อั๊วะอุตส่าห์ลดเกียรติมาสู่ขอลูกของลื้อดีๆ กลับไล่ส่งเหมือนหมา ตึงนั้ง อย่างพวกอั๊วะน่ะ ไม่ได้อยากได้ สะใภ้เป็นพวกฮวนนั้งหรอก แต่เห็นอาเม้งอีชอบพอกับสร้อย อั๊วะเลยมาทาบทามให้ เมื่อลื้อไม่เห็นในน้ำใจของอั๊วะก็ป่วยการจะคุย อาเม้งกลับ”แป๊ะฮงเรียกไอ้เม้งที่นั่งจ๋อยอยู่ให้ลุกเดินตามกลับ”แต่เตี๋ย...อั๊วะ...”แป๊ะฮงถลึงตาตี่ๆใส่ไอ้เม้งทำให้มันก้มหน้าเดินตามแป๊ะฮงกลับไป”ฮะ ฮะ ฮะ สะใจจังเลยพ่อ...”สร้อยปรบมือและหันมาหัวเราะกับพ่อ แต่พอเห็นหน้าเครียดๆของพ่อก็ก้มหน้าหลบสายตา”แต่ละคนที่มาติดพันนังสร้อยนี่ มันจะหาคนดีๆบ้างไม่ได้เลยรึไง คนดีๆครูสมบูรณ์เองก็หายหน้าไปไหนไม่รู้ เฮ้อ...กลุ้มใจจังเลยกู...”พ่อของสร้อยบ่นเซ็งๆ พอดีผมทำกระถางต้นไม้ตกเกิดเสียงดัง พ่อของสร้อยหันมาก็ร้องถาม”เฮ้ย...ใครว่ะ.”ผมออกจากที่ซ่อนยิ้มแหะๆ”ฉันเองจ้า...”พ่อของสร้อยกัดฟันกรอดๆ”มึงอีกแล้วเรอะ แม่ไปเอาปืนมา ข้าจะยิงมันให้ขาลากเลย...”
....ผมเดินยกมือชูขึ้นสองข้างแล้วเดินออกมาจากที่ซ่อน แม่ของสร้อยวิ่งไปบนบ้านแล้วเปิดหน้าต่างโยนปืนยาวลงมาให้พ่อของสร้อย พ่อของสร้อยยกมือรับไว้อย่างแม่นยำแล้วยกปืนเล็งมาที่ผม”ฮึ่ม...มึง...กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่าเข้ามาเหยียบบ้านของกูอีก มึงท้าทายกูใช่ไหม..”สร้อยวิ่งเข้ามาขวางทางปืนไว้ แล้วหันมาร้องสั่งผม”พี่มาทำไมเนี่ย...รีบหนีไปเร็วๆ..”ตอนนี้ผมไม่กลัวไม่เกรงอะไรแล้ว และจับไหล่ของสร้อยทั้งสองข้าง ดึงตัวมายืนประสานตา”พี่ไม่หนีไปไหนแล้ว พี่ทำผิดมามากแล้ว ต่อไปนี้พี่จะสู้ความจริง พี่จะปกป้องสร้อยเอง...”สร้อยยืนนิ่งสบตาผม แต่พ่อของเธอยืนโมโหจนตัวสั่น “ดูมันทำ มันยังจะกลับมาเย้ยกูให้เจ็บใจอีก อย่าอยู่เลยมึง สร้อยหลบไป..”พ่อของสร้อยประทับปืนเล็งมาที่ผม สร้อยผลักให้ผมหลบและบอกให้หนีไป แต่ผมยังยืนนิ่งจนพ่อของเธอแปลกใจ”นี่มึงไม่กลัวกูบ้างเลยเหรอว่ะ...”ผมมองหน้าพ่อของสร้อยอย่างจริงใจ”ไม่กลัวหรอก...แต่ฉันเกรงใจมากกว่า เพราะอาเป็นพ่อของคนที่ฉันรัก ฉันก็นับถืออาเหมือนเป็นพ่อของฉัน..”พ่อของสร้อยกัดฟันกรอดๆ”มึงอย่ามานับญาติกับกู กูไม่อยากเป็นญาติกับมึง”ผมไม่สนคำปฏิเสธของพ่อสร้อย”ฉันรู้ว่าอาไม่กล้ายิงฉันหรอก เพราะอารักสร้อยมาก ถ้าอายิงฉัน อาก้รู้ว่าสร้อยจะต้องเกลียดอาแน่”พ่อของสร้อยหันมาถามสร้อย”ถ้าพ่อยิงมัน แล้วเอ็งจะโกทธจะเกลียดพ่อจริงไหม “สร้อยมองพ่อของตัวเองแบบหวาดๆ”ถ้าพี่เขาเจ็บ...ฉันก็จะเจ็บให้เหมือนเขา...เอ่อ...ถ้าพี่เขาตาย...ฉันก็จะตายตามเขาไปเหมือนกัน...”พ่อของสร้อยกระทืบเท้า ตัวสั่น”ฮึ่มๆๆๆ...กูรับไม่ได้ๆๆแม่งโคตรน้ำเน่าเลย...”
....พ่อของสร้อยเห็นความมุ่งมั่นของผมและสร้อยก็ลดปืนลง ส่วนแม่ของสร้อยก็เดินลงมายืนข้างๆ ผมยังจับไหล่ของสร้อยและจ้องตาพลางพยักหน้าให้ ก่อนจะปล่อยมือและเดินตรงเข้าไปหาพ่อกับแม่ของเธอ พ่อของสร้อยขยับตัวร้องถาม”มึงจะเข้ามาหากูทำไม..อย่านะ..ถ้าจะเข้ามาทำอะไรกูละก้อ..กูยิงจริงๆนะ.”ผมเดินมาได้ระยะก็ยกมือไห้ว ทั้งคู่ผงะเพราะระแวง แล้วแม่ของสร้อยยกมือไห้วรับคนเดียวส่วนพ่อมองอย่างไม่พอใจแล้วตวาดใส่”ไปรับไห้วมันทำไม...”แม่ของสร้อยสะดุ้งตอบว่า”เอ่อ..ฉันลืมตัวน่ะ..”ผมมองทั้งสองด้วยสายตานอบน้อม”ที่ฉันมานี่ก็เพื่อจะมาบอกอาว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงินที่สร้อยให้ฉันไป ฉันรับปากว่าจะหามาคืนเร็วๆนี้แน่นอน และอยากให้อาเห็นใจในความรักของเราด้วย อย่าขัดขวางและบีบคั้นเราเลย ไม่งั้นมันอาจจะเกิดเรื่องไม่งามขึ้น...”พ่อของสร้อยยกมือชี้หน้าผม”อ้าว..นี่มึงขู่กูเรอะ มึงไม่ต้องเอาความรักมาอ้าง ช่วงนี้มึงกับลูกกูก็แค่หลงไปตามวัย เป็นผัวเมียกัน ถ้าไม่มีเงินมันไม่มีทางอยู่กันได้รอดหรอก ความรักของมึงน่ะมันกินแทนข้าวได้ที่ไหน..”ผมยืนนิ่งฟังพ่อของสร้อยดูถูก”ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะไม่ทำอะไรนับจากวันนี้นี่อา ฉันสัญญาว่าต่อแต่นี้ฉันจะตั้งใจทำงาน และจะมาสู่ขอสร้อยให้สมเกียรติ อาคอยดูก็แล้วกัน”ผมหันมามองหน้าสร้อย” พี่กลับก่อนนะสร้อย”ผมบอกลาสร้อยและหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น พอผมเดินออกมาสักพัก แม่ของสร้อยก็ถอนหายใจเฮือก”โอ้ย...เหนื่อยเหมือนจะขาดใจ คนมาชอบนังสร้อยแต่ละคน ฉันไม่อยากบรรยาย กลุ้มใจแทนอนาคตของมันจริงๆนังลูกคนนี้...”
....ผมกลับมาที่เรือนหญ้าแฝกนอนเล่นคิดคำนึงถึงเรื่องของสร้อย ไอ้เม้งมันกล้าขอให้พ่อมันไปทาบทามสร้อยแต่ผมยังเฉยอยู่ ไม่ได้แล้วต้องคุยกับพ่อหน่อย สักพักพ่อก็เดินเข้ามา”อ้าว...วันนี้ทำไมกลับมาแต่วันเลยว่ะ..”พ่อทักผมอย่างแปลกใจ ผมลุกขึ้นนั่งมองหน้าพ่อ “พ่อ..ฉันอยากมีเมีย..”พ่อมองหน้าผมอย่างแปลกใจ”เอ..เอ็งเป็นบ้าอะไรวะ อยากมีก็มีไปสิ ทำอย่างกับข้าจะไปห้ามเอ็งได้..”ผมเข้าไปจับแขนของพ่อ”แต่พ่อต้องไปขอให้แนนะ..”พ่อหัวเราะฮึๆ”สร้อยใช่ไหม...”ผมพยักหน้า”ว่าแต่...พ่อกับแม่ของเขาจะยอมยกให้เอ็งเรอะ...”ผมหันกลับมานั่งถอนหายใจ”ไม่ลองไปขอก็ไม่รู้ นะพ่อ”พ่อลูบหลังผม”เอาไว้หลังหน้านาก่อน ข้าจะไปสู่ขอสร้อยให้เอ็ง”ผมหันมาจ้องหน้าพ่อ”แต่ฉันอยากให้พ่อไปหมั้นหมายไว้ก่อน ฉันกลัวช้าแล้วคนอื่นจะมาสู่ขอสร้อยตัดหน้านะ วันนี้แป๊ะฮงกับไอ้เม้งก็ไปสู่ขอสร้อยแล้ว ดีที่พ่อของสร้อยไม่เอาเพราะไอ้เม้งจะขอสร้อยไปเป็นเมียน้อย ฉันเลยหวั่นๆ อย่างน้อยพ่อก็ไปหมั้นให้ฉันอุ่นใจหน่อย”พ่อมองผมแล้วยิ้มๆ”เอ็งจำไว้ เนื้อคู่กันแล้วไม่แคร้วกันไปได้ ถ้าสร้อยเขาเกิดมาเพื่อเป็นเมียของเอ็ง ไม่ว่าจะอย่างไง เขาก็ต้องมาเป็นเมียของเอ็งวันยันค่ำ ถ้าไม่ใช่ต่อให้ทำยังไงก็ไม่มีทางได้กัน...”ผมมองพ่อที่อธิบายมายืดยาว”แต่..พ่อต้องช่วยฉันนะ ฉันไม่สบายใจนะ ถ้ายังใจเย็นอยู่อย่างนี้ ถึงสร้อยเขาจะ....”พ่อมองแล้วหัวเราะ”โดนเอ็งเจาะมาหลายทีแล้วใช่ไหม...”ผมมองหน้าพ่ออายๆ”พ่อรู้ได้อย่างไงว่าฉัน...”พ่อยังขำอยู่”ข้าเป็นพ่อเอ็งนะ ผู้หญิงมาหาถึงบ้านมาพัวพันอย่างนี้ มันจะเหลืออะไร ข้ารู้ชายหญิงใกล้กันมันก็เหมือนน้ำกับไฟ เอาเหอะ เอ็งวางใจได้ ข้าจะไปหมั้น สร้อยให้เอ็ง แต่พ่อของเขาจะให้หรือไม่ให้ ก็สุดแท้แต่วาสนาของเอ็งก็แล้วกัน”ผมยิ้มอย่างมีความหวัง”ขอบคุณจ้าพ่อ...”
....บ่ายกว่าๆขณะผมนั่งตกปลาอยู่ที่ริมหนองน้ำ เมื่อมองไปไกลๆก็เห็นชายอายุราวๆ 30 ปลายๆเดินมาพร้อมเด็กสาวอายุราวๆ 15 – 16 เมื่อเข้ามาใกล้ๆจึงได้รู้ว่าเป็นอาจันน้องชายของพ่อ ผมเดินเข้าไปต้อนรับทั้งสองที่หอบหิ้วข้าวของกันมาพะรุงพะรังราวอพยพหนีอะไรมา”หวัดดีอา มาได้อย่างไงนี่ แล้วจะไปไหนกัน..”อาจั่นมองหน้าผมแล้วยิ้ม”แหม...เอ็งนี่โตวัยนะ เป็นหนุ่มแล้ว ข้าไม่ได้อพยพไปไหนหรอก แต่จะมาอาศัยอยู่ที่นี่สักพัก พ่อเอ็งไปไหนล่ะ”อาจันแม้นไม่ได้เจอผมนานแต่ยังจำผมได้”พ่อไปดูข้าวที่นาอีกสักพักก็กลับใกล้จะเก็บเกี่ยวแล้ว...”ผมตอบคำถามของอา แล้วมองไปที่เด็กสาว อาจั่นมองตามแล้วหัวเราะ”นี่นังวิไล ลูกสาวข้าเอง...ไห้วพี่เขาสิ นี่ลูกชายของลุงเอ็งที่ข้าบอกไง..”อาจันแนะนำลูกสาวให้ผมรู้จัก”หวัดดีจ้าพี่...”เด็กสาวยกมือไห้วผมและผมก็ไห้วตอบ มองดูรูปร่างก็ใช้ได้นะนี่ เด็กกำลังจะโตเป็นสาวถึงมอมแมมไปหน่อย แต่ก็อวบดี”อามาไกลคงจะเหนื่อย ไปกินน้ำกินท่ากันก่อน แม่ฉันก็อยู่ที่บ้าน ไปนั่งคุยกันก่อน อามีอะไรจะคุยกับพ่อก็นั่งรอไปก่อนละกัน.."”ล้วผมก็พาสองคนพ่อลูกไปที่เรือน แม่ท่าทางดีใจที่อามาหา แต่สีหน้าของอาจันดูเป็นทุกข์ แม่เอาน้ำใส่ขันมาต้อนรับ ทั้งคู่ดื่มอย่างกระหายเพราะเดินเท้ามาไกล ระหว่างนั่งคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เด็กสาววิไลก็แอบจ้องหน้าและสบตาของผมเป็นระยะๆ ทุกครั้งที่สบตาเด็กสาวก็ยิ้มอย่างเอียงอาย ผมก็ทำหน้าเฉยๆวางฟอร์มเพราะมั่นใจในความหล่อของตัวเอง ไงๆสาวๆเห็นก็ต้องใจสั่นบ้างล่ะ
....จนบ่ายพ่อก็กลับมาเมื่อเจอกันก็ทักทายกันตามประสา”เอ็งจะมาขออาศัยอยู่กับข้ารึ...”พ่อถามอาจันหลังรู้จุดประสงค์ในการมาของน้องชาย”ใช่แล้วพี่...ตอนนี้ไอ้บ้านห้วยฝนของฉันนะ คนอพยพหนีไปหมดแล้ว กลายเป็นหมู่บ้านร้างไปเลย..”พ่อมองอาจันอย่างแปลกใจ”ทำไมวะ ห่าลงหมู่บ้านเอ็งหรอ...”อาจันส่ายหน้า”ไม่ใช่หรอกพี่ ที่ลงหมู่บ้านน่ะมันร้ายกว่าห่าอีก ไอ้เสือพายมันปรพกาศมาปล้นหมู่บ้าน่ะ..”พ่อเปลี่ยนสีหน้าทันที”ไอ้เสือพาย...”พ่อสีหน้ากังวลขึ้นมาจนสังเกตได้”ใช่พี่คงรู้จักดี ไอ้เสือนี่มันร้ายมาก ฉันกลัวมันจะฉุดนังวิไลไปเลยต้องพามันหนีมาอาศัยพี่อยู่ก่อน ไว้มันปล้นเสร็จก็ว่าจะกลับไป ฉันมารบกวนพี่ไม่นานหรอก...”พ่อถอนหายใจ แล้วเหม่อมองไปไกล”เสือพาย...”พ่อพึมพำชื่อเสือร้ายขึ้นมาอีกทีแล้วหันมาบอกอาจัน”เอ็งอย่าคิดว่าที่หมู่บ้านนี้ปลอดภัย...ลองเสือพายมันออกปล้นละก้อ มันจะปล้นไล่ที่ไปเรื่อยๆ ไม่ช้ามันก็จะมาถึงที่นี่ แต่ถ้าเอ็งยังอยู่ภายในบริเวณที่ของข้า รับรองพวกเอ็งจะปลอดภัย...”อาจันยกมือไห้วพ่อ”ขอบคุณมากพี่ สำหรับพี่นี่ เป็นที่พึ่งของน้องๆและพี่ๆได้เสมอจริงๆ”พ่อยิ้มให้อาอย่างเมตรตา แล้วหันมาสั่งผม”เอ็งพาอาของเอ็งและนังวิไลขึ้นเรือนไปหาที่หลับที่นอนให้หน่อย เดี๋ยวข้าจะไปที่บ้านผู้ใหญ่สิงห์ก่อน”ผมแปลกใจ เพราะร้อยวันพันปีพ่อไม่เคยเอ่ยชื่อผู้ใหญ่คนนี้”ไปทำไมเล่าพ่อ..”พ่อถอนหายใจหนักๆ”ข้าไปแจ้งข่าวเรื่องเสือพายจะมาที่นี่กับมันน่ะสิ...”
....”หา...เสือพายจะมาปล้นที่หมู่บ้านของเราเรอะ...”ผู้ใหญ่สิงห์สำรักน้ำที่กำลังยกขึ้นดื่มจากขันแสตนด์เลส”ข้าไม่ได้บอกว่ามันจะมาปล้นที่นี่ แต่มาบอกผู้ใหญ่ให้เตรียมระวางป้องกันไว้..”พ่อบอกผู้ใหญ่หลังแจ้งเรื่องเสือพายมาป้วนเปรี้ยนไม่ห่างจากหมู่บ้านนางรอง”ตายหงส์แล้ว แล้วพวกเราจะทำยังไงดีวะ ไอ้เสือคนนี้มันร้ายขนาดตำรวจตั้งกลุ่มออกล่ายังจับไม่ได้เลย...”ผู้ใหญ่สิงห์ท่าทางกลัวมากๆ”ตอนนี้เราครวจัดยามตรวจตราเฝ้าดูและคอยสังเกตุคนแปลกหน้าและอย่าเพิ่งป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป เดี๋ยวชาวบ้านจะแตกตื่นตกใจ...”ผู้ใหญ่ดูลนลาน จนสีหน้าเป็นกังวลชัดเจน”ทำไมมันไม่มาตอนคนอื่นเป็นผู้ใหญ่วะ ทำไมต้องมาตอนกูเป็นด้วย..”แหมฟังแกพูดแล้วน่าเลื่อมใสสมกับที่ชาวบ้านเลือกเป็นผู้ใหญ่จริงๆ”แล้วหมู่บ้านไอ้จันนี่มันเข้าปล้นหรือยัง”ผู้ใหญ่ใจมดหันมาถามอาจันที่มาช่วยยืนยันเรื่องนี้ด้วย”ยังเลย แต่คนก็อพยพหนีกันไปจนเกือบหมดแล้ว ถ้ามันเข้าปล้นก็คงเจอแต่หมู่บ้านร้าง “ผู้ใหญ่สิงห์นั่งเขย่าตัวและขาด้วยความวิตก”งั้นไม่ช้ามันก็จะมาที่นี่เพราะที่นั่นไม่มีคนเหลือให้มันปล้น เอางี้เราอย่าช้าเลย ไปประกาศอพยพชาวบ้านหนีกันบ้างอย่าอยู่ให้มันปล้นเลย...”แหมผู้ใหญ่บ้านของเรา เอาสมองส่วนไหนคิดนี่...”ไม่ได้..จะอพยพหนีกันไปไหน ถ้ามันมาจริงเราก็ต้องสู้...จะหนีแบบคนตาขาวได้ยังไง..”พ่อพูดค้านความคิดของผู้นำหมู่บ้านทันที ผู้ใหญ่สิงห์หันมามองหน้าพ่ออย่างไม่พอใจ”ใครว่าหนีอย่างตาขาว เขาเรียกว่าถอยไปตั้งหลักโว้ย...”พ่อส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ”แล้วมันต่างจากหนีตรงไหนกันล่ะ....”ผู้ใหญ่สิงห์นั่งคิดสักครู่”เอาอย่างงี้ วันนี้ข้าจะเรียกพวกชายฉกรรจ์มาสัก 10 คนแล้วมาสั่งเป็นการลับให้มันตรวจตรารอบๆหมู่บ้าน แล้วเย็นนี้ข้าจะแจ้งไปทางกำนันและทางอำเภอให้มาชุมนุมวางแผนป้องกันหมู่บ้านของเราจากพวกเสือพายที่บ้านของข้า งานนี้เป็นงานเร่งด่วน เอ็งว่าดีไหม..”ผู้ใหญ่บ้านนางรองคนนี้เพิ่งคิดเข้าท่า”แล้วทำไมต้องตอนเย็นด้วยเล่า..”พ่อไม่วายถามด้วยสงสัย”เดี๋ยวข้าจะต้องพาลูกเมียและขนของไปอาศัยอยู่กับญาติๆในตัวจังหวัดก่อนนะสิ..” ผู้ใหญ่สิงห์ตอบหน้าตาเฉย พวกเรามองหน้าผู้นำหมู่บ้านแล้วทึ่งในความเสียสละ....
....ผมกลับมาที่เรือน แม่และวิไลลูกสาวอาจันช่วยแม่หุงข้าวทำกับข้าวอยู่ที่ท้ายเรือนซึ่งใช้เป็นครัว พ่อมานั่งคุยกับอาจันส่วนผมขึ้นเรือนไปดูแม่และวิไลเพราะเริ่มหิว”รอก่อนเดี๋ยวค่อยกินพร้อมกัน ถ้าอยากจะกินเร็วๆก็มาช่วยหุงข้าวซิ..”แม่บอก ผมเลยเดินไปที่เตาถ่าน ที่บ้านของผมยังหุงข้าวแบบเช็ดน้ำอยู่ วิถีหุงก็คือ นำข้าวสารจำนวนที่จะหุงมาใส่หม้อที่จะหุง และนำข้าวไปซาวน้ำทำความสะอาดก่อน แล้วใส่น้ำในปริมาณที่พอเหมาะก่อนนำไปตั้งไฟบนเตา ปิดฝารอจนน้ำเดือด แล้วค่อยนำน้ำไปรินทิ้งเรียกว่า”เช็ดน้ำข้าว”แต่น้ำข้าวบางทีก็เก็บไว้กินได้หรือใช้เลี้ยงหมาก็ดี จากนั้นแล้วเอาหม้อข้าวมาตั้งบนเตาใช้ไฟอ่อนๆเพื่อให้น้ำข้าวในหม้อแห้งหมดเราเรียกว่า”ดงข้าว”จนข้าวสุกระอุดีค่อยยกลง ระหว่างผมทำ วิไลก็แอบลอบมองดูผมตลอดเวลา
....”แล้วแม่ทำกับข้าวอะไรกินบ้างล่ะ..”ผมถามแม่หลังจากวางหม้อข้าวลง”ทำยอดแคลวกจิ้มกับน้ำพริก และวิไลเขาทำ มะละกอผัดไข่ให้ด้วย ส่วนอีกอย่างก็ต้มโค้ลงปลาช่อนน่ะ”แม่ตอบ ส่วนวิไลก้มองผมอย่างเขินๆ”พี่ชอบกินอะไรล่ะ บอกสิ พรุ้งนี้วิไลจะหามาทำให้...”สาวลูกพี่ลูกน้องของผมเสนอตัวจะทำกับข้าวเอาใจผม”เอ็งไปเก็บดอกแคมาจากไหนล่ะ..”แม่ถามผมเพราะผมเป็นคนเอามาเอง”เอ่อ...ไปเก็บมาจากบ้านของสร้อยน่ะแม่ ตอนไปหาสร้อย เห็นมันกำลังออกดอกเลยเก็บมา..”แม่วางมือหันมามองผม”เอ็งไปเก็บมาไกลถึงขนาดนั้นเชียวรึ...”วิไลนั่งฟังอยู่ก็ถามแทรกขึ้นมา อย่างสนใจ”เอ..สร้อย..นี่ใช้ชื่อผู้หญิงหรือเปล่า...เอ่อ...แล้วเป็นใครละป้า...”แม่ตอบโดยไม่หันมามอง”อื่ม...เป็นผู้หญิง...สวยด้วย...แต่น่าเสียดาย...ที่มันมาเป็นแฟนของลูกชายป้าเนี่ย...”วิไลฟังแล้วหน้าตาดูสลดไปเยอะ...
....หลังอิ่มหนำจากการกินข้าวเที่ยงแล้ว พ่อก็ไปนั่งคุยกับอาจันที่แคร่หน้าเรือน ส่วนผมนั่งเหลาก้านว่าวเพื่อทำไว้ชักเล่นที่หลังเรือน วิไลเดินมาหาในชุดผ้าถุงกระโจมอก มีผ้าเช็ดตัวคลุมไห่ลมา วิไลเป็นสาวผิวเข้ม หน้าตาคมขำ แต่ตอนนี้ดูมอมแมมเพราะฝุ่นเนื่องจากลุยป่ามาไกล”พี่...วิไลอยากอาบน้ำ พาวิไลไปที่บ่อหน่อยซิ...”ผมมองดูวิไลแล้วชี้นิ้วไปทางป่าหลังเรือน”ตรงโน้นน่ะ มีหนองน้ำอยู่ ลงไปว่ายได้เลย แต่ระวังปลาตอดนะ...”วิไลมองตามไป”แต่วิไลไปไม่ถูกน่ะ พี่ช่วยพาไปหน่อยสิ...”ผมส่ายหัว”ไม่เอาอ่ะ ไม่ว่างกำลังทำว่าวอยู่...”เสียงแม่ของผมตะโกนลงมาจากเรือน”ก็พาน้องไปหน่อยสิ น้องไม่เคยมา เดี๋ยวไปหลงกลับไม่ถูก อ้อ...แล้วเฝ้าน้องด้วยนะ เดี๋ยวพวกหนุ่มๆแถวนี้มันจะมาทำมิดีมิร้าย..”ผมส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ เฮ้อ..รูปร่างอย่างนี้ใครจะหื่นมาปล้ำลงว่ะ”เอ้า...ไปก็ไป...ตามมา..”ผมลุกขึ้นเดินนำหน้าไปอย่างไม่เต็มใจ...
....ผมพาวิไลลัดเลาะมาจนถึงหนองน้ำ แล้วชี้ให้เธอลงไปอาบตามสบาย ส่วนผมก็หันหลังจะกลับ แต่วิไลยืนหวั่นๆ และเรียกผมให้อยู่เป็นเพื่อนก่อน”อย่าเพิ่งไปนะพี่ วิไลว่ายน้ำไม่เป็น...”ผมยืนมองอย่างไม่สบอารมณ์”ก็ตักอาบเอาซิ อย่าลงไปว่ายก็แล้วกัน...”วิไลมองผมตาละห้อย”แต่แถวนี้น่ากลัวจัง พี่อยู่เป็นเพื่อนวิไลก็แล้วกันนะ..”ผมมองสาวลูกพี่ลูกน้องเซ็งๆ”พี่เป็นผู้ชาย วิไลเป็นผู้หญิง มาให้พี่ดูเธออาบน้ำได้อย่างไง มันไม่ดี..”วิไลดึงแขนของผมรั้งตัวไว้”เราเป็นพี่น้องกันนะ ไม่เป็นไรหรอก พี่ก็อย่าแอบดูละกัน..คอยเฝ้าวิไลอย่างเดียว..”ผมรำคาญเลยเดินไปหันหลังพิงที่ต้นไม้”เอ้า...ไปเลย...แล้วอาบเร็วๆนะ...”ผมยืนหันหลังเฝ้าวิไล เสียงเธอค่อยๆย่ำเดินลงน้ำดังมา ผมยืนอยู่สักพักเห็นเงียบๆเลยหันไปดูเผื่อว่าเธอจะพลาดจมน้ำจะลงได้ลงไปช่วยทัน แต่เมื่อหันไปก็....ผมถึงตะลึงเมื่อเห็นวิไลที่ตอนนี้แช่น้ำอยู่แค่โคนขา เธอถูตัวอย่างสบายใจ แต่ผมกับใจสั่น เด็กเนื้อตัวมอมแมมเมื่อครู่ตอนนี้มันช่างต่างกันริบ แม้นผิวจะเข้มแต่ความอวบแน่นของร่างกายสาวแรกรุ่นมันพาจิตใจของผมปั่นป่วนกระเจิดกระเจิง เด็กอะไรวะซ่อนรูปจริงๆ อายุแค่นี้แต่ทำไมขนมาเสียมากมาย โดยเฉพาะไอ้นมคู่นั้นทำไมมันใหญ่ขนาดล้นมือผมเลยทีเดียว เวลาที่ก้มขึ้นก้มลง ผ้าถุงที่เปรียกน้ำมันรัดให้เห็นสัดส่วนจนเด่นชัด ว่าสะโพกของเธอมันงอนงามขนาดไหน ยื่งตรงนั้นด้วย โหนกนูนจนใหญ่ฝ่ามือปิดไม่มิด โอ้ย....เกิดอะไรขึ้นนี่ ผมดูแล้วใจเกิดสั่นต้องนั่งลงเพราะ ท่อนเอ็นดันทะลึ่งแข็งโด่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น...
....ผมยังนั่งมองวิไลเพลินเสียจนเธอหันมาเห็น วิไลมองมาทำหน้างงๆ “พี่เป็นอะไรไปล่ะ..นั่งเอามือกุมท้องทำไม..”ผมได้ยินวิไลถามก็สะดุ้ง ยิ้มแหะๆบอกออกไปว่า”เอ้อ...คือพอดีพี่กินมากไปแล้วออกมาเดิน ข้าวมันไม่ย่อยเลยปวดท้องน่ะ..”ผมยังนั่งกดท่อนเอ็นอยู่ ส่วนวิไลก็หันกลับไปอาบน้ำถูเนื้อถูตัวอย่างสบายใจโดยไม่รู้ว่า พี่นอกไส้อย่างผมเริ่มคิดไม่ดีด้วยแล้ว ผมต้องเดินขาถ่างๆออกจากตรงนั้นหันหลังกลับมาทำใจให้ปรกติ ข่มให้เจ้าท่อนเอ็นกลับสู่สภาพเดิม แต่วัยของผมมันเป็นวัยเจริญพันธ์จ้องจะฟันกันอย่างเดียว ข้างล่างยังไม่ทันสงบก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อวิไลเดินเข้ามาพูดใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้”พี่เป็นอะไรไปน่ะ...”ผมยังนั่งกุมตรงเป้าอยู่”เปล่า...ไม่เป็นไรหรอก วิไลอาบเสร็จแล้วหรือ...”สาววิไลพยักหน้า กลิ่นสบู่นกแก้วโชยมาหอมกรุ่นจากกายสาว”งั้นกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป ขอนั่งให้ข้าวย่อยสักเดี๋ยวแล้วจะตามไป...”วิไลมองผมงงๆแต่ก็หันหลังเดินกลับไป พอวิไลเดินไปไกลแล้วผมจึงลุกอย่างลำบาก แหมขืนเดินไปด้วยเธอเห็นความผิดปรกติของผมตรงนี้เข้าละก็เรื่องยาวแน่...
....เกือบๆสี่โมงเย็นผู้ใหญ่สิงห์ส่งคนมาตามพ่อและอาจันให้ไปหาที่บ้านของแกเพื่อประชุมเตรียมการป้องกันพวกโจร แม่ขอตามไปด้วย ผมจึงต้องอยู่บ้านเป็นเพื่อนวิไลทั้งที่อยากไปร่วมประชุมด้วย แหมเรื่องนี้มันน่าตื่นเต้นท้าทายมาก ถ้าเราได้ร่วมต่อสู้กับโจรร้ายด้วยมันคงจะเท่ส์เหมือนพระเอกในหนังกางแปลงที่ผมเคยดูแน่ เวลาผ่านไปจนมืดค่ำพ่อ อาจันและแม่ก็ยังไม่กลับมา ผมนั่งรอที่แคร่อย่างกระวนกระวาย วิไลลงมานั่งข้างๆ สภาพตอนนี้ของวิไลต่างจากตอนมาถึง เนื้อตัวเกรี้ยงเกรา ผมยาวดูนุ่มสลวย ใบหน้าคมเข้มขึ้น เสื้อคอกระเช้าแขนกุดรัดส่วนสัดให้ดูเด่น ผ้าถุงก็แน่นกระชับให้สะโพกและเนินนูนดูล่อตา โอ้ย...พอได้นั่งใกล้ๆตอนนี้ทำไมใจมันสั่นไปได้วะ.....
....วิไลนั่งมองไปทางเดียวกับผม”ทำไมพวกลุงยังไม่กลับมาสักทีนะ...”ผมลุกขึ้นบิดตัวไล่ความขี้เกลียด”คงประชุมกันหนักม้าง...โจรมันมาปล้นต้องวางแผนตั้งรับกันดีๆ มันไม่ได้มาทอดผ้าป่านี่จะได้ทำอาหารรอเลี้ยงอย่างเดียว..”สาววิไลมองตามผม”พี่จะไปไหนละน่ะ...”ผมทำท่าจะเดินหนี”ก็ง่วงแล้วจะไปนอนนะสิ..”วิไลมองอย่างสงสัย”ไม่รอพวกลุงก่อนเรอะ..”ผมส่ายหัว”ไม่ละ เดี๋ยวเขาก็กลับกันมาเองแหละ...”
….”แล้วพี่จะไปไหนล่ะ....”วิไลถามผม “จะไปนอนน่ะสิ..”วิไลมองหน้าผมแล้วยิ้ม”พี่นี่หล่อนะนี่...รู้ตัวหรือเปล่าว่าเหมือน สมบัติ เมทะนีเลย ดูกร้ามสิเป็นมัดๆเลย..”ผมมองวิไลแบบเขินๆ”ใครๆก็ว่าอย่างงั้นแหละ...”วิไลหัวเราะคิกๆ”แหม...ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะ..”ผมทำท่าจะเดินหนี แต่วิไลก็เรียกให้หยุด”จะรีบไปไหนล่ะ อยู่คุยเป็นเพื่อนวิไลก่อนซิ..”ผมบิดขี้เกียจทำท่าหาว”ไม่เอาละ ง่วงจะไปนอนแล้ว...”ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะผมกลัวใจตัวเอง ขืนอยู่ใกล้ๆเดี๋ยวห้ามใจไม่อยู่ ความรู้สึกของผมตอนนี้มันไม่เหมือนตอนเจอเธอใหม่ๆแล้ว เด็กอะไรพอล้างเนื้อล้างตัวก็เปลี่ยนเป็นคนล่ะคนเลย
....ผมเดินขึ้นเรือนมา นอนในห้องที่กั้นไว้ นอนเล่นพลิกไปพลิกมา ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเปิดวิทยุฟังนิทานลุงพรไปเพลินๆ จนกระทั่งเห็นว่าดึกมากก็ไม่มีวี่แววว่าพวกพ่อจะกลับมาเลยเดินออกมาตรงนอกชานเรือน เห็นวิไลนอนหลับอยู่ ผมจึงเดินเข้าไปหา เอื้อมมือไปที่ศีรษะ เขย่าเบาๆ"วิไล....วิไล... จะหลับจะนอน.....ทำไมมานอนตรงนี้ ไป....ไปกางมุ้งนอนให้เรียบร้อยสิ"ผมก้มลงไปพูดใกล้ๆหูของเธอ"หือ....อืม....พี่เองหรอ.....วิไลนั่งรอพวกลุงนาน...แล้วเลยเผลองีบหลับไปน่ะ..."วิไลพูดเสียงงึมงำในลำคอ พร้อมจับมือผม ทำท่าจะเหนี่ยวตัวลุกขึ้น โดยอาศัยผมเป็นหลักยึด”พี่รู้แล้ว....ง่วงก็เข้าไปนอนให้เป็นที่เป็นทางสิ" ผมพูดต่อ"ไปนอนซะ....พี่จะพาไป แล้วพี่จะไปช่วยกางมุ้งให้ด้วย มานอนตรงนี้เดี๋ยวยุงก็หามไปหรอก"วิไลพูดแบบไม่ลืมตาท่าทางจะง่วงจัด"เหรอ...อื่มมม....เอาสิ....งั้นวิไลจะไปนอนล่ะ"วิไลตอบแบบสะลึมสะลือ พร้อมกับยันตัวลุกขึ้นและล้มพับมาในวงแขนของผม เอาแล้วเป็นเรื่องแล้ว.....ร่างที่อยู่ในอ้อมแขนของผมเป็นเรือนร่างที่อวบอัด เนื้อแน่น หอมกรุ่นด้วยกลิ่นสาปสาวรุ่นที่กำลังเต่งตึง ดูแล้วสมบูรณ์ไปทุกสัดส่วน ผมชักหายใจลำบาก และพยายามข่มใจสุดขีด....เฮ้ย...นี่น้องของเรานะ........
.... ….ผมปูที่นอนแล้วอุ้มร่างของวิไลลงวางบนที่นอน ก่อนลุกขึ้นกางมุ้ง ร่างของเด็กสาวแรกรุ่นนอนอ้าซ่าอยู่บนที่นอนช่างยั่ว้ย่าสายตา ผมพยายามเขย่าหัวเรียกสติ และข่มใจเต็มที่ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง”เดี๋ยวสิพี่...ยังไม่กันมุ้งให้วิไลเลย...เข้ามากันให้หน่อยซิ...”ผมหันกลับไปมองยามนี้ผ้าถุงของวิไลล่นขึ้นมาถึงขาอ่อนและชายเสื้อเลิกขึ้นไปจนเผยให้เห็นฐานเต้าส่วนล่าง ผมไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกแล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจ มุดมุ้งเข้าไปลุย..
.... ผมค่อยๆคลานเข้าไปในมุ้ง แล้วคล่อมตัวของเธอเอาไว้ ค้างตัวมองดูร่างของสาวลูกพี่ลูกน้อง แล้วเอื้อมมือไปดึงผ้าถุงของเธอให้ขึ้นไปเกยอยู่บนต้นขา ผมลูบไล้ขาอ่อนเธอเล่นแล้วโอบเข้าเอวบาง ๆ ......แต่เธอขยับตัวจะลุกผมรวบตัวเธอเอาไว้ กอด.....หอม.......ซุกไซ้......ดูดเลียซอกคอ ลากลิ้นเลียมาที่เนินอกขาวผ่อง ซุกมือเข้าไปในผ้าถุง แล้วค่อย ๆ ดันเธอลงบนที่นอน วิไลตาปลือนอนหงายท้อง เนินโหนกนูนของเธอลอยเด่น ผมใช้มือลูบบีบอย่างย่ามใจ เธอหนีบขาแน่น ดิ้นรนจับมือผมไว้แน่น
“........ไม่เอา.......ไม่เอา.......พี่จะทำอะไร....”
....แต่ผมไม่ฟังเสียงตะโบมบีบเคล้นเนินนูน ๆ อย่างเมามัน ยังไงต้องจัดการกับผ้าถุงเธอให้ได้ก่อน...... เธอยันตัวจะลุกขึ้นให้ได้
.”.....ไม่เอา....ไม่ดี...อย่าทำอย่างนี้.....(อ้าว.......ยั่วขนาดนี้แล้วดันมาบอกว่าไม่เอา...).......”
....ผมดึงผ้าถุงของเธออกทางขา เธอจับมือผมไว้ ร้อง”...อย่า....อย่า.....พี่...อย่า...ทำ....เดี๋ยวพ่อรู้มันไม่ดี....” ผมลากริมฝีปากจากซอกคอผ่านหน้าอก......งับหัวนมเธอเล่นก่อนที่จะลากลิ้นวนไปมาทั้งสองข้าง กัดเบา ๆ แล้วงับ......ดูด.......ด้วยความมันเขี้ยว ตอนนี้หน้ามืดจนไม่นึกถึงอะไรทั้งนั้น จะเอาเธออย่างเดียว มือที่คลึงเนินนูน ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นแหย่เข้าไปที่ช่องสวาทของเธอ น้ำโชกออกอย่างนี้ อย่ามาห้ามเสียให้ยาก ผมเอานิ้วชุบน้ำเงี่ยนของเธอแล้วลากขึ้นมาบี้ที่เม็ดละมุด ขยี้......รัว....เร็ว......เธออ้าขาออกอัตโนมัติ....
“......อูยยย.....พี่.......พี่.......จะทำอะไรวิไล...อูยยย...... “
....”.ก็กูกำลังจะล่อมึงอยู่นี่ไง” ผมคิดในใจ.....แล้วลุกขึ้นคร่อมเธอเอาไว้ มืออีกข้างดึงเสื้อเธอออก นมคู่พอเหมาะที่ตอนนี้แข็งเป็นก้อนท้าสายตา หัวนมสีน้ำตาลคร้ำชูชัน ผมตะโบมลูบไล้อย่างย่ามใจ เสียงเธอคราง”..อืมมมมม ....”.ผมดูดเลียซอกคอ ใช้ริมฝีปากชุ่มน้ำลายลาก.....วน......เคล้าคลึงเต้านมของเธอทั้งคู่ เธอแกะมือผมออกเป็นพัลวัลแต่ผมขืนมือใช้ปลายนิ้วบี้ที่หัวนมพร้อมกับใช้ลิ้นดูดเลียที่หัวนม เธอแอ่นตัวร้อง”ซี๊ดดดสสส์......”ผมลากลิ้นโชกน้ำลายไปยังต้นคอ หลังใบหู ส่วนปากของเธอยังพล่ำบอกไม่หยุด
”..อย่า....อย่า...... พี่...อย่าทำกับวิไลอย่างนี้ ........”แต่ก็ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนโวยวายอะไรมากนัก
....ผมรู้ว่าเธอก็อยากและยอมอยู่แล้ว แถมยอมให้ผมทำถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน ผมค่อย ๆ แกะมือเธอออก ไม่ต้องพูดพร่ำอะไรกันแล้ว ....ตอนนี้ เธอได้แต่ร้องครางรอผมลงอาญาอย่างเดียว
”......อืมมมม.......อืมมมมมม......อื่มมมมมม...พี่จ๋า..... “สองมือของผมบีบเคล้นและก้มลงดูดเลียที่หัวนมของเธอไม่หยุด
เสียงสาวรุ่นยังร้องราวทรมานสาหัส
”....โอ้วววว..........ซี๊ดส์....ส์.....ส์......ทำไมถึงเป็นอย่างนี้พี่....สะ...เสียว......”
ตอนนี้ผมไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นแล้ว ตอนนี้คิดแต่จะล่อให้ได้เท่านั้น
“พี่...วิไลกลัวท้อง....อย่า....”
ผมซุกไซร้ไปที่ซอกคอ
”ไม่หรอก...ไม่ต้องกลัว...ไม่ท้องหรอก....”
ผมกระซิบบอกไปอย่างงั้นเอง เพื่อให้เธอยอมง่ายๆ
…. เธอคลายการขัดขืนไปแล้วตอนนี้นอนถ่างขารอให้ผมแก้ผ้าเอาท่อนเอ็นทิ่มใส่อย่างเดียว และไม่รอช้าเมื่อผมเห็นอารมณ์ของเธอเต็มที่แล้ว ก็รีบจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างรวแร็ว แล้วผมก็จับขาเธออ้าออก ใช้สองมือจับข้อเท้าเธอในท่าชูเท้าขึ้น วางตัวแทรกใช้ท่อนเอ็นดันจ่อร่องรูที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำรักของเธอ ใช้ส่วนหัวลากถูขึ้นลงในร่องสวาทของเธอ เพราะผมท่าจะเป็นคนแรกที่ได้ลุยร่องนี้ มันจึงคับแน่น บีบรัดจนผมเสียวและเจ็บในส่วนหัว.......ที่สุด.... ผมจับข้อเท้าเธอดึงเข้าใกล้แล้วพาดเข้าที่บ่า เธอยกก้นตามมาอย่างว่าง่าย
”พี่จะทำอะไรวิไลอีกล่ะ...”
ผมไม่ตอบ ผมแหย่ท่อนเอ็นเข้าไปช้า ๆ ค่อย ๆ ดันเข้าไป
" โอ๊ย....โอ๊ย....วิไลเจ็บ....อย่านะพี่...อย่าดันเข้ามา...อูย...เบาๆ หน่อย..วิไล..โอ้วววว..."
ยังมีเสียงปรามออกมาระคนกับเสียงกัดฟันและเสียงคราง
" ฮึ่มมมม...ฮืออออ....ฮู๊ววว....ซี๊ดดดด.....เจ็บจังเลยพี่.."
....ช่องสวาททางที่ผมกำลังดุนดันบุกเข้าไปให้ได้นี้ มันยังใหม่และคับแคบ และก็แน่นกระชับจริงๆ ผมไสส่วนหัวเข้าไปได้แล้ว ก็รู้สึกถึงอาการดูดตุบๆ ผมจึงเผลอตัวกระแทกอย่างเต็มที่ มันแนบแน่นเมื่อเข้าไปสุดด้าม
"โอ๊วววว....โอ้ยยยยย...."
....วิไลส่งเสียงร้องลั่นออกมา ผมเลยต้องประกบปากจูบ แต่เด็กสาวก็ผวาสุดตัวจนหลังแอ่นขึ้นมา
"อู๊ยยยยย....พี่.....วิไลแน่นไปหมด....แสบด้วย....เอาออกก่อนได้ไหม..."
วิไลร้องอ้อนวอนเสียงสั่นระริก เนื้อตัวกระตุก ร่างกายสั่นสะท้านไปหมด ผมแช่ตัวอยู่นิ่งพักใหญ่ๆเพื่อให้เธอผ่อนคราย...แช่ตัวอยู่สักพักผมก็เริ่มจับขาของเธอทั้งสองข้างมาแนบที่เอว แล้วเริ่มซอยท่อนเอ็นเข้าออกช้าๆ แล้วเร่งเร็วขึ้น เมื่อความหฤหรรษ์เข้ามาแทนความเจ็บปวด ไม่ว่าผมจะซัดใส่แรงขนาดไหน เธอก็ไม่ถอยแล้ว ใส่ไปแรงเท่าไรก็เธอเด้งสะโพกสวนกลับมารับการกระแทกใส่อย่างสุดฤทธ์ แล้วหลับหูหลับตาร้องครางอย่างเดียว ชนิดเสียวทุกดอก
“อูยยย......อูยยยย......ซี๊ดส์......เสียว.....ว......ว......ว......ไม่ไหวแล้ว.......ไม่ไหวแล้ว....
. “ยังเจ็บอยู่ไหม......เจ็บ...ไหม.....”.
....เมื่อ ผมเอ่ยถาม.....เธอพยักหน้าทำตาปรือ.............
.....งั้นพี่ทำให้อีกนะ.....เธอพยักหน้ารับ”
ผมแทงช้าสลับเร็ว สังเกตอาการเธอ ถ้าทำท่าจะเสร็จผมก็ผ่อนลง......หลายครั้งเข้าผมก็ขโยกอย่างแรง เธอร้องว้าย.....ย”.......ย......เสีย....ว......ว.....ว......ซี๊ดส์......วิ..ไล..ปะ..ปวด...ฉี่...จัง...เลย.จะ...ออก...แล้ว.........จะ..โอ้ววว.......
...ผมเร่งกระแทกเข้าออก เสียงเนื้อกระแทกกันดัง พั่บ พั่บ พั่บ ถี่ยิบ......เธอจับแขนผมจิกเล็บลงแน่น......ผวาตัว....เฮือก.....เฮือก.....
....ผมซอยท่อนเอ็นเข้าร่องรูสวาทที่ดูดรัดไม่หยุดของเธอ เสียงกระแทกยังดัง พั่บ ๆ ๆต่อเนื่องไม่หยุด เธอนอนแอ่นสะโพกรับจนนมกระเพื่อม ผมก้มลงใช้ปากดูดดุนหัวนมเธอ....ใช้ฟันขบอย่างมันเขี้ยว....พอผมกัดเธอก็สะดุ้ง.
“...ซี๊ซซดส์.......ซี๊ซซดส์....”
...ท่อนเอ็นแข็ง ๆของผม ก็มุดเข้ามุดออก ผมใกล้เสร็จแล้ว.......รู้สึกเสียวสุด ๆ ส่วนปากยังคาบหัวนมกัดดึงแรง ๆ เธอร้องเสียงกระเส่า
”โอ้ยยยเจ็บ.....เจ็บ.....ปล่อย..ปล่อย...พี่...วิไลเจ็บ.....”
ผมคึกสุดขีดซอยเจ้าท่อนเอ็นใส่ไม่ยั้ง เสียง พั่บ....พั่บ.....พั่บ.....ลั่นไปทั้งเรือน พอจะเสร็จผมก็หยุดพัก.........แล้วก็เริ่มใหม่.....วนเวียนอยู่หลายรอบ
“ฮืออออ....ฮืออออ..ทะ...ทำ...มาย...มาน.....เสียววววววจัง....เสียวจัง......เสียว...อา...ราย....อย่าง...นี้....”.
ผมขโยกใส่เธออย่างไม่นับอีกชุดใหญ่ๆ
.......พั่บ พั่บ พั่บ...
“อะ..ว้ายยยยยยยย........อะ...ออก......ออกมา.......ออกมาแล้วววววว.......”
....เธอจิกแขนผมจนเจ็บแล้วก็ทิ้งแขนทิ้งขาลงอย่างอ่อนแรง......หลังปล่อยให้ผมปู้ยี่ปู้ยำเธออย่างหนำใจ ผมลูบไล้ทั่วเนื้อตัวพลิกเธอให้หันหลังมาหาผม......ใช้ลิ้นลากตั้งแต่ช่วงเอวขึ้นมาที่ไหล่ ดูดเลียจนเธอครางกระเส่า.
“....พี่.......วิไลไม่ไหว.......วิไลเหนื่อยใจจะขาดแล้วววว......พอเหอะ....”เสียงวิไลครางกระเส่าขอร้อง
....แต่ท่อนเอ็นของผมยังแข็งไม่หมอฤทธ์อยู่เลย........ผมใช้ลิ้นเลียวนให้เธอทั้งตัว เน้นที่แผ่นหลังและซอกคอเป็นพิเศษ แล้วผมก็จับตัวเธอโก่งก้นขึ้มาและจับขาถ่างออก....แต่ดูท่าของเธอจะอ่อนแรงพอยกก้นของเธอขึ้นยกเธอก็เอาหน้ากดลงไปกับหมอน
.”จะทวิไลท่าไหนอีกล่ะ ไม่สงสารเลย เจ้บไปทั้งตัวแล้ววว....ซี๊ดส์........อูยยยยย.........ซี๊ดส์.......”
....เธอครางอย่างไม่อาย.......ท่าที่เธอโก่งก้น ในท่าคุกเข่า ปลายเข่าแยกออกแล้วแอ่นก้นมาด้านหลัง เนินนูนเด่นปลิ้นออกมาด้านหลังทำให้ผมเอานิ้วแหย่เล่นได้โดยสะดวก.........พอเธอกำลังเคลิ้ม ๆ ผมเอาท่อนเอ็นป้ายน้ำเงี่ยนเธอแล้วใช้นิ้วลูบไล้ปากทางช่องสวาทเธอ......เธอขยับก้นส่ายอย่างสุดเสียว...... เสียงครางไม่หยุด
“ซี๊ดสสสสส์......ซี๊ดสสสสสส์....พี่.....จะ....ทำ...อะ...ไร...”
....ผมจับท่อนเอ็นค่อยๆแทรกใส่เข้าไป วิไลผงกตัวขึ้นมาอ้าปากร้องไม่มีเสียง ผมค่อยๆดันเข้าไป ร่องรูรัดแน่นจนผมขยับเข้าไปไม่ได้ สองมือของวิไลจิกที่นอนจนยู่ยี่ ส่ายหัวไปมา
“โอ๊ยยยยยยย.......ไม่เอา.....ไม่เอา.....ท่านี้...ไม่เอา....”.
....แต่ผมจับตะโพกเธอไว้แน่น.......ดึงกระแทกเข้าหาท่อเอ็นอย่างแรง เสียงดัง..ปึ้ก... ปึ้ก.... ปึ้ก ผมค่อย ๆ ดันผลุบเข้าไป แรง ๆ เข้าอีกครั้ง “ อาห์......ห์..........”
“.....อยู่นิ่ง ๆ ....เดี๋ยวดีเอง.......”
ผมค่อย ๆ ซอย “.....นั่นแหล่ะ.....อย่าเกร็ง....ค่อย ๆ ปล่อยตัวตามสบาย......เสียวไหม.......”
“.เสียวค่ะ.....เสียวมาก....แต่วิไล....วิไลทั้งเจ็บทั้งเสียวจะตายอยู่แล้ว....”
....ผมค่อย ๆ ขยับพร้อมกับก้มลงไปไล่เลีย งับที่หลังไหล่ให้เธอ......แล้วค่อย ๆ สาวท่อนเอ็นเข้าออกช้า ๆ เสียวสุด ๆ กับช่องทางที่รัดตึงนี้ พักเดียวผมเสียวจี๊ด.
“......อึบ......อึบ.....อึ้บ......”.ผมจับตะโพกเธอกระแทกเข้ากับควยอย่างแรง.เสียง.....พับ....พับ.....พับ...ดังขึ้นอีกครั้ง.
“....อึ้บบบบบบบ............พี่เสียวสุด ๆเลย...วิไล...”
“โอ้ยยยย...โอ้ววววววว ...พี่...วิไล...โอ้ววววว......”..เสียงวิไลยังร้องซ่านเสียวชนิดไม่ลดดีกรีความมันส์
... แต่เมื่อใดที่วิไลเสียงดังมาก ผมก็จะเอื้อมมือไปปิดปากเธอไว้ ผมกระแทกท่อนเอ็นเข้าเป้าซ้ายที ขวา จับเต้าเต่งตึงจนเมื่อผมใกล้จะถึงจุดหมายปลายทาง ผมก็กระแทกใส่ถี่ยิบ วิไลก็แอ่นก้นขึ้นมารับ จนกระทั่งผมสุดกลั้นก็กระแทกเสยเป็นครั้งสุดท้าย
"อุ๊บ..อึ๊บ..โอ๊ว...โอ๊ย....พี่...ออก..แล้ว...."
.... แล้วจึงฟุบลงตระกองกอดร่างของวิไลแบบทาบทับด้นหลัง พร้อมพรมจูบไปทั่วซอกคอ เสียงหอบหายใจของเราระงมไปทั่วเรือน ผมใช้ผ้าห่มเช็ดตัวให้เธอ ซับน้ำเมือกที่เปื้อนบริเวณเนินละมุนอวบอิ่มเต็มของเธอ บนหญ้าอ่อนปากทางเข้าที่บวมเป่งแดงช้ำของเธออย่างแผ่วเบามือที่สุด ในขณะที่มือผมลูบเนินเนื้อที่ผมได้บุกทะลวงเป็นคนแรก ผมก็จูบที่ปากและที่หน้าอก วิไลจับมือผมเข้าไปจูบและจับไว้ครู่หนึ่ง
"ทำไม พี่....พี่ทำยังงี้กับวิไลล่ะ...วิไลยังเด็กอยู่เลย พี่ทำวิไลอย่างนี้ไม่รู้ว่าวิไลจะท้องหรือเปล่า พี่...พี่ทำกับวิไลแล้วอย่าทิ้งวิไลน่ะ พี่ต้องรักวิไลนะ...”ผมนอนกอดเธออยู่ในท่านั้น หูอื้อตาลายเหนื่อยจนพูดอะไรไม่ออก "เรานอนกอดเกยกันอยู่นาน ตรงกลางเนินเนื้อนั้นมีรูกลวงโบ๋สีแดงซึ่งเกิดจากการบุกทะลวงของผมเมื่อครู่ยังไม่ ปิดสนิทดีนัก และยังมีรอยคราบเลือดจางๆ ใหลเยิ้มอยู่กับน้ำเมือกขาวๆ
….พ่อและทุกคนกลับมาตอนไหมผมไม่รู้ แต่ผมก็กลับมานอนที่ของตัวเองทัน ส่วนวิไลก็หลับสนิทหลังถูกผมทะลวงเปิดซิงไปเมื่อก่อนหน้า ทุกคนแยกย้ายเข้านอน โดยไม่ได้มาสนใจผมและวิไล นอกจากเดินมาก้มๆเงยๆดูอยู่นอกมุ้ง เมื่อเห็นผมหลับสนิทก็แยกย้ายกันไปนอน แล้วคืนนั้นก็ผ่านพ้นไป
.... เช้าวันต่อมาผมรีบตื่นและออกไปที่หนองน้ำเพื่อหาปลา กบเขียดไปตามเรื่อง เพราะไม่อยากเจอ วิไล แต่ขณะจับปลาเพลินๆอยู่นั้นผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคนมาจับเอวผม”ตกใจอะไรล่ะพี่ นี่วิไลเอง ดูสิขนลุกขนชันเลย ทำยังกับเจอผี ที่เมื่อคืนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย..”วิไลหัวเราะชอบใจ”พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ผี..”วิไลขยับเข้ามาใกล้แย่งข้องมาถือ แต่ผมก็พยายามดึงกลับ”มา...ส่งมา ให้วิไลช่วยถือ..”วิไลเข้ามานัวเนียกับผม”อย่า..ไม่เอาน่า วิไล ทำอย่างนี้มันไม่ดี เดี๋ยวใครมาเห็นมันจะไม่ดีนะ..”ผมพยายามเตือนสติวิไล แต่ทว่าเธอก็ไม่สนใจคำเตือนของผม”ใครจะเห็นก็ช่างหัวมันปะไร”ผมถอนหายใจ”คนที่จะเสียหายนะไม่ใช่พี่ แต่เป็นตัวของวิไลเองนะ...”วิไลมองหน้าผมแล้วยิ้ม”ไม่เห็นกลัวเลย ก็วิไลเสียให้พี่ไปหมดทั้งตัวตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว...”ผมส่ายหัว นึกเจ็บใจตัวเองไม่น่าเสียรู้ธรรมชาติเลยเมื่อคืนนี้”จะไปไหนล่ะพี่ รอวิไลด้วย..”ผมเดินหนีวิไลไปอย่างเสียอารมณ์”พูดจาอย่างงี้พี่ไม่คุยด้วยแล้ว เกิดเป็นลูกผู้หญิง ยังไงก็ต้องรักนวลสงวนตัวไว้บ้าง พูดอย่างนี้ ทำตัวอย่างนี้ มันเหมือนลดค่าลดราคาของตัวเองนะ” ผมเดินหนี วิไล กลับมาที่เรือน รู้สึกเหนียวตัวอยากอาบน้ำเลยถอดเสื้อผ้า ใส่ผ้าขาวม้า แล้วเดินไปที่โอ่งน้ำตรามังกรตักน้ำขึ้นมาอาบ...
....”วิไลช่วยถูหลังให้ไหมพี่....”เสียงวิไลพูดอยู่ข้างหลังผม ยังตามมาอีกหรอนี่”วิไล มาอยู่ตรงนี้ทำไม..”ผมเองตกใจไม่น้อย มองซ้ายมองขวา แล้วดันให้เธอเดินไปที่อื่น โธ่...เล่นไม่เลิกเสียแล้ว”วิไลมาทำไม ไป...รีบๆออกไปจากตรงนี้ก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า...”วิไลสะบัดแล้วทำหน้างอ”ทำไมต้องตกใจด้วย แล้วไล่วิไลทำไม ที่เมื่อคืนไม่เห็นไล่อย่างนี้เลย..”ผมอยากจะร้องไห้ ถ้ารู้ว่าวิไลจะมาวุ่นวายอย่างนี้ละก็ เมื่อคืนผมจะไม่แตะเธอเลย”ไปรอตรงแคร่ก่อน พี่จะอาบน้ำ..”ผมบอกวิไลแต่เธอดูจะไม่สนใจฟังคำของผม”วิไลก็รู้ว่าพี่จะอาบน้ำ แต่วิไลอยากเอาใจพี่นี่เลยจะช่วยอาบให้..”สาววิไลยื่นหน้ายื่นตามาใกล้ๆ ไม่ยอมไปง่ายๆ “ก้อใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะ...”ผมพยายามอธิบาย”ไม่ดีตรงไหน ดียิ่งกว่าดีเสียอีก ใครมาเห็นจะได้รู้ไปเลยว่าพี่กับวิไลเป็นอะไรกัน..”ผมถอนหายใจแล้วพูดว่าเธออย่างไม่พอใจ”พูดอย่างนี้ไม่เข้าท่าแล้วนะ ไม่น่ารักเลย”วิไลทำหน้าเสียเมื่อถูกผมดุ”ทีตอนนี้มาว่า วิไลไม่น่ารัก ทีเมื่อคืนนี้ วิไลจ๋ะวิไลจ๋า รู้งี้เมื่อคืนไม่น่ายอมก่อนเลย เก็บไว้ให้อยากจนลงแดงตายก่อนเลยก็ดี..”ผมเองก็ชักหมดความอดทน”ถ้าวิไลยังพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ พี่จะไม่คุยด้วยแล้วนะ ถ้ายังอยากคุยกับพี่ก็ไปนั่งรอที่แคร่นู่นเลย พี่ขออาบน้ำก่อน...”ผมพูดดุๆกับวิไล”แต่...”วิไลพยายามจะพูด แต่ผมทำหน้าดุเสียงดุชี้นิ้วไปที่แคร่”ไป...”วิไลก้มหน้าแล้วเดินกระทืบเท้าไปแบบไม่พอใจ...
....ผมหนีวิไลมาหลบนอนเล่นที่ห้างนาที่พ่อเช่าเอาไว้ปลูกข้าว ผมนั่งมองทุ่งนาที่มีข้าวออกรวงสีทองอร่ามเต็มท้องทุ่ง วาดฝันไปถึงรายได้หลังการเก็บเกี่ยว ในไม่ช้าเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เมื่อใช้หนี้ไอ้สองพ่อลูกจิตวิตถารแล้ว คงจะเหลือพอไปหมั้นหมายสร้อยได้ ในไม่ช้าวันที่ผมใฝ่และฝันที่จะได้อยู่ร่วมกับสร้อยก็จะมาถึง ขณะที่ผมนอนอยู่ก็มีมือมาปิดตา”ใครเอ่ย...ทายถูกโดนตบ ทายผิดให้หอมแก้ม..”มามุกนี้อีกแล้ว สร้อยน่ะเอง”ส้มโอ เพ็ญพิสุทธ์..มาให้พี่หอมซะดีๆ..”ผมลุกขึ้นกอดสร้อยและดึงมานั่งบนห้างเฝ้านาด้วยกัน และระดมจูบไม่ยั้ง..”พอๆๆก่อนพี่ เป็นอะไรอีกเล่านี่ ทำอย่างกับอดมาตั้งแต่ชาติที่แล้วเลย...”ผมยังไม่หยุด ระดมจูบขณะสร้อยก็ยกมือยันหน้าของผมไว้”แหม..พี่กำลังคิดถึงอยู่เลย มาขอชื่นใจให้หายคิดถึงหน่อย...”สร้อยสะบับจนหลุดจากมือผมแล้วยืนทำท่างอนๆ”นี่ถ้าพี่คิดแต่จะทำอย่างงี้ละก้อ สร้อยจะกลับแล้วนะ”ว่าแล้วเธอก็เดินไปที่จักรยานที่จอดอยู่ ผมวิ่งไปขวาง”พี่ไม่ให้ไป ดูนี่ก่อนพี่ชื้ออะมาให้..”ผมชูพวงกุญแจที่มีลูกโลกใบเท่านิ้วโป้งห้อยอยู่ให้สร้อยดู”อะไรนะ...”ผมยื่นส่งให้สร้อยและอธิบาย”โลกของพี่มีแต่สร้อย พวงกุญแจรูปลูกโลกนี่แทนความหมาย ว่าโลกทั้งใบพี่ให้สร้อยคนเดียวไง...”สร้อยยิ้มแล้วเอาห่วงคร้องใส่ลูกกุญแจ”งั้นสร้อยจะเก็บติดตัวไว้ตลอดเลย ขอบใจนะพี่ ที่ให้ของมีความหมายอย่างนี้กับสร้อย”ดูท่าเธอจะพออกพอใจไม่น้อย...
....ผมจูงมือสร้อยมานั่งที่ห้างนา ผมชี้ให้เธอดูข้าวที่ออกรวงเป็นสีทองอร่ามเต็มท้องทุ่ง”สร้อยดูสิ อีกไม่กี่วัน นาของพี่ก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว ถึงตอนนั้นนะ หลังจากใช้หนี้แป๊ะฮงแล้ว ที่เหลือพี่จะเอาไปสู่ขอสร้อย คราวนี้เราไม่ต้องหลบๆซ่อนๆกันอีกแล้ว”สร้อยซบตัวมาในอ้อมแขนของผมที่โอบตัวเธอไว้”แต่ไม่รู้ว่าพ่อของสร้อยจะเรียกสินสอดจากพี่แพงไหม”สร้อยขยับตัวเข้ามาในอ้อมแขนของผมเหมือนจะออดอ้อนให้รัก”ใช้หนี้แป๊ะฮงอย่างเดียวก็พอ สร้อยคุยกับพ่อและแม่แล้ว พ่อบอกว่าถ้าเราสองคนรักกันจริงๆ พ่อก็ไม่ว่า สินสอดทองหมั้นนะเรื่องเล็ก ขอแค่ทำตามประเพณีก็พอ”ผมกอดสร้อยแน่นและหอมไปบนเส้นผมของเธอ”จริงๆหรอสร้อย พ่อของเธอพูดอย่างนั้นจริงๆรึ”สร้อยพยักหน้ายิ้มอย่างสุขใจ”จริงสิพี่..นี่คงเป็นเพราะเมื่อวานพี่ไปพิสูทธ์ตัวเองว่าพี่รักสร้อยอย่างจริงใจให้พ่อกับแม่ได้เห็น เขาเลยยอมรับความรักของเราน่ะ...”ผมหอมแก้มสร้อยฟอดใหญ่”ชื่นใจของพี่จริงๆ...”ผมนั่งมองท้องนายิ้มระรื่นสุขใจ ทุ่งรวงทองยามนี้คือความหวังทั้งมวลของผม มันจะนำพาหนี้ก้อนโตจากไป และจะนำพาสาวคนรักมาเคียงข้างผม..
.....เมื่อดอกข้าวบานและมีการผสมเกสรแล้วหนึ่งสัปดาห์ ภายในที่ห่อหุ้มด้วยเปลือกนอกใหญ่ก็จะเริ่มเป็นแป้งเหลวสี่ขาว ในสัปดาห์ที่สองแป้งเหลวนั้นก็จะแห้งกลายเป็นแป้งค่อนข้างแข็ง และในสัปดาห์ที่สามแป้งก็จะแข็งตัวมากยิ่งขึ้น เป็นรูปร่างของเมล็ดข้าวกล้อง แต่มันจะแก่เก็บเกี่ยวได้ในสัปดาห์ที่สี่นับจากวันที่ผสมเกสรจึงเป็นที่เชื่อถือได้ว่า เมล็ดข้าวจะแก่พร้อมเก็บเกี่ยวได้หลังจากออกดอกแล้วประมาณ 30 - 40 วัน
....อีกไม่นานเมื่อถึงปลายฤดูฝน และย่างเข้าต้นหน้าหนาว อากาศเริ่มเย็นลง ข้าวเบาเริ่มสุกพร้อมจะเก็บเกี่ยวได้ ข้าวเบาคือข้าวสุกก่อน ข้าวที่สุกต่อมาในช่วงเดือนอ้าย(มกราคม)คือข้าวกลาง ส่วนที่สุกในช่วงเดือนยี่(กุมภาพันธ์)เป็นลำดับสุดท้ายคือข้าวหนัก พ่อมักจะมานำเอาข้าวที่เกี่ยวในครั้งแรก 5 – 6 กำมือมาตากแดดก่อน และนวดออกมาจนได้ข้าวเปลือก จากนั้นจะตำด้วยมือจนได้ข้าวสารและนำไปหุงเป็นข้าวสวย ก่อนจะนำไปทำบุญตักบาตร เพราะเชื่อว่าจะเป็นการ อุทิศส่วนบุญกุศลแด่แม่โพสพและปู่ย่าตายาย และจะเป็นมงคลให้ผลผลิตข้าวได้เต็มที่ ไม่มีโรคภัย และสัตว์ต่างๆ เช่น นก หนู หนอนและแมลงร้ายมาเบียบเบียนด้วย...
....ชาวนาในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ใช้เคียวสำหรับเกี่ยวข้าวที่ละหลายๆ รวง ส่วนชาวนาในภาคใต้ใช้แกระสำหรับเกี่ยวข้าวที่ละรวง เคียวที่ใช้เกี่ยวข้าวมีอยู่ ๒ ชนิด ได้แก่ เคียวนาสวนและเคียวนาเมือง เคียวนาสวนเป็นเคียววงกว้าง ใช้สำหรับเกี่ยวข้าวนาสวน ซึ่งปลูกแบบปักดำ แต่ถ้าผู้ใช้มีความชำนาญก็อาจเอาไปใช้เกี่ยวข้าวนาเมืองก็ได้ ส่วน เคียวนาเมือง เป็นเคียววงแคบและมีด้ามยาวกว่าเคียวนาสวน เคียวนาเมืองใช้เกี่ยวข้าวนาเมือง ซึ่งปลูกแบบหว่าน ข้าวที่เกี่ยวด้วยเคียวไม่จำเป็นต้องมีคอรวงยาว เพราะข้าวที่เกี่ยวมาจะถูกรวบมัดด้วยตอซังหรือตอกไม้ไผ่ เป็นกำๆ ส่วนข้าวที่เกี่ยวด้วยแกระ จำเป็นต้องมีคอรวงยาว เพราะชาวนาต้องเกี่ยวเฉพาะรวงที่ละรวงแล้วมัดเป็นกำๆ ซึ่งเรียกว่า เรียง ข้าวที่เกี่ยวด้วย แกระ ชาวนาจะเก็บไว้ในยุ้งฉางซึ่งโปร่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และจะทำการนวดเมื่อต้องการขายหรือต้องการสีเป็นข้าวสาร ข้าวที่เกี่ยวด้วยเคียวชาวนาจะทิ้งไว้บนตอซังในนา เพื่อตากแดดให้แห้งเป็นเวลานาน 3 - 5วัน หรือจะตากบนราวไม้ไผ่ก็ได้แล้วจึงขนมาที่ลานสำหรับนวด ข้าวที่นวดแล้วจะถูกขนย้ายไปเก็บไว้ในยุ้งฉางหรือส่งไปขายที่โรงสีทันที....
....ขณะผมนั่งกอดกับสร้อยและฝันหวานกันอยู่นั้นพ่อก็กระแอมเบาๆขัดจังหวะจากข้างหลัง เราสองคนรีบผละจากกัน สร้อยหน้าแดงยิ้มเขินๆ ส่วนผมรีบนั่งตัวตรงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”แหมเป็นหนุ่มเป็นสาวนี่มันดีนะ นั่งพลอดรักกันได้ทั้งวัน ช่างน่าอิจฉาในความสุข...”พ่อแซวเราสองคนพร้อมรอยยิ้ม”พ่อมาเกี่ยวข้าวแรกหรอ...”ผมถามเมื่อพ่อวางกระบุงที่มีรวงข้าว 4 – 5กำมืออยู่ข้างใน พ่อพยักหน้า”ข้าว่าปีนี้เราคงจะลืมตาอ้าปากได้แล้ว แหมมันแล้งบ้างน้ำท่วมบ้างมาหลายปีเหลือเกิน”พ่อมองทุ่งข้าวอย่างมีความหวัง ดวงตาส่งประกายความสุข”แหม...พ่อบอกเสมอนี่ ว่าคนเรามันไม่แพ้ตลอดไปหรอกถ้าเรายังสู้ นี่ผลแห่งการเพียรพยายามสู้ของพ่อกำลังออกดอกออกผลแล้ว...”พ่อหันมายิ้มให้ผม”อื่มม...วันนี้เอ็งพูดรื่นหูข้าจังเลยวะ เอาละข้ากลับก่อนนะ เอ็งสองคนนั่งจีบกันไปเหอะ ข้าไม่อยู่เป็นก้างขวางคอหรอก”แล้วพ่อก็แบกกระบุงเดินกลับบ้านไป....
....ผมกับสร้อยนั่งคุยกัน หยอกเย้าบ้างไปตามประสา จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็ใกล้ค่ำแล้วสร้อยก็ขอตัวจะกลับบ้าน แต่ขณะสร้อยจะขี่จักรยานไปผมก้นึกขึ้นได้”เดี๋ยวสร้อย พี่ลืมไปเลย พี่ว่าจะฝากปลาช่อนไปให้สร้อยทำกับข้าวให้พ่อกับแม่ของสร้อยด้วย”ผมบอกสาวคนรักและยกข้องใส่ปลายื่นให้เธอ”ไอ้ช่อนตัวเบ้อเล้อเลย พี่จับได้เมื่อบ่ายนี้เอง..”สร้อยเปิดฝาข้องดู ปลาช่อนดิ้นขลุกขลักอยู่ข้างใน “น่าสงสารจังเลยพี่ ปลาตัวนี้ สร้อยขอนะ...”ผมแปลกใจในคำพูดของสาวคนรัก”ก็พี่ให้สร้อยอยู่แล้วนี่ จะขอทำไมอีกล่ะ”สร้อยพูดแล้วเดินหิ้วข้องไปที่ริมน้ำตรงคันนา และคุกเข่านั่งลงพร้อมกับพนนมือไห้ว”ขอบุญกุศลในการปล่อยปลาตัวนี้...ช่วยให้พี่รักสร้อยคนเดียวไปนานๆนะ...”แหมใจบุญจริงแฟนของผมแถมเข้าใจอธิฐานเสียด้วย แต่ขณะสร้อยจะปล่อยปลาลงน้ำ ผมก็เข้าไปขวางไว้”เดี๋ยวก่อนสร้อย รอเดี๋ยว”สร้อยมองผมอย่างงงๆ”มีอะไรหรอพี่...”ผมยกมือไห้วอธิฐานด้วย”ขอบุญกุศลครั้งนี้ ช่วยดลให้สร้อยรักพี่ไปตลอดกาลคนเดียวด้วยนะ..”แล้วเราสองคนก็ยิ้มให้กัน แล้วจับมือปล่อยปลาตัวนั้นลงน้ำพร้อมกับและหันมามองหน้าสบตา ต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข....
....ฝนสั่งฟ้าตกลงมาหลายวันติดต่อกัน ผมนั่งอยู่ในเรือนมองฝนตกโดยไม่รู้ว่าจะไปไหน ขณะนั่งเพลินๆก็ต้องสะดุ้งเมื่อวิไลมากอดตัวผมจากด้านหลัง”นั่งคิดถึงใครเล่าพี่...”ผมตกใจรีบแกะมือของเธอออก”อย่าน่าวิไล อย่าทำอย่างนี้ เดี๋ยว ใครมาเห็นเข้าจะเกิดเรื่องนะ...”วิไลละมือจากเอวแล้วมานั่งงอนๆข้างผม”ทีวิไลทำอย่างนี้กลัวใครเห็น ทีพี่ไปกอดพรอดรักกับนังคนชื่สร้อยที่ห้างนาไม่กลัวใครมาเห็น ใช่ซิ...วิไลมันคงไม่ใช่คนสำคัญ เป็นแค่ของว่างให้พี่กินรองท้อง...”ผมตกใจมองดูรอบตัวด้วยกลัวใครจะได้ยิน”วิไล...อย่าพูดอย่างนี้นะ ใครมาได้ยินเรือนพังแน่...”วิไลมองค้อน”ถ้าเรือนจะพังนะ มันพังตั้งแต่คืนที่พี่กระแทกวิไลแล้ว...”ไปกันใหญ่แล้ว ผมเกาหัวที่ดันพลาดไปในคืนนั้น”พี่ว่าเราอย่าเพิ่งคุยกันเลย เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะ”วิไลยิ้ม และเข้ามาซบไห่ลของผม”วิไลไม่พูดก็ได้ แต่คืนนี้วิไลขออีกนะ...”วิไลมองผมตาหวานเยิ้ม พยักหน้าให้ผมและชูนิ้วหนึ่งนิ้ว”นะ..นะ...นะ....”ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่.....
....ขณะเรานั่งอยู่รถของครูสมบูรณ์ก็วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าเรือน ครูหนุ่มเปิดประตูวิ่งฝ่าฝนเข้ามาพร้อมกับสร้อยแล้วตะโกนเรียกเรียกหาผม พ่อและทุกคนออกไปดู”ที่นาตรงท้ายคลองชลประทานนั้นใช่ที่ของนายหรือเปล่า...”ครูหนุ่มถามผม”ใช่แล้วมีอะไรหรอ...”สร้อยตะโกนแข่งกับเสียงฝนบอกผม”พวกไอ้เม้งมันแกล้งพี่อีกแล้ว พวกมันไปชักน้ำเข้านาของพี่ พอดีครูเขาขับรถผ่านไปเห็น รีบไปดูเหอะ เดี๋ยวน้ำจะท่วมข้าวตายหมด..”พ่อและทุกคนได้ยินก็ตกใจกันถ้วนหน้า ผมรีบวิ่งฝ่าฝนไปยังที่นาก่อนใคร พอไปถึงก็แทบหมดแรง ต้นข้าวถูกน้ำท่วมล้มไปจนเกือบหมด พ่อ แม่และอาจันที่ตามมาถึงกับอ้าปากค้าง”หมดกัน...หมดตัวกันแล้วคราวนี้...”แม่คร่ำครวญนั่งลงร้องไห้”ไอ้เม้งมันต้องแกล้งเราแน่ๆ มันท่วมแต่ที่นาของเราที่เดียว”ผมหันไปบอกพ่อ”อย่าเพิ่งโทษใครไป กล่าทโทษคนมันต้องมีหลักฐาน “ผมถึงกับโวยวายเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ผลเก็บเกี่ยวปีนี้มันคือความหวังทั้งมวลของบ้านเรา แล้วจู่ๆต้องมาพังลงต่อหน้าต่อตา”ยังจะเอาหลักฐานอีกหรอพ่อ พวกมันไม่เคยหยุดราวีพวกเราเลย ฉันจะไม่ทนอีกแล้ว ฉันจะไปฆ่าล้างโคตรมันเลยวันนี้.....”ผมทำท่าจะตรงไปที่บ้านของแป๊ะฮง ทุกคนฉุดมือห้ามไว้ “เดี๋ยวก่อน ข้าวยังเสียหายไม่มาก มาช่วยกันกู้นาข้าวกันก่อนดีกว่า”ครูหนุ่มบอก”แล้วจะทำยังไงกันล่ะ”พ่อถามครูหนุ่ม”ช่วยกันวิดน้ำออกและพังคันนาระบายน้ำ...”แล้วพวกเราก็ลงไปช่วยกันวิดน้ำออก ผมถีบคันนาให้พังเพื่อระบายน้ำออก เจ้าคมและชาวบ้านที่ผ่านต่างเข้ามาช่วยกันอีกหลายคน จนใกล้ค่ำฝนก็หยุดตก...
....”พอเถอะพี่...ทำไปก็ป่วยการเปล่า ต้นข้าวมันเน่าตายหมดแล้วพี่...”เจ้าคมมาฉุดแขนให้หยุด ผมตะโกนลั่นด้วยความเจ็บใจ แล้วถีบคันนาระบายความแค้นในใจ”ไอ้เม้ง ไอ้ฮง ไอ้พวกชิงหมาเกิด....”ผมทรุดตัวนั่งลงร้องไห้อย่างไม่อายใครสร้อยและเจ้าคมมาช่วยกันประคองผมขึ้นมานั่งที่ข้างทาง พ่อลูบหัวปลอบใจผม”ต้องเป็นฝีมือของมันแน่ๆ...”ผมบอกทุกคน”ฝีมือใครกันว่ะ โห...น้ำท่วมข้าวตายหมดเลย น่าสงสารจังเลย...”เสียงไอ้เม้งดังมา พอผมหันไปดูก็เห็นแป๊ะฮงเดินคู่มากับไอ้เม้งมีลูกน้องกางร่มให้ มันยืนดูที่นาของผมแล้วหัวเราะพร้อมกับส่ายหัว”หมดตัวแน่ๆพวกลื้อนี่ อั๊วะบอกแล้วที่ของลื้อมันแรง บารมีของพวกลื้อมันไม่พอให้เป็นเจ้าของ ไม่งั้นลื้อก้จะเจออาเพศอยู่อย่างนี้..”ผมสุดทนกับคำเยาะเย้ยของมัน”เออ...พวกกูเจออาเพศ แต่มึงต้องเจอส้นตีนของกู...”ผมยกเท้าจะกระโดดถีบปากมัน แต่ทุกคนรีบเข้ามาจับตัวผมไว้”เฮ้ย...ลื้อนี่มันชักจะกำแหงหาญใหญ่แล้ว ก้าวร้าวไม่รู้ใครอาวุโสใครเป็นเด็ก ลื้อสั่งสอนลูกกันบ้างสิวะ..”พ่อเดินมาเผชิญหน้ากับแป๊ะฮง”ข้าถามจริงๆแป๊ะฮง ทำไมต้องแกล้งกันถึงขนาดนี้..”แป๊ะฮงทำหน้าตาเหรอหรา”บ้าแล้ว...บ้าแล้วพวกลื้อนี่ ใครเขาจะไปแกล้งพวกลื้อ กล่าทหากันอย่างนี้ แรงนะนี่...”ครูสมบูรณ์เดินเข้ามาร่วมวงด้วย”ผมเห็นตอนขับรถผ่านมาว่าลูกชายแป๊ะเป็นคนสั่งลูกน้องให้ชักน้ำเข้านาตรงนี้..”แป๊ะฮงหยีตามองครูหนุ่ม”อย่ามาพูดพล่อยๆใส่ความลูกชายอั๊วะนา คุณครู เห็นเป็นครูบาอาจารย์นะ อั๊วะจะไม่ถือ แต่ถ้ายังพูดอีก อั๊วะจะไม่เกรงใจแล้ว...”ผมเดินเข้าหาจะเอาเรื่องอีก ทุกคนช่วยรั้งตัวกันไว้”นาของกูฉิบหายหมดขนาดนี้ จะมีฝีมือใคร ถ้าไม่ใช่ไอ้เม้ง แล้วคนให้ท้ายคอยวางแผนจะเป็นใครไปได้นอกจากมึง ไอ้ฮง...”แป๊ฮงชี้ไม้ตะพดมาที่ผม”ลื้อพูดดีๆ อันที่จริงฝนก็ตกมาตั้งหลายวันไม่ได้หยุดน้ำมันก็ท่วมเป็นธรรมดานะสิ พอมันท่วมพวกลื้อดันมาโทษอั๊วะ พวกลื้อนี่มันมั่วกันจริงๆ”พ่อมองแป๊ฮงแล้วเค้นเสียงถาม”แล้วทำไมมันท่วมแต่ที่นาของข้าล่ะ..”แป๊ะฮงอึกอัก ตอบเลี่ยงๆ”จะไปรู้เรอะ อั๊วะไม่ใช่เทวดานี่หว่า...”ผมสุดทนอีกครั้งวิ่งจะไปเอาเรื่องแต่ทุกคนช่วยกันลากกลับ ผมตะโกนด่าใส่พวกมัน”คอยดูเถอะพวกมึง กรรมชั่วที่พวกมึงทำกับกูจะสนองตอบพวกมึงอย่างสาสมแน่...”ผมพยายามดิ้นเข้าไปเอาเรื่องพวกไอ้เม้งให้ได้แต่ครู เจ้าคม พ่อและอาจันก็ลากผมไปขึ้นรถ สร้อยก็มานั่งข้างๆ”พอเถอะพี่ โว้ยวายไปก็เท่านั้น ไปคิดหาทางแก้ไขกันเถอะ...”ผมถอนหายใจ นั่งนิ่งหมดอาลัยตายอยาก”ก็พี่หมดตัวแล้ว จะไปแก้ไขอะไรกันได้อีกเล่า...”
....ผมมานั่งอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ครูสมบูรณ์ขอตัวกลับไปก่อน อาจัน แม่และ วิไลนั่งอยู่บนเรือน พ่อยืนดูหมู่บ้านจากเนินหน้าเรือน ส่วนเจ้าคมนั่งอยู่ข้างๆคอกควาย สร้อยนั่งหน้าเศร้าข้างๆผม พยายามลูบเนื้อลูบตัวปลอบโยนผม ถ้ามีเวลาใส่ใจสักหน่อยผมคงได้เห็นสายตาริษยาต่อสร้อยที่มีของวิไล “พี่อย่ายอมแพ้นะ พี่ต้องสู้ต่อไป สู้เพื่อทุกคนและเพื่อสร้อยด้วย”สร้อยพูดให้กำลังใจผม”อะไรที่แล้วมา ก็ให้มันแล้วกันไปเถอะพี่ ชีวิตของเราต้องดำเนินต่อไป..”ผมมองหน้าสาวคนรักแล้วพูดเสียงคลือๆ”พี่จะเอาอะไรมาสู้ ทุกอย่างมันสูญสิ้นไปหมดแล้ว พี่ไม่เหลืออะไรมาสู้อีกแล้ว”เจ้าคมเดินมาใกล้ๆ”พี่อยากจะเป็นวีรบุรุษของบ้านนางรอง เจอแค่นี้ก็ถอยแล้วเรอะ ถ้าพี่ยอมแพ้แล้วพี่จะไปทำอะไร..”ผมเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย พลันสายตาก็มองไปเห็นกลุ่มคนควบม้าเหยาะตรงมายังบ้านผม....
....กลุ่มชายควบม้าตรงเข้ามาหยุดที่หน้าเรือน ทุกคนแต่งตัวเหมือนเคาบอยในหนังกางแลงที่เราเคยดู แต่สภาพขอบอกว่าโสโครกมากๆ ไม่เท่ส์เหมือนในหนัง พอชายที่ลงจากม้าตัวหน้าดันปีกหมวกเผยใบหน้า พ่อมองเห็นถึงกับอุทานว่า”พี่พาย...”ชายวัยสี่สิบกว่าๆรูปร่างล่ำสันหัวเราะเบาๆ”มึงยังจำกูได้รึ...”ผมมองแล้วตะลึง กลุ่มคนที่มายืนเป็นสิบนี่ คือเสือพาย เสือร้ายที่ลือชื่อ และมันกำลังจะมาปล้นหมู่บ้านนี้ ชายที่ถูกเรียกว่าเสือพายเดินไปหยุดที่ข้างหน้าของพ่อ”กี่ปีแล้ววะที่มึงออกจากชุมโจรของกูมา”พ่อดูจะนอบน้อมมากกับชายที่เป็นเสือร้ายคนนี้ และดูสนิทกันมากอีกด้วย และที่สำคัญผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อเคยเป็นโจรมาก่อน”เอ่อ...เกือบๆ20ปีแล้วจ้าพี่...”เสือพายเดินมามองหน้าผม”ไอ้หนุ่มนี่ใคร หน้าตาดี หน่วยก้านดี ท่าทางดุเอาเรื่องนะ”พ่ออึกอักแล้วเดินมายืนข้างๆเสือพาย”ลูกชายฉันจ๊ะ..”แล้วพ่อก็หันมาบอกผม”ไห้วลุงเขาสิ...”ผมมองตากร้าว”ฉันไม่ไห้วพวกโจรที่มันปล้นเขากินและสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านหรอก”พ่อหน้าเสีย สร้อยตีแขนของผม”พูดอะไรนะพี่..”เสือพายหรี่ตามองผมแล้วหัวเราะ”แหม...ปากกล้าดีจังไอ้หนุ่ม แหมปากดีอย่างนี้ไม่น่าอยู่รอดจนโตมาได้ขนาดนี้เลยนะมึง...”พ่อระล่ำระลักบอกเสือพาย”อย่าโกทธเลยพี่ ลูกฉันมันยังเด็กอยู่ ฉันขอโทษแทนมันด้วย”เสือพายโบกมือ”เออ...ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือหรอก เด็กหนุ่มมันก็อย่างนี้แหละ”เสือพายเดินหันหลังไปมองหมู่บ้านจากเนิน”มึงคงรู้แล้วว่ากูมาทำไม”พ่อก้มหน้านิ่ง”กูจะมาปล้นหมู่บ้านนี้ แต่กูจะไม่ให้ลูกน้องของกูแตะบ้านมึงเลย ถ้ามึงไม่ขัดขวางพวกกู...”เสือพายบอกพ่อตรงๆ”เอ่อ..ฉัน...”เสือพายตบบ่าพ่อ”มึงก็รู้ว่ากูพูดตำไหนคำนั้น ตอนมึงขออกจากชุม มึงขอกูและให้สัญญาว่าจะไม่บอกใครว่ากูอยู่ไหน และมึงก็ทำตามสัญญามากว่า 20 ปี กูนับถือน้ำใจมึงมาก เอาล่ะ กูจะกลับแล้วอยู่นานไม่ได้ กูขอย้ำว่า ข่าวการมาของกูและการเข้าปล้นของกูจะไม่มีมึงเข้ามาขัดขวาง..”แล้วกลุ่มเสือพายก็ควบม้ากลับไป พ่อมองตามแล้วถอนใจ..
.
....พ่อนั่งเหม่อมองคนเดียวไปยังหมู่บ้าน ผม สร้อยและเจ้าคมเดินไปนั่งข้างๆ พวกเรามองจากเนินลงไปยังหมู่บ้าน พ่อสูดลมหายใจลึกๆ”ข้าวกำลังเต็มนาเลย เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วทุกคนก็จะมีเงิน และเมื่อนั้นพวกโจรก็จะเข้ามาปล้น...”สีหน้าพ่อดูกังวล”ฉันอยากให้พวกมันปล้นและเผาบ้านไอ้ฮงกับไอ้เม้งที่เดียวจังเลย”ผมบอกความในใจต่อทุกคน”เอ...ลุง..ที่เสือพายบอกว่าลุงเคยเป็นพวกมันมาก่อนจริงรึ...”สร้อยถามอย่างสงสัย”ใช่แล้วลุง ทำไมพวกเราไม่เห็นรู้เรื่องเลย..”เจ้าคมชิดเข้ามาแล้วช่วยถาม พ่อนั่งนิ่งสักพัก”มันนานมาแล้ว ตั้งแต่ข้ายังหนุ่มอยู่เลย ข้าถูกบีบจากชาวบ้านทำให้โกทธแค้นหนีเข้าป่าไปเป็นโจร ข้าเข้าสังกัดเสือพาย ออกปล้นเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาจนได้เป็นมือขวาของเสือพาย...”ผมนั่งฟังนิ่ง ตั้งแต่จำความได้ พ่อไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้เลย”ต่อมาข้าออกปล้นและถูกตำรวจไล่จับ ข้ากับเสือพายแยกกันหนี แล้วข้าไปหลงป่า ข้าหลงป่าอยู่หลายวัน หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย จนกระทั่งหลุดออกมาได้..”พ่อเล่าด้วยดวงตาที่แจ่มใสราวกับเรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อวาน ทุกคนนั่งนิ่งฟังพ่อเล่าต่อโดยไม่ขัด”ข้ากระหายน้ำมาก ข้าเดินมาเจอลำคลองก็ก้มดื่มอย่างกระหาย หลังดื่มน้ำในลำคลองจนพอ ข้าก็เงยหน้าถึงรู้ว่าข้างๆ มีผู้หญิงกำลังอาบน้ำอยู่ ตอนนั้นข้ายอมรับผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ผู้หญิงนุ่งผ้าถุงตัวเดียว แล้วมองหน้าข้างงๆ แต่ขณะนั้นก็มีงูเลื้อยขึ้นมาจากน้ำตรงมาที่ผู้หญิงคนนั้น เสียงร้องกรี๊ด ผู้หญิงคนนั้นตกใจวิ่งหนีจนผ้าถุงหลุด”พวกเราเงียบนิ่งนั่งฟัง”แล้วไงต่อละพ่อ..”ผมถาม พ่อหันมามองผม”แล้วเขาก็กลายมาเป็นแม่เอ็งยังไง..”พ่อพูดจบพวกเราก็หัวเราะครืน แต่พ่อยังเล่าต่อ”จากนั้นข้าก็ถอนตัวเลิกเป็นโจร และกลับมาปักหลักอยู่ที่นี่จนมีเอ็งนี่แหละ...”
....”แล้วพ่อจะทำยังไงล่ะถ้าเสือพายเข้าปล้นหมู่บ้านนี้...”พ่อเงียบ แล้วลุกขึ้นยืน พวกเราลุกขึ้นตาม “แล้วถ้าเป็นเอ็งล่ะ เอ็งจะทำอย่างไง...”ผมมองไปที่หมู่บ้าน แล้วสูดลมหายใจลึกๆ”ถ้าพวกชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือจากฉัน ฉันก็พร้อมจะช่วยนะพ่อ...แล้วพ่อละ...ผมถามกลับไป พ่อนิ่งสักครู่” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็ยังคิดเหมือนเอ็งนั่นแหละ...”