วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เดชแม่ยายBYนีโอ ตอนที่ 3


....รักต้องสู้ แล้วต้องสู้เพื่อรัก เดชแม่ยายBYนีโอ ภาค ปฐมบท ตอนที่ 3

….รุ่งแจ้งแสงอรุโณทัยส่องฟ้า วันนี้ผมตื่นสายเพราะว่าเมื่อคืนไปส่งสร้อยที่บ้านของเธอและกลับมาเกือบๆเที่ยงคืน ซ้ำยังเสียพลังในการไปส่งมาเยอะ เลยค่อนข้างจะเพลียอักโข ผมลงมาล้างหน้าล้างตาและกลับขึ้นไปกินข้าว แต่ยังไม่ทันอิ่ม แลไปก็เห็นรถของแป๊ะฮงวิ่งมาจอดที่หน้าเรือน แป๊ะฮง ไอ้เม้งและลูกสมุนเดินกร่างลงมาจากรถ พ่อเดินออกไปรับ แน่นอน พวกมันต้องมาทวงเงินที่ติดหนี้พร้อมดอกเบี้ยอีกครั้งแล้ว

....แป๊ะฮงมาถึงก็เรียกพ่อผมมาคุยด้วย”อั๊วะว่าลื้อยอมขายที่ตรงนี้ให้อั๊วะดีกว่า อั๊วะจะให้ราคาลื้อเต็มที่ หักที่ติดหนี้แล้วยังเหลือไปชื้อที่ใหม่อยู่กันได้สบายๆเลย ไม่ต้องมาติดหนี้อั๊วะแล้วต้องให้อั๊วะมาทวง ให้รำคาญอย่างนี้..”ผมเดินลงมาสมทบและได้ฟังในสิ่งที่แป๊ะฮงพูดด้วย”ข้าไม่ขายหรอกแป๊ะ ที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดกันมาหลายชั่วคน ปู่ของปู่สั่งต่อๆกันมาว่าห้ามขายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แค่ข้าเอาไปจำนำกับแป๊ะ ก็ผิดมหันต์แล้ว ผีปู่ผีย่าถึงลงโทษให้พวกข้ายากจนอยู่นี่ไง..”แป๊ะฮงท่าทางไม่พอใจ มันมองพ่ออย่างดูแครน”ลื้อนี่มันงมงายน่ะ ถ้าผีปู่ผีย่าของลื้ออีรักลื้อจริง คงจะช่วยหาทางบัลดารให้ลื้อร่ำรวยบนที่ดินนี่แล้ว ไม่มาจนดักดานอยู่อย่างนี้หรอก..”ผมเองก็ไม่พอใจที่แป๊ะฮง ด่าถึงบรรพบุรุษของผม”แล้วแป๊ะล่ะ ข้าเห็นแป๊ะอยากได้ที่ของพ่อข้าจังเลย และไอ้ที่ตรงนี้มันก็ใช้ปลูกใช้ทำอะไรไม่ได้ แกจะอยากได้เอาไปทำอะไร...”ไอ้เม้งท่าทางไม่พอใจเดินออกมาจากด้านหลังของแป๊ะฮง”มึงอย่าเสือกได้ไหม ผู้ใหญ่เขากำลังคุยกัน”แป๊ะฮงยกมือห้ามไอ้เม้งและโบกมือไล่ให้หลบไป ก่อนเดินเข้ามาหาผม”อั๊วะอยากได้ที่ตรงนี้ไว้ทำฮวงซุ้ยสุสานของตระกูลอั๊วะ...”

...แป๊ะฮงหันหลังแล้วกางแขนขึ้น พลางบรรยายถึงสภาพของพื้นที่”ที่ตรงนี้..อั๊วะพาซินแสมาตรวจดูแล้ว ทำเลมันเหมาะที่จะทำฮวงซุ้ย แต่ล่ะทิศมีตำแหน่งประธาน มีที่มาของพลัง อาณาบริเวณของเนินนี้เป็นตำแหน่งของหงส์ขาว มังกรเขียวรวมกัน ด้านหลังเป็นแม่น้ำสายใหญ่ก่อเกิดกระแสของพลังที่โอบอุ้ม รอบๆเนินที่นี่มีภูเขาใหญ่ล้อมรอบ ประหนึ่ง เป็นกำแพงเมืองอันแข็งแกร่ง นับว่าเป็นชัยภูมิอันยอดเยี่ยมมาก..”ผมส่ายหัวในความคิดของมัน”ไหนแป๊ะว่าเรื่องผีปู่กับผีย่าของข้างมงายไง แล้วของแกไม่งมงายกว่ารึ..”แป๊ะฮงหันมาทำหน้าเครียด”หุบปาก...บังอาจมาก..อย่ามาพูดจาสามหาวดูถูกตำราจีนเป็นอันขาด ว่าไงลื้อกับพ่อของลื้อจะขายที่ขาดให้อั๊วะไหม...”พ่อยังคงยืนนิ่ง ส่วนไอ้เม้งที่ยืนอยู่นานออกความเห็นบ้าง”เตี๋ย...อั๊วะว่ายึดเลยดีกว่า อย่ามัวมาเสียเวลาคุยกับพวกมันอยู่เลย ยังไงๆดูแล้วอั๊วะว่าวันนี้มันก็คงไม่มีเงินจ่ายค่าดอกเราอยู่แล้ว..”แป๊ะฮงยิ้ม แล้วเอามือไพร่หลัง”อั๊วะเองก็ไม่อยากสร้างฮวงซุ้ยจากน้ำตาของใคร มันเป็นอัปมงคล แต่ถ้าพวกลื้อยังยืนกรานไม่ขาย อั๊วะก็ต้องทำตามข้อเสนอของอาเม้ง...ว่าไงพวกลื้อจะเอายังไง..”ผมเดินไปเผชิญหน้ากับแป๊ะฮง จ้องตากร้าว”แป๊ะ..ถ้าแกตายแล้วอยากเอาศพตัวเองมาฝังไว้ที่นี่นะ ไม่ต้องมาบีบชื้อที่ของพ่อข้าหรอก ข้าจะให้ฝังฟรีๆเลย แล้วจะสร้างศาลแถมให้ด้วย แกจะได้มาเป็นผีเฝ้าที่ของพ่อแล้วคอยรับใช้ผีปู่ผีย่าของข้าด้วย...”แป๊ะฮงและไอ้เม้งรวมทั้งลูกสมุนของมันทำท่าโมโหกันใหญ่ โดยเฉพาะ ไอ้เม้งแทบเต้นผางๆ”มึง...มันจะมากไปแล้วนะ...”มันหันไปมองแป๊ะฮง”เตี๋ย..ยึดที่ของมันเลย ไม่ต้องคุยกันแล้ว ยิ่งคุยกับมันเหมือนเป็นขี้กราก ลามปามไปเรื่อย..”แป๊ะฮงทำปากขมุบขมิบ ตาตี่ๆเบิกขึ้น”ลื้อนี่มัน...ก้าวร้าวจริงๆ ในเมื่อสวรรค์มีทางให้เดิน ลื้อไม่เดิน ลื้อเลือกที่จะลงนรก อั๊วะก็จะไม่ขัด เอาเงินค่าดอกเบี้ยของเดือนนี้มา 6000 บาท ขาดแม้นสลึงหนึ่งก็ไม่ได้ ถ้าไม่มีภายใน 12 ชั่วยามลื้อจงออกไปจากที่ตรงนี้โดยไม่มีข้อแม้นใดๆทั้งสิ้น...”ผมคิดแล้วมันต้องมาลูกนี้ พ่อดูเครียดและมองหน้าผม”ทำไงดีว่ะ ข้าไม่มีให้มันเสียด้วย เอ็งไม่น่าไปยั่วพวกมันเลย จะได้ต่อรองกันสักหน่อย..”ผมยิ้มแล้วบอกพ่อใจเย็นๆ พ่อยังคงเครียดดุผม”ใจเย็นกะผีอะไรเล่า พวกมันเอาจริงแน่ เอ็งนี่มันชอบหาเรื่องเดือดร้อนจริงๆ”

....ผมล้วงกระเป๋าหยิบเงินสด 6000 บาทส่งให้แป๊ะฮง”เอ้านี่เงินของแก นับดูด้วยครบไหม..”พ่อและพวกแป๊ะฮงแปลกใจและงุนงงว่าผมไปเอาเงินมาจากไหน แป๊ะฮงรับเงินไปนับอย่างผิดหวังแล้วส่งให้ไอ้เม้ง”แล้วหลังเกี่ยวข้าว ข้าจะเอาเงินไปใช้หนี้เงินต้น แล้วพวกแกกับบ้านของข้า จะได้สิ้นสุดกันทีไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน..”พวกแป๊ะฮงต้องล่าถอยกลับไปด้วยความผิดหวัง พ่อเดินมาถามผมด้วยความสงสัย”เอ็งไปเอาเงินมาจากไหนว่ะ..ไม่ได้ไปปล้นชิงใครมาใช่ไหม..”ผมมองหน้าพ่อแบบไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ฉุดคิดได้ว่า พ่อคงไม่อยากเห็นผมเป็นโจรขโมย แต่ก็ไม่บอกตรงๆบอกไปเป็นนัยๆว่า”ความรักน่ะ..ทำให้คนเราทำได้ทุกอย่างแหละ...จริงไหมพ่อ..”แล้วผมก็เดินออกไปจากตรงนั่น ปล่อยให้พ่อเกาหัวบ่นว่า มันพูดอะไรของมันวะ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเงิน 6000 เลย...

....ผมเดินมาเรื่อยๆวันนี้ผมมีนัดต้องไปเรียนกับครูสมบูรณ์ ระหว่างทางก็ผ่านบ้านของสร้อยด้วยความตั้งใจของผมเองด้วยที่จะมา สร้อยยืนเก็บผักอยู่ที่แปลงข้างๆรั้วบ้าน ผมย่องไปแล้วโผ่ลเล่นจ๊ะเอ๋กับสร้อย”จ๊ะเอ๋...น้องสร้อยคนสวย ทำอะไรอยู่” และเธอทำท่าตกใจยกมือขึ้นทาบอก”ตกใจหมดเลยพี่...เล่นอะไรบ้าๆน๊ะ..”ผมรีบเข้าไปประคองและทำท่าจะหอมแก้ม”ตกใจมากไหมจ๊ะ...โอ๋ขวัญเอ๊ย...ขวัญมามาอยู่กับเนื้อกับตัว”สร้อยเอามือผลักตัวผมออกมาท่าทางจะโมโห”ไม่ต้องเข้ามาเลย เล่นกับสร้อยอย่างนี้สร้อยเกลียดแล้ว”สร้อยทำท่ากระเง้ากระงอดหัหลังให้ผม จนผมต้องเดินมาโอบเอวจากด้านหลัง”แหมหน้าตาหล่อๆอย่างพี่นี่ สร้อยเกลียดได้ลงหรือ ทั้งหมู่บ้านนี่หาไม่ได้อีกแล้วนะ..”สร้อยหันมามองแล้วเบะปาก”ฮึ่มมม...ต่อหน้าก็คงว่ามีแต่สร้อย พอลับหลังคงแอบสาวๆไว้เต็มเลยละซิ...”แหมทำเป็นงอน ผมดึงสร้อยเข้ามากอดแน่นอีก”พูดอย่างงี้นี่ หึงพี่หรอ รับรองพี่ทำอย่างเมื่อคืนนี้ ทำแต่กับสร้อยคนเดียวเท่านั้น เพราะมีแต่สร้อยยอมให้ทำคนเดียว..”สร้อยหน้าแดงหันมาฟาดผมด้วยตระกล้าใส่ผักจนผมล้มหัวทิ่ม”บ้า....พูดบ้าๆ”แต่พอเห็นผมล้มคะมำก็ตกใจวิ่งเข้ามาประคอง”ว้าย...เป็นไงบ้างพี่..”ผมได้โอกาสจึงเอาหน้าซุกเข้าตรงหน้าอกนุ่มๆของสร้อย”ทำไมเล่นกับพี่แรงจังเลยวันนี้”ผมถามสร้อยที่เอามือลูบหน้าลูบตาผมด้วยความเป็นห่วง”แหมก็คนมันเขินนี่พี่..”ผมเลยต้องพูดเบรกเธอไว้บ้าง”ทีหลังก็ยั้งมือไว้บ้างนะ เล่นกับพี่อย่างนี้ เกิดพี่ช้ำในตายไป จะต้องหาผัวใหม่นะ..”สร้อยปล่อยมือจนผมหงายท้องลงกับพื้นตายก็ตายไปซิ อย่างสร้อยแค่ถกผ้าหนุ่มๆก็วิ่งมาแย่งกันเป็นผัวแล้ว”สร้อยทำงอนเดินไปเก็บผักต่อ

....ผมลุกขึ้นเดินมาช่วยสร้อยเก็บผัก สร้อยเหลือบมามองแล้วถาม”นี่จะไปไหนแต่เช้าเลยล่ะ...”ผมเก็บดอกแคได้กำมือก็หันมามองหน้าสาวคนรักยิ้มๆ”ตั้งใจจะมาหาสร้อยนี่แหละ และจะไปบ้านครูสมบูรณ์ด้วย ว่าแต่สร้อยไม่ไปไหนหรอวันนี้...”สร้อยทำอายๆ”อยากไปเหมือนกันแต่ไปไม่ไหว..”ผมถามอย่างแปลกใจ”เป็นอะไรไปล่ะ...”สร้อยหน้าแดงตอบเสียงในลำคอ”ก็พี่น่ะสิ...เมื่อคืนทำสร้อยทั้งแสบทั้งระบมไปหมด เช้าตื่นมาลุกเดินแทบไม่ไหว..”ผมหัวเราะร่วน สร้อยอายหน้าแดงเอื้อมมือข้ามรั้วมาหยิกผม”ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก..คนบ้าทำไม่บันยะบันยัง..”ผมอยากจะตอบว่าแล้วตอนโดนไม่เห็นร้องห้ามเลย มีแต่บอกแรงๆเร็วๆ แต่กลัวเธอจะโกทธจริงๆ เดี๋ยวจะไม่มีครั้งหน้าอีก...

....ขณะเราคุยกันอยู่ พ่อกับแม่ของสร้อยก็เดินมาโดยมีไอ้เม้งเดินตามมาด้วย ทั้งหมดเดินมาจนถึงตรงที่สร้อยยืนอยู่ พ่อของสร้อยหันมาเห็นผมก็เอาไม้ตะพดชี้หน้าผมแล้วพูดด้วยความเดือดดาลว่า ”มึงอยู่ด้วยก็ดีแล้ว...จะได้สะสางกันทีเดียวเลย..”แล้วพ่อของสร้อยก็หันไปตวาดสร้อยเสียงดัง”นังลูกไม่รักดี...”สร้อยทำหน้างงๆ”พ่อโกทธสร้อยเรื่องอะไรหรอ”เสียงของสร้อยอ้อมแอ้ม”ยังจะมีหน้ามาถามอีก นี่ถ้าเจ้าเม้งไม่มาเล่าให้ฟัง ข้าก็คงไม่รู้ว่าเอ็งสิ้นคิดขนาดขโมยเงินของพ่อไปให้ไอ้สารเลวนี่...”เจ้าเม้งยิ้มจนตาตี่ๆของมันติดกันสนิท”ฉันว่าถ้าจะไม่ใช่ให้เงินกันอย่างเดียวด้วยม้าง...ให้อย่างอื่นด้วยหรือเปล่า...”ไอ้เม้งช่วยพูดยุจนพ่อและแม่สร้อยหันมามองอย่างไม่พอใจ ไอ้เม้งเลยต้องหยุดพูดและหลบตา"”ไอ้เม้ง..ไอ้ปากหมา มึงพูดมานี่ มึงกล่าทหากูนะนี่ มึงเห็นกับตาเรอะ..”สร้อยหันไปด่าไอ้เม้ง พ่อของสร้อยกัดฟันดุด่าลูกสาวอย่างเจ็บใจ”กูอยากจะเอาเลือดของมันออกมาดูจัง อยากจะรู้นักว่ามันไปเอาเลือดชั่วๆเลวๆนี้มาจากใคร..”สร้อยก้มหน้านิ่งยอมรับแต่โดยดี ขณะที่แม่ของเธอมองสร้อยอย่างผิดหวัง”สร้อย...เอ็งทำตัวอย่างนี้แม่เสียใจมากรู้ไหม..”แล้วแม่ของสร้อยก็หันมาทางผม”ฮึ่ม...เพราะมึงแท้ๆ..”แม่ของสร้อยชี้หน้าผม”ไอ้สารเลว...มึงหลอกลูกกูให้ขโมยเงินไปให้มึงใช่ไหม...”ผมยังยืนนิ่งนึกพูดแก้ตัวอะไรไม่ออก ใช่แล้วครับ เมื่อคืนก่อนที่ผมจะกลับ สร้อยแอบขโมยเงินของพ่อเธอมาให้ผม เพื่อไปจ่ายค่าดอกเบี้ยไอ้เม้ง แม้นผมจะไม่ยอมรับแต่เธอก็ยัดใส่มือผม และบอกให้ผมขยันขันแข็งหาเงินมาใช้หนี้และสู่ขอเธอไวๆ “เอ่อ...คือว่า..เอ่อ..”ผมพูดอะไรไม่ออก ไอ้เม้งได้ทีชี้หน้าผม”นั่นไงมันยอมรับแล้ว ป้าแจ้งตำรวจจับมันเลย แล้วเพิ่มข้อหาหลอกลวงกับพรากผู้เยาว์ด้วย..”ผมมองหน้าไอ้เม้งเจ็บใจที่มันเอาความมาบอกพ่อของสร้อย จึงทำให้สร้อยตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก”มึงไอ้เม้ง ไอ้ระยำ ไอ้คนขอยืมปากหมามาใช้ มึงอยากได้หน้านักหรือไง หน้ามึงยังใหญ่ไม่พอใช่ไหม เงินนั่น กูไม่รู้ว่าสร้อยขโมยมา ไม่งั้นกูไม่รับมาให้สร้อยต้องลำบากอย่างงี้หรอก...”ไอ้เม้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ และโวยวายขึ้นยุให้พ่อของสร้อยเกลียดผมเพิ่มขึ้น”อย่าไปเชื่อมันนะอา ไอ้นี่มันหวังมาหลอกเงินและเจาะไข่แดงของสร้อยเท่านั้น.มันไม่มีความจริงใจให้กับสร้อยหรือใครทั้งนั้น.” สร้อยยืนนิ่งก้มหน้ามองพื้นแล้วตะโกนออกมาว่า”ไม่มีใครหลอกสร้อยทั้งนั้น สร้อยทำของสร้อยคนเดียว พี่เขาไม่เกี่ยว...”

....พ่อของสร้อยกัดฟันกรอดๆ”นังลูกไม่รักดี อุตส่าห์เลี้ยงมาหวังจะให้ได้ผัวดีๆ ดันใฝ่ต่ำไปชอบพอกับไอ้สารเลวนี่ ทำตัวต่ำๆให้กูอับอายขายขี้หน้าชาวบ้านจริงๆ...”แม่ของสร้อยเดินมาจับแขนแล้วลูบหัว”สร้อย...เอ็งทำให้พ่อเสียหน้าและเสียใจมาก รู้ตัวไหม ทำไมถึงทำตัวอย่างนี้..”สร้อยยังคงยืนก้นหน้า ผมเห็นมีน้ำตาซึมออกมา เธอเม้มปากจนสั่น ฝ่ายไอ้เม้งยืนขำอย่างสะใจ ไอ้ชาติชั่วเอ้ย....”พ่อกับแม่สอนสร้อยมาแต่เด็กว่าให้เป็นคนดีมีเมตรตา ก็ในเมื่อพี่เขากำลังลำบาก และหนูก็รักพี่เขาจริงๆ และพี่เขาก็รักสร้อย จะไม่ให้สร้อยช่วยเขาได้ยังไง คนรักกันก็ต้องช่วยกันตอนที่กำลังเดือดร้อนสิ พ่อเองก็เคยเล่าให้ฟังนี่ ว่าแม่เคยให้พ่อยืมเงินตอนที่พ่อกำลังลำบาก”คำพูดของสร้อยทำเอาพ่อของเธอสะอึก หันไปมองหน้าแม่ของสร้อย”ยังไงเอ็งก็ผิดที่ขโมยเงินของข้า..”พ่อสร้อยเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร”แต่แม่ติดใจอยู่อย่างเดียว ไอ้นี่มันมีดีตรงไหนถึงทำให้เอ็งยอมทำถึงขนาดนี้..”แม่สร้อยถามตรงๆ”ก็สร้อยรักพี่เขานี่ ความรักของสร้อยไม่มีเหตุผล ถ้าพ่อเป็นพี่เขา แล้วแม่เป็นสร้อย แม่ก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกันใช่ไหม เพราะแม่รักพ่อ...”คำตอบของสร้อยทำเอาพ่อของเธอฮึดฮัดชี้หน้าด้วยไม้ตะพด”กูไม่นึกเลยว่ามึงจะย้อกย้อนกูอย่างงี้ มันน่าแพ่นกบาลเอาเลือดหัวออกจริงๆ แต่เอาเหอะ ที่แล้วมาก็ช่างมัน ต่อแต่นี้มึงห้ามคบกับไอ้นี่ แล้วมึงด้วย...”พ่อของสร้อยหันมาทางผม”ต่อแต่นี้มึงอย่าเสนอหน้ามาที่บ้านของกูอีก ถ้ากูเห็นหน้าของมึงอีก กูจะยิงมึงให้ดิ้นเหมือนหมาเลย”แม่ของสร้อยประคองสร้อยเข้าบ้าน สร้อยฮึดฮัดไม่ยอมไปจนพ่อของเธอเงื้อไม้ตะพดทำท่าจะตีสร้อยจึงยอมเดินไปแต่ก็หันมามองผมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ “ไปให้พ้นหน้ากู ไป..” พ่อของสร้อยชี้ไม้ตะพดมาที่ผม”ออกไปให้พ้นๆจากบ้านของกูได้แล้ว อย่าโผ่ลมาให้เห็นอีก และจำใส่กบาลโง่ๆของมึงด้วยว่า กูขอสั่งห้ามมึงยุ่งกับลูกสาวของกูอีก” พูดจบแล้วก็หันหลังเดินตามไป ส่วนไอ้เม้งทำหน้ายิ้มเยาะเย้ยผมแล้วรีบเดินตามไปด้วย ผมยืนมองจนทั้งหมดหายเข้าไปในบ้าน แล้วผมก็ถอนใจเดินต่อไปที่บ้านของครูสมบูรณ์...

....ผมมาถึงบ้านของครูสมบูรณ์ วันนี้ครูสมบูรณ์สอนผมให้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง แต่ผมซึมๆนั่งคิดถึงแต่เรื่องของสร้อย จนครูหนุ่มบอกผมให้กลับบ้าน”ทำไมล่ะครับ ครูเบื่อสอนผมแล้วรึครับ..”ครูหนุ่มยิ้มอย่างอารีย์”เปล่าหรอก แต่ดูนายไม่มีสมาธิเลย คนเมื่อไม่มีสมาธิก็ไม่อยากรับรู้อะไร วันนี้นายกลับไปตั้งสติก่อนดีกว่าถ้าพรุ้งนี้พร้อมก็ค่อยมาใหม่ “ผมถอนหายใจ เก็บของแล้วทำท่าจะกลับ ผมหันไปถามครูหนุ่ม”ทำไมครูถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ ครูเบื่อชีวิตในเมืองกรุงหรือครับ”ครูหนุ่มยิ้มแล้วตอบผม”ความจริงฉันไม่ได้เบื่อชีวิตในกรุงเทพฯหรอก เพียงแต่รู้สึกว่าใช้ชีวิตในกรุงเทพฯมันฉาบฉวยไปหน่อย ฉันอยากใช้ชีวิตในมุนอื่นบ้าง...”ผมมองหน้าครูหนุ่ม ครูคนนี้มีมุนมองชีวิตที่แปลกจริงๆ”ผมอิจฉาครูจังเลยที่มีทางเลือก แต่ผมไม่มีทางเลือกเลย..”ผมบ่นท้อใจในชีวิต”ใครว่าไม่มีทางเลือก ชีวิตของทุกคนมีทางให้เลือกทั้งนั้น แต่คนเราไม่ค่อยเลือกทางดีๆให้ตัวเองต่างหาก...”ผมถอนหายใจมองออกไปทางบ้านของสร้อย ครูหนุ่มเดินมายืนข้างๆผมมองไปทางเดียวกัน”นายต้องกล้าที่จะทำเพื่อคนที่นายรัก กล้าที่จะคิดจะตัดสินใจ เพราะต่อไปนายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชีวิตของเขา ความรักเป็นแค่ก้าวแรกของชีวิตคู่ แต่หลังจากก้าวพ้นก้าวนี้ไปได้แล้วนั่นแหละจะได้เจอของจริงแล้ว..”ผมมองหน้าครูหนุ่มอย่างสงสัย”ครูพูดเหมือนเคยมีเมียมาก่อน..”ครูหนุ่มหันมายิ้มให้ผม”ไม่เคยหรอก แต่ผมเห็นตัวอย่างมาหลายคู่แล้ว...”ผมยังคิดถึงเรื่องที่สร้อยถูกดุด่าเมื่อช่วงเช้า สร้อยกล้าที่จะทำเพื่อผมโดยไม่คิดหวาดกลัวต่อผลที่ตามมา แล้วทำไมผมจึงไม่กล้าที่จะทำเพื่อเธอบ้าง ใช่แล้วผมหันมายกมือไห้วลาครูหนุ่มพร้อมรอยยิ้มบนหน้า”ขอบคุณครับคุณครู ครูชี้ทางสว่างให้ผมจริงๆเลย คนเราต้องกล้าครับ เมื่อกล้าที่จะรัก เราก็ต้องกล้าที่จะทำเพื่อรักโดยไม่กลัวสิ่งขวางกั้นด้วย ผมไปล่ะครับ..”ครูหนุ่มทำหน้างงๆ”จะไปไหนล่ะ ตะกี้ทำหน้าเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งโลก ทำไมตอนนี้ยิ้มระรื่นเลย อ้าวจะรีบวิ่งไปทำไม เบาๆ เดี๋ยวก็หกล้มหรอก..”ผมหันมาบอกครูหนุ่ม”ผมจะไปทำในสิ่งที่ผมครวทำครับ ขอบคุณครับครูที่ชี้ทางสว่างให้ผม...”ผมวิ่งตรงไปที่บ้านของสร้อยทันที....

....ผมวิ่งมาถึงที่บ้านของสร้อยเห็นรถของแป๊ะฮงจอดอยู่ ใต้ถุนบ้านของสร้อยมีพ่อและแม่ของเธอนั่งคุยกับแป๊ะฮงโดยมีไอ้เม้งนั่งยิ้มอยู่ ส่วนสร้อยนั่งอยู่ห่างๆ ผมแอบมุดรั้วเข้าไปใกล้ๆและนั่งซุ่มแอบฟังด้วยอยากรู้ว่าทั้งหมดกำลังคุยอะไรกันอยู่ เสียงสร้อยโวยวาย”สร้อยไม่แต่งกับไอ้ตี๋บ้าตัณหานี่หรอก พ่อกับแม่จะบ้าหรอ เมียมันก็มี ลูกมันก็มี จะให้สร้อยแต่งไปเป็นเมียน้อยของมัน คิดได้ยังไงกันนี่...”สร้อยย้ำออกมาชัดถ้อยชัดคำแป๊ะฮงทำท่าโมโหที่สร้อยพูดจาไม่ไว้หน้า”เอ..อาสร้อยนี่ลื้อไม่เห็นแก่หน้าอั๊วะเลยน่ะ พูดอย่างงี้ได้ไง อาเม้งอีชอบลื้อ อยากเอาลื้อไปเลี้ยงดูไม่ต้องตกระกำลำบาก สินสอดเท่าไหร่อั๊วะก็สู้ ถึงอาเม้งจะมีเมียมีลูกแล้ว แต่คนจีนเราตามประเพณีจะมีเมียกี่คนก็ได้ ลื้อครวดีใจที่ได้เป็นคนที่สองไม่ใช่สาม-สี่..”พ่อของสร้อยฟังจบก็ลุกขึ้นชี้หน้าด่าแป๊ะฮง”ไอ้เจ๊กบ้า พวกมึงเห็นพวกกูเป็นอะไร กูมีลูกสาวคนเดียวนะโว้ย เรื่องจะหาผัวให้มันไม่ยากหรอก แล้วอีกอย่างฐานะของบ้านกูก็ไม่ใช่กระจอก ไม่สิ้นไร้ถึงขนาดต้องให้ลูกกูไปเป็นเมียน้อยของลูกมึง ไปเลย มาทางไหน ไปทางนั้นเลย....”แป๊ะฮงเจอพ่อของสร้อยด่า ก็ลุกพรวดขึ้น”แหม...พวกลื้อนี่ อั๊วะอุตส่าห์ลดเกียรติมาสู่ขอลูกของลื้อดีๆ กลับไล่ส่งเหมือนหมา ตึงนั้ง อย่างพวกอั๊วะน่ะ ไม่ได้อยากได้ สะใภ้เป็นพวกฮวนนั้งหรอก แต่เห็นอาเม้งอีชอบพอกับสร้อย อั๊วะเลยมาทาบทามให้ เมื่อลื้อไม่เห็นในน้ำใจของอั๊วะก็ป่วยการจะคุย อาเม้งกลับ”แป๊ะฮงเรียกไอ้เม้งที่นั่งจ๋อยอยู่ให้ลุกเดินตามกลับ”แต่เตี๋ย...อั๊วะ...”แป๊ะฮงถลึงตาตี่ๆใส่ไอ้เม้งทำให้มันก้มหน้าเดินตามแป๊ะฮงกลับไป”ฮะ ฮะ ฮะ สะใจจังเลยพ่อ...”สร้อยปรบมือและหันมาหัวเราะกับพ่อ แต่พอเห็นหน้าเครียดๆของพ่อก็ก้มหน้าหลบสายตา”แต่ละคนที่มาติดพันนังสร้อยนี่ มันจะหาคนดีๆบ้างไม่ได้เลยรึไง คนดีๆครูสมบูรณ์เองก็หายหน้าไปไหนไม่รู้ เฮ้อ...กลุ้มใจจังเลยกู...”พ่อของสร้อยบ่นเซ็งๆ พอดีผมทำกระถางต้นไม้ตกเกิดเสียงดัง พ่อของสร้อยหันมาก็ร้องถาม”เฮ้ย...ใครว่ะ.”ผมออกจากที่ซ่อนยิ้มแหะๆ”ฉันเองจ้า...”พ่อของสร้อยกัดฟันกรอดๆ”มึงอีกแล้วเรอะ แม่ไปเอาปืนมา ข้าจะยิงมันให้ขาลากเลย...”

....ผมเดินยกมือชูขึ้นสองข้างแล้วเดินออกมาจากที่ซ่อน แม่ของสร้อยวิ่งไปบนบ้านแล้วเปิดหน้าต่างโยนปืนยาวลงมาให้พ่อของสร้อย พ่อของสร้อยยกมือรับไว้อย่างแม่นยำแล้วยกปืนเล็งมาที่ผม”ฮึ่ม...มึง...กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่าเข้ามาเหยียบบ้านของกูอีก มึงท้าทายกูใช่ไหม..”สร้อยวิ่งเข้ามาขวางทางปืนไว้ แล้วหันมาร้องสั่งผม”พี่มาทำไมเนี่ย...รีบหนีไปเร็วๆ..”ตอนนี้ผมไม่กลัวไม่เกรงอะไรแล้ว และจับไหล่ของสร้อยทั้งสองข้าง ดึงตัวมายืนประสานตา”พี่ไม่หนีไปไหนแล้ว พี่ทำผิดมามากแล้ว ต่อไปนี้พี่จะสู้ความจริง พี่จะปกป้องสร้อยเอง...”สร้อยยืนนิ่งสบตาผม แต่พ่อของเธอยืนโมโหจนตัวสั่น “ดูมันทำ มันยังจะกลับมาเย้ยกูให้เจ็บใจอีก อย่าอยู่เลยมึง สร้อยหลบไป..”พ่อของสร้อยประทับปืนเล็งมาที่ผม สร้อยผลักให้ผมหลบและบอกให้หนีไป แต่ผมยังยืนนิ่งจนพ่อของเธอแปลกใจ”นี่มึงไม่กลัวกูบ้างเลยเหรอว่ะ...”ผมมองหน้าพ่อของสร้อยอย่างจริงใจ”ไม่กลัวหรอก...แต่ฉันเกรงใจมากกว่า เพราะอาเป็นพ่อของคนที่ฉันรัก ฉันก็นับถืออาเหมือนเป็นพ่อของฉัน..”พ่อของสร้อยกัดฟันกรอดๆ”มึงอย่ามานับญาติกับกู กูไม่อยากเป็นญาติกับมึง”ผมไม่สนคำปฏิเสธของพ่อสร้อย”ฉันรู้ว่าอาไม่กล้ายิงฉันหรอก เพราะอารักสร้อยมาก ถ้าอายิงฉัน อาก้รู้ว่าสร้อยจะต้องเกลียดอาแน่”พ่อของสร้อยหันมาถามสร้อย”ถ้าพ่อยิงมัน แล้วเอ็งจะโกทธจะเกลียดพ่อจริงไหม “สร้อยมองพ่อของตัวเองแบบหวาดๆ”ถ้าพี่เขาเจ็บ...ฉันก็จะเจ็บให้เหมือนเขา...เอ่อ...ถ้าพี่เขาตาย...ฉันก็จะตายตามเขาไปเหมือนกัน...”พ่อของสร้อยกระทืบเท้า ตัวสั่น”ฮึ่มๆๆๆ...กูรับไม่ได้ๆๆแม่งโคตรน้ำเน่าเลย...”

....พ่อของสร้อยเห็นความมุ่งมั่นของผมและสร้อยก็ลดปืนลง ส่วนแม่ของสร้อยก็เดินลงมายืนข้างๆ ผมยังจับไหล่ของสร้อยและจ้องตาพลางพยักหน้าให้ ก่อนจะปล่อยมือและเดินตรงเข้าไปหาพ่อกับแม่ของเธอ พ่อของสร้อยขยับตัวร้องถาม”มึงจะเข้ามาหากูทำไม..อย่านะ..ถ้าจะเข้ามาทำอะไรกูละก้อ..กูยิงจริงๆนะ.”ผมเดินมาได้ระยะก็ยกมือไห้ว ทั้งคู่ผงะเพราะระแวง แล้วแม่ของสร้อยยกมือไห้วรับคนเดียวส่วนพ่อมองอย่างไม่พอใจแล้วตวาดใส่”ไปรับไห้วมันทำไม...”แม่ของสร้อยสะดุ้งตอบว่า”เอ่อ..ฉันลืมตัวน่ะ..”ผมมองทั้งสองด้วยสายตานอบน้อม”ที่ฉันมานี่ก็เพื่อจะมาบอกอาว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงินที่สร้อยให้ฉันไป ฉันรับปากว่าจะหามาคืนเร็วๆนี้แน่นอน และอยากให้อาเห็นใจในความรักของเราด้วย อย่าขัดขวางและบีบคั้นเราเลย ไม่งั้นมันอาจจะเกิดเรื่องไม่งามขึ้น...”พ่อของสร้อยยกมือชี้หน้าผม”อ้าว..นี่มึงขู่กูเรอะ มึงไม่ต้องเอาความรักมาอ้าง ช่วงนี้มึงกับลูกกูก็แค่หลงไปตามวัย เป็นผัวเมียกัน ถ้าไม่มีเงินมันไม่มีทางอยู่กันได้รอดหรอก ความรักของมึงน่ะมันกินแทนข้าวได้ที่ไหน..”ผมยืนนิ่งฟังพ่อของสร้อยดูถูก”ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะไม่ทำอะไรนับจากวันนี้นี่อา ฉันสัญญาว่าต่อแต่นี้ฉันจะตั้งใจทำงาน และจะมาสู่ขอสร้อยให้สมเกียรติ อาคอยดูก็แล้วกัน”ผมหันมามองหน้าสร้อย” พี่กลับก่อนนะสร้อย”ผมบอกลาสร้อยและหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น พอผมเดินออกมาสักพัก แม่ของสร้อยก็ถอนหายใจเฮือก”โอ้ย...เหนื่อยเหมือนจะขาดใจ คนมาชอบนังสร้อยแต่ละคน ฉันไม่อยากบรรยาย กลุ้มใจแทนอนาคตของมันจริงๆนังลูกคนนี้...”

....ผมกลับมาที่เรือนหญ้าแฝกนอนเล่นคิดคำนึงถึงเรื่องของสร้อย ไอ้เม้งมันกล้าขอให้พ่อมันไปทาบทามสร้อยแต่ผมยังเฉยอยู่ ไม่ได้แล้วต้องคุยกับพ่อหน่อย สักพักพ่อก็เดินเข้ามา”อ้าว...วันนี้ทำไมกลับมาแต่วันเลยว่ะ..”พ่อทักผมอย่างแปลกใจ ผมลุกขึ้นนั่งมองหน้าพ่อ “พ่อ..ฉันอยากมีเมีย..”พ่อมองหน้าผมอย่างแปลกใจ”เอ..เอ็งเป็นบ้าอะไรวะ อยากมีก็มีไปสิ ทำอย่างกับข้าจะไปห้ามเอ็งได้..”ผมเข้าไปจับแขนของพ่อ”แต่พ่อต้องไปขอให้แนนะ..”พ่อหัวเราะฮึๆ”สร้อยใช่ไหม...”ผมพยักหน้า”ว่าแต่...พ่อกับแม่ของเขาจะยอมยกให้เอ็งเรอะ...”ผมหันกลับมานั่งถอนหายใจ”ไม่ลองไปขอก็ไม่รู้ นะพ่อ”พ่อลูบหลังผม”เอาไว้หลังหน้านาก่อน ข้าจะไปสู่ขอสร้อยให้เอ็ง”ผมหันมาจ้องหน้าพ่อ”แต่ฉันอยากให้พ่อไปหมั้นหมายไว้ก่อน ฉันกลัวช้าแล้วคนอื่นจะมาสู่ขอสร้อยตัดหน้านะ วันนี้แป๊ะฮงกับไอ้เม้งก็ไปสู่ขอสร้อยแล้ว ดีที่พ่อของสร้อยไม่เอาเพราะไอ้เม้งจะขอสร้อยไปเป็นเมียน้อย ฉันเลยหวั่นๆ อย่างน้อยพ่อก็ไปหมั้นให้ฉันอุ่นใจหน่อย”พ่อมองผมแล้วยิ้มๆ”เอ็งจำไว้ เนื้อคู่กันแล้วไม่แคร้วกันไปได้ ถ้าสร้อยเขาเกิดมาเพื่อเป็นเมียของเอ็ง ไม่ว่าจะอย่างไง เขาก็ต้องมาเป็นเมียของเอ็งวันยันค่ำ ถ้าไม่ใช่ต่อให้ทำยังไงก็ไม่มีทางได้กัน...”ผมมองพ่อที่อธิบายมายืดยาว”แต่..พ่อต้องช่วยฉันนะ ฉันไม่สบายใจนะ ถ้ายังใจเย็นอยู่อย่างนี้ ถึงสร้อยเขาจะ....”พ่อมองแล้วหัวเราะ”โดนเอ็งเจาะมาหลายทีแล้วใช่ไหม...”ผมมองหน้าพ่ออายๆ”พ่อรู้ได้อย่างไงว่าฉัน...”พ่อยังขำอยู่”ข้าเป็นพ่อเอ็งนะ ผู้หญิงมาหาถึงบ้านมาพัวพันอย่างนี้ มันจะเหลืออะไร ข้ารู้ชายหญิงใกล้กันมันก็เหมือนน้ำกับไฟ เอาเหอะ เอ็งวางใจได้ ข้าจะไปหมั้น สร้อยให้เอ็ง แต่พ่อของเขาจะให้หรือไม่ให้ ก็สุดแท้แต่วาสนาของเอ็งก็แล้วกัน”ผมยิ้มอย่างมีความหวัง”ขอบคุณจ้าพ่อ...”

....บ่ายกว่าๆขณะผมนั่งตกปลาอยู่ที่ริมหนองน้ำ เมื่อมองไปไกลๆก็เห็นชายอายุราวๆ 30 ปลายๆเดินมาพร้อมเด็กสาวอายุราวๆ 15 – 16 เมื่อเข้ามาใกล้ๆจึงได้รู้ว่าเป็นอาจันน้องชายของพ่อ ผมเดินเข้าไปต้อนรับทั้งสองที่หอบหิ้วข้าวของกันมาพะรุงพะรังราวอพยพหนีอะไรมา”หวัดดีอา มาได้อย่างไงนี่ แล้วจะไปไหนกัน..”อาจั่นมองหน้าผมแล้วยิ้ม”แหม...เอ็งนี่โตวัยนะ เป็นหนุ่มแล้ว ข้าไม่ได้อพยพไปไหนหรอก แต่จะมาอาศัยอยู่ที่นี่สักพัก พ่อเอ็งไปไหนล่ะ”อาจันแม้นไม่ได้เจอผมนานแต่ยังจำผมได้”พ่อไปดูข้าวที่นาอีกสักพักก็กลับใกล้จะเก็บเกี่ยวแล้ว...”ผมตอบคำถามของอา แล้วมองไปที่เด็กสาว อาจั่นมองตามแล้วหัวเราะ”นี่นังวิไล ลูกสาวข้าเอง...ไห้วพี่เขาสิ นี่ลูกชายของลุงเอ็งที่ข้าบอกไง..”อาจันแนะนำลูกสาวให้ผมรู้จัก”หวัดดีจ้าพี่...”เด็กสาวยกมือไห้วผมและผมก็ไห้วตอบ มองดูรูปร่างก็ใช้ได้นะนี่ เด็กกำลังจะโตเป็นสาวถึงมอมแมมไปหน่อย แต่ก็อวบดี”อามาไกลคงจะเหนื่อย ไปกินน้ำกินท่ากันก่อน แม่ฉันก็อยู่ที่บ้าน ไปนั่งคุยกันก่อน อามีอะไรจะคุยกับพ่อก็นั่งรอไปก่อนละกัน.."”ล้วผมก็พาสองคนพ่อลูกไปที่เรือน แม่ท่าทางดีใจที่อามาหา แต่สีหน้าของอาจันดูเป็นทุกข์ แม่เอาน้ำใส่ขันมาต้อนรับ ทั้งคู่ดื่มอย่างกระหายเพราะเดินเท้ามาไกล ระหว่างนั่งคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เด็กสาววิไลก็แอบจ้องหน้าและสบตาของผมเป็นระยะๆ ทุกครั้งที่สบตาเด็กสาวก็ยิ้มอย่างเอียงอาย ผมก็ทำหน้าเฉยๆวางฟอร์มเพราะมั่นใจในความหล่อของตัวเอง ไงๆสาวๆเห็นก็ต้องใจสั่นบ้างล่ะ

....จนบ่ายพ่อก็กลับมาเมื่อเจอกันก็ทักทายกันตามประสา”เอ็งจะมาขออาศัยอยู่กับข้ารึ...”พ่อถามอาจันหลังรู้จุดประสงค์ในการมาของน้องชาย”ใช่แล้วพี่...ตอนนี้ไอ้บ้านห้วยฝนของฉันนะ คนอพยพหนีไปหมดแล้ว กลายเป็นหมู่บ้านร้างไปเลย..”พ่อมองอาจันอย่างแปลกใจ”ทำไมวะ ห่าลงหมู่บ้านเอ็งหรอ...”อาจันส่ายหน้า”ไม่ใช่หรอกพี่ ที่ลงหมู่บ้านน่ะมันร้ายกว่าห่าอีก ไอ้เสือพายมันปรพกาศมาปล้นหมู่บ้าน่ะ..”พ่อเปลี่ยนสีหน้าทันที”ไอ้เสือพาย...”พ่อสีหน้ากังวลขึ้นมาจนสังเกตได้”ใช่พี่คงรู้จักดี ไอ้เสือนี่มันร้ายมาก ฉันกลัวมันจะฉุดนังวิไลไปเลยต้องพามันหนีมาอาศัยพี่อยู่ก่อน ไว้มันปล้นเสร็จก็ว่าจะกลับไป ฉันมารบกวนพี่ไม่นานหรอก...”พ่อถอนหายใจ แล้วเหม่อมองไปไกล”เสือพาย...”พ่อพึมพำชื่อเสือร้ายขึ้นมาอีกทีแล้วหันมาบอกอาจัน”เอ็งอย่าคิดว่าที่หมู่บ้านนี้ปลอดภัย...ลองเสือพายมันออกปล้นละก้อ มันจะปล้นไล่ที่ไปเรื่อยๆ ไม่ช้ามันก็จะมาถึงที่นี่ แต่ถ้าเอ็งยังอยู่ภายในบริเวณที่ของข้า รับรองพวกเอ็งจะปลอดภัย...”อาจันยกมือไห้วพ่อ”ขอบคุณมากพี่ สำหรับพี่นี่ เป็นที่พึ่งของน้องๆและพี่ๆได้เสมอจริงๆ”พ่อยิ้มให้อาอย่างเมตรตา แล้วหันมาสั่งผม”เอ็งพาอาของเอ็งและนังวิไลขึ้นเรือนไปหาที่หลับที่นอนให้หน่อย เดี๋ยวข้าจะไปที่บ้านผู้ใหญ่สิงห์ก่อน”ผมแปลกใจ เพราะร้อยวันพันปีพ่อไม่เคยเอ่ยชื่อผู้ใหญ่คนนี้”ไปทำไมเล่าพ่อ..”พ่อถอนหายใจหนักๆ”ข้าไปแจ้งข่าวเรื่องเสือพายจะมาที่นี่กับมันน่ะสิ...”

....”หา...เสือพายจะมาปล้นที่หมู่บ้านของเราเรอะ...”ผู้ใหญ่สิงห์สำรักน้ำที่กำลังยกขึ้นดื่มจากขันแสตนด์เลส”ข้าไม่ได้บอกว่ามันจะมาปล้นที่นี่ แต่มาบอกผู้ใหญ่ให้เตรียมระวางป้องกันไว้..”พ่อบอกผู้ใหญ่หลังแจ้งเรื่องเสือพายมาป้วนเปรี้ยนไม่ห่างจากหมู่บ้านนางรอง”ตายหงส์แล้ว แล้วพวกเราจะทำยังไงดีวะ ไอ้เสือคนนี้มันร้ายขนาดตำรวจตั้งกลุ่มออกล่ายังจับไม่ได้เลย...”ผู้ใหญ่สิงห์ท่าทางกลัวมากๆ”ตอนนี้เราครวจัดยามตรวจตราเฝ้าดูและคอยสังเกตุคนแปลกหน้าและอย่าเพิ่งป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป เดี๋ยวชาวบ้านจะแตกตื่นตกใจ...”ผู้ใหญ่ดูลนลาน จนสีหน้าเป็นกังวลชัดเจน”ทำไมมันไม่มาตอนคนอื่นเป็นผู้ใหญ่วะ ทำไมต้องมาตอนกูเป็นด้วย..”แหมฟังแกพูดแล้วน่าเลื่อมใสสมกับที่ชาวบ้านเลือกเป็นผู้ใหญ่จริงๆ”แล้วหมู่บ้านไอ้จันนี่มันเข้าปล้นหรือยัง”ผู้ใหญ่ใจมดหันมาถามอาจันที่มาช่วยยืนยันเรื่องนี้ด้วย”ยังเลย แต่คนก็อพยพหนีกันไปจนเกือบหมดแล้ว ถ้ามันเข้าปล้นก็คงเจอแต่หมู่บ้านร้าง “ผู้ใหญ่สิงห์นั่งเขย่าตัวและขาด้วยความวิตก”งั้นไม่ช้ามันก็จะมาที่นี่เพราะที่นั่นไม่มีคนเหลือให้มันปล้น เอางี้เราอย่าช้าเลย ไปประกาศอพยพชาวบ้านหนีกันบ้างอย่าอยู่ให้มันปล้นเลย...”แหมผู้ใหญ่บ้านของเรา เอาสมองส่วนไหนคิดนี่...”ไม่ได้..จะอพยพหนีกันไปไหน ถ้ามันมาจริงเราก็ต้องสู้...จะหนีแบบคนตาขาวได้ยังไง..”พ่อพูดค้านความคิดของผู้นำหมู่บ้านทันที ผู้ใหญ่สิงห์หันมามองหน้าพ่ออย่างไม่พอใจ”ใครว่าหนีอย่างตาขาว เขาเรียกว่าถอยไปตั้งหลักโว้ย...”พ่อส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ”แล้วมันต่างจากหนีตรงไหนกันล่ะ....”ผู้ใหญ่สิงห์นั่งคิดสักครู่”เอาอย่างงี้ วันนี้ข้าจะเรียกพวกชายฉกรรจ์มาสัก 10 คนแล้วมาสั่งเป็นการลับให้มันตรวจตรารอบๆหมู่บ้าน แล้วเย็นนี้ข้าจะแจ้งไปทางกำนันและทางอำเภอให้มาชุมนุมวางแผนป้องกันหมู่บ้านของเราจากพวกเสือพายที่บ้านของข้า งานนี้เป็นงานเร่งด่วน เอ็งว่าดีไหม..”ผู้ใหญ่บ้านนางรองคนนี้เพิ่งคิดเข้าท่า”แล้วทำไมต้องตอนเย็นด้วยเล่า..”พ่อไม่วายถามด้วยสงสัย”เดี๋ยวข้าจะต้องพาลูกเมียและขนของไปอาศัยอยู่กับญาติๆในตัวจังหวัดก่อนนะสิ..” ผู้ใหญ่สิงห์ตอบหน้าตาเฉย พวกเรามองหน้าผู้นำหมู่บ้านแล้วทึ่งในความเสียสละ....

....ผมกลับมาที่เรือน แม่และวิไลลูกสาวอาจันช่วยแม่หุงข้าวทำกับข้าวอยู่ที่ท้ายเรือนซึ่งใช้เป็นครัว พ่อมานั่งคุยกับอาจันส่วนผมขึ้นเรือนไปดูแม่และวิไลเพราะเริ่มหิว”รอก่อนเดี๋ยวค่อยกินพร้อมกัน ถ้าอยากจะกินเร็วๆก็มาช่วยหุงข้าวซิ..”แม่บอก ผมเลยเดินไปที่เตาถ่าน ที่บ้านของผมยังหุงข้าวแบบเช็ดน้ำอยู่ วิถีหุงก็คือ นำข้าวสารจำนวนที่จะหุงมาใส่หม้อที่จะหุง และนำข้าวไปซาวน้ำทำความสะอาดก่อน แล้วใส่น้ำในปริมาณที่พอเหมาะก่อนนำไปตั้งไฟบนเตา ปิดฝารอจนน้ำเดือด แล้วค่อยนำน้ำไปรินทิ้งเรียกว่า”เช็ดน้ำข้าว”แต่น้ำข้าวบางทีก็เก็บไว้กินได้หรือใช้เลี้ยงหมาก็ดี จากนั้นแล้วเอาหม้อข้าวมาตั้งบนเตาใช้ไฟอ่อนๆเพื่อให้น้ำข้าวในหม้อแห้งหมดเราเรียกว่า”ดงข้าว”จนข้าวสุกระอุดีค่อยยกลง ระหว่างผมทำ วิไลก็แอบลอบมองดูผมตลอดเวลา

....”แล้วแม่ทำกับข้าวอะไรกินบ้างล่ะ..”ผมถามแม่หลังจากวางหม้อข้าวลง”ทำยอดแคลวกจิ้มกับน้ำพริก และวิไลเขาทำ มะละกอผัดไข่ให้ด้วย ส่วนอีกอย่างก็ต้มโค้ลงปลาช่อนน่ะ”แม่ตอบ ส่วนวิไลก้มองผมอย่างเขินๆ”พี่ชอบกินอะไรล่ะ บอกสิ พรุ้งนี้วิไลจะหามาทำให้...”สาวลูกพี่ลูกน้องของผมเสนอตัวจะทำกับข้าวเอาใจผม”เอ็งไปเก็บดอกแคมาจากไหนล่ะ..”แม่ถามผมเพราะผมเป็นคนเอามาเอง”เอ่อ...ไปเก็บมาจากบ้านของสร้อยน่ะแม่ ตอนไปหาสร้อย เห็นมันกำลังออกดอกเลยเก็บมา..”แม่วางมือหันมามองผม”เอ็งไปเก็บมาไกลถึงขนาดนั้นเชียวรึ...”วิไลนั่งฟังอยู่ก็ถามแทรกขึ้นมา อย่างสนใจ”เอ..สร้อย..นี่ใช้ชื่อผู้หญิงหรือเปล่า...เอ่อ...แล้วเป็นใครละป้า...”แม่ตอบโดยไม่หันมามอง”อื่ม...เป็นผู้หญิง...สวยด้วย...แต่น่าเสียดาย...ที่มันมาเป็นแฟนของลูกชายป้าเนี่ย...”วิไลฟังแล้วหน้าตาดูสลดไปเยอะ...

....หลังอิ่มหนำจากการกินข้าวเที่ยงแล้ว พ่อก็ไปนั่งคุยกับอาจันที่แคร่หน้าเรือน ส่วนผมนั่งเหลาก้านว่าวเพื่อทำไว้ชักเล่นที่หลังเรือน วิไลเดินมาหาในชุดผ้าถุงกระโจมอก มีผ้าเช็ดตัวคลุมไห่ลมา วิไลเป็นสาวผิวเข้ม หน้าตาคมขำ แต่ตอนนี้ดูมอมแมมเพราะฝุ่นเนื่องจากลุยป่ามาไกล”พี่...วิไลอยากอาบน้ำ พาวิไลไปที่บ่อหน่อยซิ...”ผมมองดูวิไลแล้วชี้นิ้วไปทางป่าหลังเรือน”ตรงโน้นน่ะ มีหนองน้ำอยู่ ลงไปว่ายได้เลย แต่ระวังปลาตอดนะ...”วิไลมองตามไป”แต่วิไลไปไม่ถูกน่ะ พี่ช่วยพาไปหน่อยสิ...”ผมส่ายหัว”ไม่เอาอ่ะ ไม่ว่างกำลังทำว่าวอยู่...”เสียงแม่ของผมตะโกนลงมาจากเรือน”ก็พาน้องไปหน่อยสิ น้องไม่เคยมา เดี๋ยวไปหลงกลับไม่ถูก อ้อ...แล้วเฝ้าน้องด้วยนะ เดี๋ยวพวกหนุ่มๆแถวนี้มันจะมาทำมิดีมิร้าย..”ผมส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ เฮ้อ..รูปร่างอย่างนี้ใครจะหื่นมาปล้ำลงว่ะ”เอ้า...ไปก็ไป...ตามมา..”ผมลุกขึ้นเดินนำหน้าไปอย่างไม่เต็มใจ...

....ผมพาวิไลลัดเลาะมาจนถึงหนองน้ำ แล้วชี้ให้เธอลงไปอาบตามสบาย ส่วนผมก็หันหลังจะกลับ แต่วิไลยืนหวั่นๆ และเรียกผมให้อยู่เป็นเพื่อนก่อน”อย่าเพิ่งไปนะพี่ วิไลว่ายน้ำไม่เป็น...”ผมยืนมองอย่างไม่สบอารมณ์”ก็ตักอาบเอาซิ อย่าลงไปว่ายก็แล้วกัน...”วิไลมองผมตาละห้อย”แต่แถวนี้น่ากลัวจัง พี่อยู่เป็นเพื่อนวิไลก็แล้วกันนะ..”ผมมองสาวลูกพี่ลูกน้องเซ็งๆ”พี่เป็นผู้ชาย วิไลเป็นผู้หญิง มาให้พี่ดูเธออาบน้ำได้อย่างไง มันไม่ดี..”วิไลดึงแขนของผมรั้งตัวไว้”เราเป็นพี่น้องกันนะ ไม่เป็นไรหรอก พี่ก็อย่าแอบดูละกัน..คอยเฝ้าวิไลอย่างเดียว..”ผมรำคาญเลยเดินไปหันหลังพิงที่ต้นไม้”เอ้า...ไปเลย...แล้วอาบเร็วๆนะ...”ผมยืนหันหลังเฝ้าวิไล เสียงเธอค่อยๆย่ำเดินลงน้ำดังมา ผมยืนอยู่สักพักเห็นเงียบๆเลยหันไปดูเผื่อว่าเธอจะพลาดจมน้ำจะลงได้ลงไปช่วยทัน แต่เมื่อหันไปก็....ผมถึงตะลึงเมื่อเห็นวิไลที่ตอนนี้แช่น้ำอยู่แค่โคนขา เธอถูตัวอย่างสบายใจ แต่ผมกับใจสั่น เด็กเนื้อตัวมอมแมมเมื่อครู่ตอนนี้มันช่างต่างกันริบ แม้นผิวจะเข้มแต่ความอวบแน่นของร่างกายสาวแรกรุ่นมันพาจิตใจของผมปั่นป่วนกระเจิดกระเจิง เด็กอะไรวะซ่อนรูปจริงๆ อายุแค่นี้แต่ทำไมขนมาเสียมากมาย โดยเฉพาะไอ้นมคู่นั้นทำไมมันใหญ่ขนาดล้นมือผมเลยทีเดียว เวลาที่ก้มขึ้นก้มลง ผ้าถุงที่เปรียกน้ำมันรัดให้เห็นสัดส่วนจนเด่นชัด ว่าสะโพกของเธอมันงอนงามขนาดไหน ยื่งตรงนั้นด้วย โหนกนูนจนใหญ่ฝ่ามือปิดไม่มิด โอ้ย....เกิดอะไรขึ้นนี่ ผมดูแล้วใจเกิดสั่นต้องนั่งลงเพราะ ท่อนเอ็นดันทะลึ่งแข็งโด่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น...

....ผมยังนั่งมองวิไลเพลินเสียจนเธอหันมาเห็น วิไลมองมาทำหน้างงๆ “พี่เป็นอะไรไปล่ะ..นั่งเอามือกุมท้องทำไม..”ผมได้ยินวิไลถามก็สะดุ้ง ยิ้มแหะๆบอกออกไปว่า”เอ้อ...คือพอดีพี่กินมากไปแล้วออกมาเดิน ข้าวมันไม่ย่อยเลยปวดท้องน่ะ..”ผมยังนั่งกดท่อนเอ็นอยู่ ส่วนวิไลก็หันกลับไปอาบน้ำถูเนื้อถูตัวอย่างสบายใจโดยไม่รู้ว่า พี่นอกไส้อย่างผมเริ่มคิดไม่ดีด้วยแล้ว ผมต้องเดินขาถ่างๆออกจากตรงนั้นหันหลังกลับมาทำใจให้ปรกติ ข่มให้เจ้าท่อนเอ็นกลับสู่สภาพเดิม แต่วัยของผมมันเป็นวัยเจริญพันธ์จ้องจะฟันกันอย่างเดียว ข้างล่างยังไม่ทันสงบก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อวิไลเดินเข้ามาพูดใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้”พี่เป็นอะไรไปน่ะ...”ผมยังนั่งกุมตรงเป้าอยู่”เปล่า...ไม่เป็นไรหรอก วิไลอาบเสร็จแล้วหรือ...”สาววิไลพยักหน้า กลิ่นสบู่นกแก้วโชยมาหอมกรุ่นจากกายสาว”งั้นกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป ขอนั่งให้ข้าวย่อยสักเดี๋ยวแล้วจะตามไป...”วิไลมองผมงงๆแต่ก็หันหลังเดินกลับไป พอวิไลเดินไปไกลแล้วผมจึงลุกอย่างลำบาก แหมขืนเดินไปด้วยเธอเห็นความผิดปรกติของผมตรงนี้เข้าละก็เรื่องยาวแน่...

....เกือบๆสี่โมงเย็นผู้ใหญ่สิงห์ส่งคนมาตามพ่อและอาจันให้ไปหาที่บ้านของแกเพื่อประชุมเตรียมการป้องกันพวกโจร แม่ขอตามไปด้วย ผมจึงต้องอยู่บ้านเป็นเพื่อนวิไลทั้งที่อยากไปร่วมประชุมด้วย แหมเรื่องนี้มันน่าตื่นเต้นท้าทายมาก ถ้าเราได้ร่วมต่อสู้กับโจรร้ายด้วยมันคงจะเท่ส์เหมือนพระเอกในหนังกางแปลงที่ผมเคยดูแน่ เวลาผ่านไปจนมืดค่ำพ่อ อาจันและแม่ก็ยังไม่กลับมา ผมนั่งรอที่แคร่อย่างกระวนกระวาย วิไลลงมานั่งข้างๆ สภาพตอนนี้ของวิไลต่างจากตอนมาถึง เนื้อตัวเกรี้ยงเกรา ผมยาวดูนุ่มสลวย ใบหน้าคมเข้มขึ้น เสื้อคอกระเช้าแขนกุดรัดส่วนสัดให้ดูเด่น ผ้าถุงก็แน่นกระชับให้สะโพกและเนินนูนดูล่อตา โอ้ย...พอได้นั่งใกล้ๆตอนนี้ทำไมใจมันสั่นไปได้วะ.....

....วิไลนั่งมองไปทางเดียวกับผม”ทำไมพวกลุงยังไม่กลับมาสักทีนะ...”ผมลุกขึ้นบิดตัวไล่ความขี้เกลียด”คงประชุมกันหนักม้าง...โจรมันมาปล้นต้องวางแผนตั้งรับกันดีๆ มันไม่ได้มาทอดผ้าป่านี่จะได้ทำอาหารรอเลี้ยงอย่างเดียว..”สาววิไลมองตามผม”พี่จะไปไหนละน่ะ...”ผมทำท่าจะเดินหนี”ก็ง่วงแล้วจะไปนอนนะสิ..”วิไลมองอย่างสงสัย”ไม่รอพวกลุงก่อนเรอะ..”ผมส่ายหัว”ไม่ละ เดี๋ยวเขาก็กลับกันมาเองแหละ...”

….”แล้วพี่จะไปไหนล่ะ....”วิไลถามผม “จะไปนอนน่ะสิ..”วิไลมองหน้าผมแล้วยิ้ม”พี่นี่หล่อนะนี่...รู้ตัวหรือเปล่าว่าเหมือน สมบัติ เมทะนีเลย ดูกร้ามสิเป็นมัดๆเลย..”ผมมองวิไลแบบเขินๆ”ใครๆก็ว่าอย่างงั้นแหละ...”วิไลหัวเราะคิกๆ”แหม...ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะ..”ผมทำท่าจะเดินหนี แต่วิไลก็เรียกให้หยุด”จะรีบไปไหนล่ะ อยู่คุยเป็นเพื่อนวิไลก่อนซิ..”ผมบิดขี้เกียจทำท่าหาว”ไม่เอาละ ง่วงจะไปนอนแล้ว...”ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะผมกลัวใจตัวเอง ขืนอยู่ใกล้ๆเดี๋ยวห้ามใจไม่อยู่ ความรู้สึกของผมตอนนี้มันไม่เหมือนตอนเจอเธอใหม่ๆแล้ว เด็กอะไรพอล้างเนื้อล้างตัวก็เปลี่ยนเป็นคนล่ะคนเลย
....ผมเดินขึ้นเรือนมาเย็ดจนหนำใจฺห้าร้อยเก้าสิบแปดครั้งนอนในห้องที่กั้นไว้ นอนเล่นพลิกไปพลิกมา ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเปิดวิทยุฟังนิทานลุงพรไปเพลินๆ จนกระทั่งเห็นว่าดึกมากก็ไม่มีวี่แววว่าพวกพ่อจะกลับมาเลยเดินออกมาตรงนอกชานเรือน เห็นวิไลนอนหลับอยู่ ผมจึงเดินเข้าไปหา เอื้อมมือไปที่ศีรษะ เขย่าเบาๆ"วิไล....วิไล... จะหลับจะนอน.....ทำไมมานอนตรงนี้ ไป....ไปกางมุ้งนอนให้เรียบร้อยสิ"ผมก้มลงไปพูดใกล้ๆหูของเธอ"หือ....อืม....พี่เองหรอ.....วิไลนั่งรอพวกลุงนาน...แล้วเลยเผลองีบหลับไปน่ะ..."วิไลพูดเสียงงึมงำในลำคอ พร้อมจับมือผม ทำท่าจะเหนี่ยวตัวลุกขึ้น โดยอาศัยผมเป็นหลักยึด”พี่รู้แล้ว....ง่วงก็เข้าไปนอนให้เป็นที่เป็นทางสิ" ผมพูดต่อ"ไปนอนซะ....พี่จะพาไป แล้วพี่จะไปช่วยกางมุ้งให้ด้วย มานอนตรงนี้เดี๋ยวยุงก็หามไปหรอก"วิไลพูดแบบไม่ลืมตาท่าทางจะง่วงจัด"เหรอ...อื่มมม....เอาสิ....งั้นวิไลจะไปนอนล่ะ"วิไลตอบแบบสะลึมสะลือ พร้อมกับยันตัวลุกขึ้นและล้มพับมาในวงแขนของผม เอาแล้วเป็นเรื่องแล้ว.....ร่างที่อยู่ในอ้อมแขนของผมเป็นเรือนร่างที่อวบอัด เนื้อแน่น หอมกรุ่นด้วยกลิ่นสาปสาวรุ่นที่กำลังเต่งตึง ดูแล้วสมบูรณ์ไปทุกสัดส่วน ผมชักหายใจลำบาก และพยายามข่มใจสุดขีด....เฮ้ย...นี่น้องของเรานะ........

.... ….ผมปูที่นอนแล้วอุ้มร่างของวิไลลงวางบนที่นอน ก่อนลุกขึ้นกางมุ้ง ร่างของเด็กสาวแรกรุ่นนอนอ้าซ่าอยู่บนที่นอนช่างยั่ว้ย่าสายตา ผมพยายามเขย่าหัวเรียกสติ และข่มใจเต็มที่ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง”เดี๋ยวสิพี่...ยังไม่กันมุ้งให้วิไลเลย...เข้ามากันให้หน่อยซิ...”ผมหันกลับไปมองยามนี้ผ้าถุงของวิไลล่นขึ้นมาถึงขาอ่อนและชายเสื้อเลิกขึ้นไปจนเผยให้เห็นฐานเต้าส่วนล่าง ผมไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกแล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจ มุดมุ้งเข้าไปลุย..

.... ผมค่อยๆคลานเข้าไปในมุ้ง แล้วคล่อมตัวของเธอเอาไว้ ค้างตัวมองดูร่างของสาวลูกพี่ลูกน้อง แล้วเอื้อมมือไปดึงผ้าถุงของเธอให้ขึ้นไปเกยอยู่บนต้นขา ผมลูบไล้ขาอ่อนเธอเล่นแล้วโอบเข้าเอวบาง ๆ ......แต่เธอขยับตัวจะลุกผมรวบตัวเธอเอาไว้ กอด.....หอม.......ซุกไซ้......ดูดเลียซอกคอ ลากลิ้นเลียมาที่เนินอกขาวผ่อง ซุกมือเข้าไปในผ้าถุง แล้วค่อย ๆ ดันเธอลงบนที่นอน วิไลตาปลือนอนหงายท้อง เนินโหนกนูนของเธอลอยเด่น ผมใช้มือลูบบีบอย่างย่ามใจ เธอหนีบขาแน่น ดิ้นรนจับมือผมไว้แน่น

“........ไม่เอา.......ไม่เอา.......พี่จะทำอะไร....”

....แต่ผมไม่ฟังเสียงตะโบมบีบเคล้นเนินนูน ๆ อย่างเมามัน ยังไงต้องจัดการกับผ้าถุงเธอให้ได้ก่อน...... เธอยันตัวจะลุกขึ้นให้ได้

.”.....ไม่เอา....ไม่ดี...อย่าทำอย่างนี้.....(อ้าว.......ยั่วขนาดนี้แล้วดันมาบอกว่าไม่เอา...).......”

....ผมดึงผ้าถุงของเธออกทางขา เธอจับมือผมไว้ ร้อง”...อย่า....อย่า.....พี่...อย่า...ทำ....เดี๋ยวพ่อรู้มันไม่ดี....” ผมลากริมฝีปากจากซอกคอผ่านหน้าอก......งับหัวนมเธอเล่นก่อนที่จะลากลิ้นวนไปมาทั้งสองข้าง กัดเบา ๆ แล้วงับ......ดูด.......ด้วยความมันเขี้ยว ตอนนี้หน้ามืดจนไม่นึกถึงอะไรทั้งนั้น จะเอาเธออย่างเดียว มือที่คลึงเนินนูน ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นแหย่เข้าไปที่ช่องสวาทของเธอ น้ำโชกออกอย่างนี้ อย่ามาห้ามเสียให้ยาก ผมเอานิ้วชุบน้ำเงี่ยนของเธอแล้วลากขึ้นมาบี้ที่เม็ดละมุด ขยี้......รัว....เร็ว......เธออ้าขาออกอัตโนมัติ....

“......อูยยย.....พี่.......พี่.......จะทำอะไรวิไล...อูยยย...... “

....”.ก็กูกำลังจะล่อมึงอยู่นี่ไง” ผมคิดในใจ.....แล้วลุกขึ้นคร่อมเธอเอาไว้ มืออีกข้างดึงเสื้อเธอออก นมคู่พอเหมาะที่ตอนนี้แข็งเป็นก้อนท้าสายตา หัวนมสีน้ำตาลคร้ำชูชัน ผมตะโบมลูบไล้อย่างย่ามใจ เสียงเธอคราง”..อืมมมมม ....”.ผมดูดเลียซอกคอ ใช้ริมฝีปากชุ่มน้ำลายลาก.....วน......เคล้าคลึงเต้านมของเธอทั้งคู่ เธอแกะมือผมออกเป็นพัลวัลแต่ผมขืนมือใช้ปลายนิ้วบี้ที่หัวนมพร้อมกับใช้ลิ้นดูดเลียที่หัวนม เธอแอ่นตัวร้อง”ซี๊ดดดสสส์......”ผมลากลิ้นโชกน้ำลายไปยังต้นคอ หลังใบหู ส่วนปากของเธอยังพล่ำบอกไม่หยุด

”..อย่า....อย่า...... พี่...อย่าทำกับวิไลอย่างนี้ ........”แต่ก็ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนโวยวายอะไรมากนัก

....ผมรู้ว่าเธอก็อยากและยอมอยู่แล้ว แถมยอมให้ผมทำถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน ผมค่อย ๆ แกะมือเธอออก ไม่ต้องพูดพร่ำอะไรกันแล้ว ....ตอนนี้ เธอได้แต่ร้องครางรอผมลงอาญาอย่างเดียว

”......อืมมมม.......อืมมมมมม......อื่มมมมมม...พี่จ๋า..... “สองมือของผมบีบเคล้นและก้มลงดูดเลียที่หัวนมของเธอไม่หยุด
เสียงสาวรุ่นยังร้องราวทรมานสาหัส

”....โอ้วววว..........ซี๊ดส์....ส์.....ส์......ทำไมถึงเป็นอย่างนี้พี่....สะ...เสียว......”

ตอนนี้ผมไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นแล้ว ตอนนี้คิดแต่จะล่อให้ได้เท่านั้น

“พี่...วิไลกลัวท้อง....อย่า....”

ผมซุกไซร้ไปที่ซอกคอ

”ไม่หรอก...ไม่ต้องกลัว...ไม่ท้องหรอก....”

ผมกระซิบบอกไปอย่างงั้นเอง เพื่อให้เธอยอมง่ายๆ

…. เธอคลายการขัดขืนไปแล้วตอนนี้นอนถ่างขารอให้ผมแก้ผ้าเอาท่อนเอ็นทิ่มใส่อย่างเดียว และไม่รอช้าเมื่อผมเห็นอารมณ์ของเธอเต็มที่แล้ว ก็รีบจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างรวแร็ว แล้วผมก็จับขาเธออ้าออก ใช้สองมือจับข้อเท้าเธอในท่าชูเท้าขึ้น วางตัวแทรกใช้ท่อนเอ็นดันจ่อร่องรูที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำรักของเธอ ใช้ส่วนหัวลากถูขึ้นลงในร่องสวาทของเธอ เพราะผมท่าจะเป็นคนแรกที่ได้ลุยร่องนี้ มันจึงคับแน่น บีบรัดจนผมเสียวและเจ็บในส่วนหัว.......ที่สุด.... ผมจับข้อเท้าเธอดึงเข้าใกล้แล้วพาดเข้าที่บ่า เธอยกก้นตามมาอย่างว่าง่าย

”พี่จะทำอะไรวิไลอีกล่ะ...”

ผมไม่ตอบ ผมแหย่ท่อนเอ็นเข้าไปช้า ๆ ค่อย ๆ ดันเข้าไป

" โอ๊ย....โอ๊ย....วิไลเจ็บ....อย่านะพี่...อย่าดันเข้ามา...อูย...เบาๆ หน่อย..วิไล..โอ้วววว..."

ยังมีเสียงปรามออกมาระคนกับเสียงกัดฟันและเสียงคราง

" ฮึ่มมมม...ฮืออออ....ฮู๊ววว....ซี๊ดดดด.....เจ็บจังเลยพี่.."

....ช่องสวาททางที่ผมกำลังดุนดันบุกเข้าไปให้ได้นี้ มันยังใหม่และคับแคบ และก็แน่นกระชับจริงๆ ผมไสส่วนหัวเข้าไปได้แล้ว ก็รู้สึกถึงอาการดูดตุบๆ ผมจึงเผลอตัวกระแทกอย่างเต็มที่ มันแนบแน่นเมื่อเข้าไปสุดด้าม

"โอ๊วววว....โอ้ยยยยย...."

....วิไลส่งเสียงร้องลั่นออกมา ผมเลยต้องประกบปากจูบ แต่เด็กสาวก็ผวาสุดตัวจนหลังแอ่นขึ้นมา

"อู๊ยยยยย....พี่.....วิไลแน่นไปหมด....แสบด้วย....เอาออกก่อนได้ไหม..."

วิไลร้องอ้อนวอนเสียงสั่นระริก เนื้อตัวกระตุก ร่างกายสั่นสะท้านไปหมด ผมแช่ตัวอยู่นิ่งพักใหญ่ๆเพื่อให้เธอผ่อนคราย...แช่ตัวอยู่สักพักผมก็เริ่มจับขาของเธอทั้งสองข้างมาแนบที่เอว แล้วเริ่มซอยท่อนเอ็นเข้าออกช้าๆ แล้วเร่งเร็วขึ้น เมื่อความหฤหรรษ์เข้ามาแทนความเจ็บปวด ไม่ว่าผมจะซัดใส่แรงขนาดไหน เธอก็ไม่ถอยแล้ว ใส่ไปแรงเท่าไรก็เธอเด้งสะโพกสวนกลับมารับการกระแทกใส่อย่างสุดฤทธ์ แล้วหลับหูหลับตาร้องครางอย่างเดียว ชนิดเสียวทุกดอก

“อูยยย......อูยยยย......ซี๊ดส์......เสียว.....ว......ว......ว......ไม่ไหวแล้ว.......ไม่ไหวแล้ว....

. “ยังเจ็บอยู่ไหม......เจ็บ...ไหม.....”.

....เมื่อ ผมเอ่ยถาม.....เธอพยักหน้าทำตาปรือ.............

.....งั้นพี่ทำให้อีกนะ.....เธอพยักหน้ารับ”

ผมแทงช้าสลับเร็ว สังเกตอาการเธอ ถ้าทำท่าจะเสร็จผมก็ผ่อนลง......หลายครั้งเข้าผมก็ขโยกอย่างแรง เธอร้องว้าย.....ย”.......ย......เสีย....ว......ว.....ว......ซี๊ดส์......วิ..ไล..ปะ..ปวด...ฉี่...จัง...เลย.จะ...ออก...แล้ว.........จะ..โอ้ววว.......

...ผมเร่งกระแทกเข้าออก เสียงเนื้อกระแทกกันดัง พั่บ พั่บ พั่บ ถี่ยิบ......เธอจับแขนผมจิกเล็บลงแน่น......ผวาตัว....เฮือก.....เฮือก.....
....ผมซอยท่อนเอ็นเข้าร่องรูสวาทที่ดูดรัดไม่หยุดของเธอ เสียงกระแทกยังดัง พั่บ ๆ ๆต่อเนื่องไม่หยุด เธอนอนแอ่นสะโพกรับจนนมกระเพื่อม ผมก้มลงใช้ปากดูดดุนหัวนมเธอ....ใช้ฟันขบอย่างมันเขี้ยว....พอผมกัดเธอก็สะดุ้ง.

“...ซี๊ซซดส์.......ซี๊ซซดส์....”

...ท่อนเอ็นแข็ง ๆของผม ก็มุดเข้ามุดออก ผมใกล้เสร็จแล้ว.......รู้สึกเสียวสุด ๆ ส่วนปากยังคาบหัวนมกัดดึงแรง ๆ เธอร้องเสียงกระเส่า

”โอ้ยยยเจ็บ.....เจ็บ.....ปล่อย..ปล่อย...พี่...วิไลเจ็บ.....”

ผมคึกสุดขีดซอยเจ้าท่อนเอ็นใส่ไม่ยั้ง เสียง พั่บ....พั่บ.....พั่บ.....ลั่นไปทั้งเรือน พอจะเสร็จผมก็หยุดพัก.........แล้วก็เริ่มใหม่.....วนเวียนอยู่หลายรอบ

“ฮืออออ....ฮืออออ..ทะ...ทำ...มาย...มาน.....เสียววววววจัง....เสียวจัง......เสียว...อา...ราย....อย่าง...นี้....”.

ผมขโยกใส่เธออย่างไม่นับอีกชุดใหญ่ๆ

.......พั่บ พั่บ พั่บ...

“อะ..ว้ายยยยยยยย........อะ...ออก......ออกมา.......ออกมาแล้วววววว.......”

....เธอจิกแขนผมจนเจ็บแล้วก็ทิ้งแขนทิ้งขาลงอย่างอ่อนแรง......หลังปล่อยให้ผมปู้ยี่ปู้ยำเธออย่างหนำใจ ผมลูบไล้ทั่วเนื้อตัวพลิกเธอให้หันหลังมาหาผม......ใช้ลิ้นลากตั้งแต่ช่วงเอวขึ้นมาที่ไหล่ ดูดเลียจนเธอครางกระเส่า.

“....พี่.......วิไลไม่ไหว.......วิไลเหนื่อยใจจะขาดแล้วววว......พอเหอะ....”เสียงวิไลครางกระเส่าขอร้อง

....แต่ท่อนเอ็นของผมยังแข็งไม่หมอฤทธ์อยู่เลย........ผมใช้ลิ้นเลียวนให้เธอทั้งตัว เน้นที่แผ่นหลังและซอกคอเป็นพิเศษ แล้วผมก็จับตัวเธอโก่งก้นขึ้มาและจับขาถ่างออก....แต่ดูท่าของเธอจะอ่อนแรงพอยกก้นของเธอขึ้นยกเธอก็เอาหน้ากดลงไปกับหมอน

.”จะทวิไลท่าไหนอีกล่ะ ไม่สงสารเลย เจ้บไปทั้งตัวแล้ววว....ซี๊ดส์........อูยยยยย.........ซี๊ดส์.......”

....เธอครางอย่างไม่อาย.......ท่าที่เธอโก่งก้น ในท่าคุกเข่า ปลายเข่าแยกออกแล้วแอ่นก้นมาด้านหลัง เนินนูนเด่นปลิ้นออกมาด้านหลังทำให้ผมเอานิ้วแหย่เล่นได้โดยสะดวก.........พอเธอกำลังเคลิ้ม ๆ ผมเอาท่อนเอ็นป้ายน้ำเงี่ยนเธอแล้วใช้นิ้วลูบไล้ปากทางช่องสวาทเธอ......เธอขยับก้นส่ายอย่างสุดเสียว...... เสียงครางไม่หยุด

“ซี๊ดสสสสส์......ซี๊ดสสสสสส์....พี่.....จะ....ทำ...อะ...ไร...”

....ผมจับท่อนเอ็นค่อยๆแทรกใส่เข้าไป วิไลผงกตัวขึ้นมาอ้าปากร้องไม่มีเสียง ผมค่อยๆดันเข้าไป ร่องรูรัดแน่นจนผมขยับเข้าไปไม่ได้ สองมือของวิไลจิกที่นอนจนยู่ยี่ ส่ายหัวไปมา

“โอ๊ยยยยยยย.......ไม่เอา.....ไม่เอา.....ท่านี้...ไม่เอา....”.

....แต่ผมจับตะโพกเธอไว้แน่น.......ดึงกระแทกเข้าหาท่อเอ็นอย่างแรง เสียงดัง..ปึ้ก... ปึ้ก.... ปึ้ก ผมค่อย ๆ ดันผลุบเข้าไป แรง ๆ เข้าอีกครั้ง “ อาห์......ห์..........”

“.....อยู่นิ่ง ๆ ....เดี๋ยวดีเอง.......”

ผมค่อย ๆ ซอย “.....นั่นแหล่ะ.....อย่าเกร็ง....ค่อย ๆ ปล่อยตัวตามสบาย......เสียวไหม.......”

“.เสียวค่ะ.....เสียวมาก....แต่วิไล....วิไลทั้งเจ็บทั้งเสียวจะตายอยู่แล้ว....”

....ผมค่อย ๆ ขยับพร้อมกับก้มลงไปไล่เลีย งับที่หลังไหล่ให้เธอ......แล้วค่อย ๆ สาวท่อนเอ็นเข้าออกช้า ๆ เสียวสุด ๆ กับช่องทางที่รัดตึงนี้ พักเดียวผมเสียวจี๊ด.

“......อึบ......อึบ.....อึ้บ......”.ผมจับตะโพกเธอกระแทกเข้ากับควยอย่างแรง.เสียง.....พับ....พับ.....พับ...ดังขึ้นอีกครั้ง.

“....อึ้บบบบบบบ............พี่เสียวสุด ๆเลย...วิไล...”

“โอ้ยยยย...โอ้ววววววว ...พี่...วิไล...โอ้ววววว......”..เสียงวิไลยังร้องซ่านเสียวชนิดไม่ลดดีกรีความมันส์

... แต่เมื่อใดที่วิไลเสียงดังมาก ผมก็จะเอื้อมมือไปปิดปากเธอไว้ ผมกระแทกท่อนเอ็นเข้าเป้าซ้ายที ขวา จับเต้าเต่งตึงจนเมื่อผมใกล้จะถึงจุดหมายปลายทาง ผมก็กระแทกใส่ถี่ยิบ วิไลก็แอ่นก้นขึ้นมารับ จนกระทั่งผมสุดกลั้นก็กระแทกเสยเป็นครั้งสุดท้าย

"อุ๊บ..อึ๊บ..โอ๊ว...โอ๊ย....พี่...ออก..แล้ว...."

.... แล้วจึงฟุบลงตระกองกอดร่างของวิไลแบบทาบทับด้นหลัง พร้อมพรมจูบไปทั่วซอกคอ เสียงหอบหายใจของเราระงมไปทั่วเรือน ผมใช้ผ้าห่มเช็ดตัวให้เธอ ซับน้ำเมือกที่เปื้อนบริเวณเนินละมุนอวบอิ่มเต็มของเธอ บนหญ้าอ่อนปากทางเข้าที่บวมเป่งแดงช้ำของเธออย่างแผ่วเบามือที่สุด ในขณะที่มือผมลูบเนินเนื้อที่ผมได้บุกทะลวงเป็นคนแรก ผมก็จูบที่ปากและที่หน้าอก วิไลจับมือผมเข้าไปจูบและจับไว้ครู่หนึ่ง

"ทำไม พี่....พี่ทำยังงี้กับวิไลล่ะ...วิไลยังเด็กอยู่เลย พี่ทำวิไลอย่างนี้ไม่รู้ว่าวิไลจะท้องหรือเปล่า พี่...พี่ทำกับวิไลแล้วอย่าทิ้งวิไลน่ะ พี่ต้องรักวิไลนะ...”ผมนอนกอดเธออยู่ในท่านั้น หูอื้อตาลายเหนื่อยจนพูดอะไรไม่ออก "เรานอนกอดเกยกันอยู่นาน ตรงกลางเนินเนื้อนั้นมีรูกลวงโบ๋สีแดงซึ่งเกิดจากการบุกทะลวงของผมเมื่อครู่ยังไม่ ปิดสนิทดีนัก และยังมีรอยคราบเลือดจางๆ ใหลเยิ้มอยู่กับน้ำเมือกขาวๆ


….พ่อและทุกคนกลับมาตอนไหมผมไม่รู้ แต่ผมก็กลับมานอนที่ของตัวเองทัน ส่วนวิไลก็หลับสนิทหลังถูกผมทะลวงเปิดซิงไปเมื่อก่อนหน้า ทุกคนแยกย้ายเข้านอน โดยไม่ได้มาสนใจผมและวิไล นอกจากเดินมาก้มๆเงยๆดูอยู่นอกมุ้ง เมื่อเห็นผมหลับสนิทก็แยกย้ายกันไปนอน แล้วคืนนั้นก็ผ่านพ้นไป

.... เช้าวันต่อมาผมรีบตื่นและออกไปที่หนองน้ำเพื่อหาปลา กบเขียดไปตามเรื่อง เพราะไม่อยากเจอ วิไล แต่ขณะจับปลาเพลินๆอยู่นั้นผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคนมาจับเอวผม”ตกใจอะไรล่ะพี่ นี่วิไลเอง ดูสิขนลุกขนชันเลย ทำยังกับเจอผี ที่เมื่อคืนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย..”วิไลหัวเราะชอบใจ”พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ผี..”วิไลขยับเข้ามาใกล้แย่งข้องมาถือ แต่ผมก็พยายามดึงกลับ”มา...ส่งมา ให้วิไลช่วยถือ..”วิไลเข้ามานัวเนียกับผม”อย่า..ไม่เอาน่า วิไล ทำอย่างนี้มันไม่ดี เดี๋ยวใครมาเห็นมันจะไม่ดีนะ..”ผมพยายามเตือนสติวิไล แต่ทว่าเธอก็ไม่สนใจคำเตือนของผม”ใครจะเห็นก็ช่างหัวมันปะไร”ผมถอนหายใจ”คนที่จะเสียหายนะไม่ใช่พี่ แต่เป็นตัวของวิไลเองนะ...”วิไลมองหน้าผมแล้วยิ้ม”ไม่เห็นกลัวเลย ก็วิไลเสียให้พี่ไปหมดทั้งตัวตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว...”ผมส่ายหัว นึกเจ็บใจตัวเองไม่น่าเสียรู้ธรรมชาติเลยเมื่อคืนนี้”จะไปไหนล่ะพี่ รอวิไลด้วย..”ผมเดินหนีวิไลไปอย่างเสียอารมณ์”พูดจาอย่างงี้พี่ไม่คุยด้วยแล้ว เกิดเป็นลูกผู้หญิง ยังไงก็ต้องรักนวลสงวนตัวไว้บ้าง พูดอย่างนี้ ทำตัวอย่างนี้ มันเหมือนลดค่าลดราคาของตัวเองนะ” ผมเดินหนี วิไล กลับมาที่เรือน รู้สึกเหนียวตัวอยากอาบน้ำเลยถอดเสื้อผ้า ใส่ผ้าขาวม้า แล้วเดินไปที่โอ่งน้ำตรามังกรตักน้ำขึ้นมาอาบ...

....”วิไลช่วยถูหลังให้ไหมพี่....”เสียงวิไลพูดอยู่ข้างหลังผม ยังตามมาอีกหรอนี่”วิไล มาอยู่ตรงนี้ทำไม..”ผมเองตกใจไม่น้อย มองซ้ายมองขวา แล้วดันให้เธอเดินไปที่อื่น โธ่...เล่นไม่เลิกเสียแล้ว”วิไลมาทำไม ไป...รีบๆออกไปจากตรงนี้ก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า...”วิไลสะบัดแล้วทำหน้างอ”ทำไมต้องตกใจด้วย แล้วไล่วิไลทำไม ที่เมื่อคืนไม่เห็นไล่อย่างนี้เลย..”ผมอยากจะร้องไห้ ถ้ารู้ว่าวิไลจะมาวุ่นวายอย่างนี้ละก็ เมื่อคืนผมจะไม่แตะเธอเลย”ไปรอตรงแคร่ก่อน พี่จะอาบน้ำ..”ผมบอกวิไลแต่เธอดูจะไม่สนใจฟังคำของผม”วิไลก็รู้ว่าพี่จะอาบน้ำ แต่วิไลอยากเอาใจพี่นี่เลยจะช่วยอาบให้..”สาววิไลยื่นหน้ายื่นตามาใกล้ๆ ไม่ยอมไปง่ายๆ “ก้อใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะ...”ผมพยายามอธิบาย”ไม่ดีตรงไหน ดียิ่งกว่าดีเสียอีก ใครมาเห็นจะได้รู้ไปเลยว่าพี่กับวิไลเป็นอะไรกัน..”ผมถอนหายใจแล้วพูดว่าเธออย่างไม่พอใจ”พูดอย่างนี้ไม่เข้าท่าแล้วนะ ไม่น่ารักเลย”วิไลทำหน้าเสียเมื่อถูกผมดุ”ทีตอนนี้มาว่า วิไลไม่น่ารัก ทีเมื่อคืนนี้ วิไลจ๋ะวิไลจ๋า รู้งี้เมื่อคืนไม่น่ายอมก่อนเลย เก็บไว้ให้อยากจนลงแดงตายก่อนเลยก็ดี..”ผมเองก็ชักหมดความอดทน”ถ้าวิไลยังพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ พี่จะไม่คุยด้วยแล้วนะ ถ้ายังอยากคุยกับพี่ก็ไปนั่งรอที่แคร่นู่นเลย พี่ขออาบน้ำก่อน...”ผมพูดดุๆกับวิไล”แต่...”วิไลพยายามจะพูด แต่ผมทำหน้าดุเสียงดุชี้นิ้วไปที่แคร่”ไป...”วิไลก้มหน้าแล้วเดินกระทืบเท้าไปแบบไม่พอใจ...

....ผมหนีวิไลมาหลบนอนเล่นที่ห้างนาที่พ่อเช่าเอาไว้ปลูกข้าว ผมนั่งมองทุ่งนาที่มีข้าวออกรวงสีทองอร่ามเต็มท้องทุ่ง วาดฝันไปถึงรายได้หลังการเก็บเกี่ยว ในไม่ช้าเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เมื่อใช้หนี้ไอ้สองพ่อลูกจิตวิตถารแล้ว คงจะเหลือพอไปหมั้นหมายสร้อยได้ ในไม่ช้าวันที่ผมใฝ่และฝันที่จะได้อยู่ร่วมกับสร้อยก็จะมาถึง ขณะที่ผมนอนอยู่ก็มีมือมาปิดตา”ใครเอ่ย...ทายถูกโดนตบ ทายผิดให้หอมแก้ม..”มามุกนี้อีกแล้ว สร้อยน่ะเอง”ส้มโอ เพ็ญพิสุทธ์..มาให้พี่หอมซะดีๆ..”ผมลุกขึ้นกอดสร้อยและดึงมานั่งบนห้างเฝ้านาด้วยกัน และระดมจูบไม่ยั้ง..”พอๆๆก่อนพี่ เป็นอะไรอีกเล่านี่ ทำอย่างกับอดมาตั้งแต่ชาติที่แล้วเลย...”ผมยังไม่หยุด ระดมจูบขณะสร้อยก็ยกมือยันหน้าของผมไว้”แหม..พี่กำลังคิดถึงอยู่เลย มาขอชื่นใจให้หายคิดถึงหน่อย...”สร้อยสะบับจนหลุดจากมือผมแล้วยืนทำท่างอนๆ”นี่ถ้าพี่คิดแต่จะทำอย่างงี้ละก้อ สร้อยจะกลับแล้วนะ”ว่าแล้วเธอก็เดินไปที่จักรยานที่จอดอยู่ ผมวิ่งไปขวาง”พี่ไม่ให้ไป ดูนี่ก่อนพี่ชื้ออะมาให้..”ผมชูพวงกุญแจที่มีลูกโลกใบเท่านิ้วโป้งห้อยอยู่ให้สร้อยดู”อะไรนะ...”ผมยื่นส่งให้สร้อยและอธิบาย”โลกของพี่มีแต่สร้อย พวงกุญแจรูปลูกโลกนี่แทนความหมาย ว่าโลกทั้งใบพี่ให้สร้อยคนเดียวไง...”สร้อยยิ้มแล้วเอาห่วงคร้องใส่ลูกกุญแจ”งั้นสร้อยจะเก็บติดตัวไว้ตลอดเลย ขอบใจนะพี่ ที่ให้ของมีความหมายอย่างนี้กับสร้อย”ดูท่าเธอจะพออกพอใจไม่น้อย...

....ผมจูงมือสร้อยมานั่งที่ห้างนา ผมชี้ให้เธอดูข้าวที่ออกรวงเป็นสีทองอร่ามเต็มท้องทุ่ง”สร้อยดูสิ อีกไม่กี่วัน นาของพี่ก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว ถึงตอนนั้นนะ หลังจากใช้หนี้แป๊ะฮงแล้ว ที่เหลือพี่จะเอาไปสู่ขอสร้อย คราวนี้เราไม่ต้องหลบๆซ่อนๆกันอีกแล้ว”สร้อยซบตัวมาในอ้อมแขนของผมที่โอบตัวเธอไว้”แต่ไม่รู้ว่าพ่อของสร้อยจะเรียกสินสอดจากพี่แพงไหม”สร้อยขยับตัวเข้ามาในอ้อมแขนของผมเหมือนจะออดอ้อนให้รัก”ใช้หนี้แป๊ะฮงอย่างเดียวก็พอ สร้อยคุยกับพ่อและแม่แล้ว พ่อบอกว่าถ้าเราสองคนรักกันจริงๆ พ่อก็ไม่ว่า สินสอดทองหมั้นนะเรื่องเล็ก ขอแค่ทำตามประเพณีก็พอ”ผมกอดสร้อยแน่นและหอมไปบนเส้นผมของเธอ”จริงๆหรอสร้อย พ่อของเธอพูดอย่างนั้นจริงๆรึ”สร้อยพยักหน้ายิ้มอย่างสุขใจ”จริงสิพี่..นี่คงเป็นเพราะเมื่อวานพี่ไปพิสูทธ์ตัวเองว่าพี่รักสร้อยอย่างจริงใจให้พ่อกับแม่ได้เห็น เขาเลยยอมรับความรักของเราน่ะ...”ผมหอมแก้มสร้อยฟอดใหญ่”ชื่นใจของพี่จริงๆ...”ผมนั่งมองท้องนายิ้มระรื่นสุขใจ ทุ่งรวงทองยามนี้คือความหวังทั้งมวลของผม มันจะนำพาหนี้ก้อนโตจากไป และจะนำพาสาวคนรักมาเคียงข้างผม..

.....เมื่อดอกข้าวบานและมีการผสมเกสรแล้วหนึ่งสัปดาห์ ภายในที่ห่อหุ้มด้วยเปลือกนอกใหญ่ก็จะเริ่มเป็นแป้งเหลวสี่ขาว ในสัปดาห์ที่สองแป้งเหลวนั้นก็จะแห้งกลายเป็นแป้งค่อนข้างแข็ง และในสัปดาห์ที่สามแป้งก็จะแข็งตัวมากยิ่งขึ้น เป็นรูปร่างของเมล็ดข้าวกล้อง แต่มันจะแก่เก็บเกี่ยวได้ในสัปดาห์ที่สี่นับจากวันที่ผสมเกสรจึงเป็นที่เชื่อถือได้ว่า เมล็ดข้าวจะแก่พร้อมเก็บเกี่ยวได้หลังจากออกดอกแล้วประมาณ 30 - 40 วัน

....อีกไม่นานเมื่อถึงปลายฤดูฝน และย่างเข้าต้นหน้าหนาว อากาศเริ่มเย็นลง ข้าวเบาเริ่มสุกพร้อมจะเก็บเกี่ยวได้ ข้าวเบาคือข้าวสุกก่อน ข้าวที่สุกต่อมาในช่วงเดือนอ้าย(มกราคม)คือข้าวกลาง ส่วนที่สุกในช่วงเดือนยี่(กุมภาพันธ์)เป็นลำดับสุดท้ายคือข้าวหนัก พ่อมักจะมานำเอาข้าวที่เกี่ยวในครั้งแรก 5 – 6 กำมือมาตากแดดก่อน และนวดออกมาจนได้ข้าวเปลือก จากนั้นจะตำด้วยมือจนได้ข้าวสารและนำไปหุงเป็นข้าวสวย ก่อนจะนำไปทำบุญตักบาตร เพราะเชื่อว่าจะเป็นการ อุทิศส่วนบุญกุศลแด่แม่โพสพและปู่ย่าตายาย และจะเป็นมงคลให้ผลผลิตข้าวได้เต็มที่ ไม่มีโรคภัย และสัตว์ต่างๆ เช่น นก หนู หนอนและแมลงร้ายมาเบียบเบียนด้วย...

....ชาวนาในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ใช้เคียวสำหรับเกี่ยวข้าวที่ละหลายๆ รวง ส่วนชาวนาในภาคใต้ใช้แกระสำหรับเกี่ยวข้าวที่ละรวง เคียวที่ใช้เกี่ยวข้าวมีอยู่ ๒ ชนิด ได้แก่ เคียวนาสวนและเคียวนาเมือง เคียวนาสวนเป็นเคียววงกว้าง ใช้สำหรับเกี่ยวข้าวนาสวน ซึ่งปลูกแบบปักดำ แต่ถ้าผู้ใช้มีความชำนาญก็อาจเอาไปใช้เกี่ยวข้าวนาเมืองก็ได้ ส่วน เคียวนาเมือง เป็นเคียววงแคบและมีด้ามยาวกว่าเคียวนาสวน เคียวนาเมืองใช้เกี่ยวข้าวนาเมือง ซึ่งปลูกแบบหว่าน ข้าวที่เกี่ยวด้วยเคียวไม่จำเป็นต้องมีคอรวงยาว เพราะข้าวที่เกี่ยวมาจะถูกรวบมัดด้วยตอซังหรือตอกไม้ไผ่ เป็นกำๆ ส่วนข้าวที่เกี่ยวด้วยแกระ จำเป็นต้องมีคอรวงยาว เพราะชาวนาต้องเกี่ยวเฉพาะรวงที่ละรวงแล้วมัดเป็นกำๆ ซึ่งเรียกว่า เรียง ข้าวที่เกี่ยวด้วย แกระ ชาวนาจะเก็บไว้ในยุ้งฉางซึ่งโปร่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และจะทำการนวดเมื่อต้องการขายหรือต้องการสีเป็นข้าวสาร ข้าวที่เกี่ยวด้วยเคียวชาวนาจะทิ้งไว้บนตอซังในนา เพื่อตากแดดให้แห้งเป็นเวลานาน 3 - 5วัน หรือจะตากบนราวไม้ไผ่ก็ได้แล้วจึงขนมาที่ลานสำหรับนวด ข้าวที่นวดแล้วจะถูกขนย้ายไปเก็บไว้ในยุ้งฉางหรือส่งไปขายที่โรงสีทันที....

....ขณะผมนั่งกอดกับสร้อยและฝันหวานกันอยู่นั้นพ่อก็กระแอมเบาๆขัดจังหวะจากข้างหลัง เราสองคนรีบผละจากกัน สร้อยหน้าแดงยิ้มเขินๆ ส่วนผมรีบนั่งตัวตรงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”แหมเป็นหนุ่มเป็นสาวนี่มันดีนะ นั่งพลอดรักกันได้ทั้งวัน ช่างน่าอิจฉาในความสุข...”พ่อแซวเราสองคนพร้อมรอยยิ้ม”พ่อมาเกี่ยวข้าวแรกหรอ...”ผมถามเมื่อพ่อวางกระบุงที่มีรวงข้าว 4 – 5กำมืออยู่ข้างใน พ่อพยักหน้า”ข้าว่าปีนี้เราคงจะลืมตาอ้าปากได้แล้ว แหมมันแล้งบ้างน้ำท่วมบ้างมาหลายปีเหลือเกิน”พ่อมองทุ่งข้าวอย่างมีความหวัง ดวงตาส่งประกายความสุข”แหม...พ่อบอกเสมอนี่ ว่าคนเรามันไม่แพ้ตลอดไปหรอกถ้าเรายังสู้ นี่ผลแห่งการเพียรพยายามสู้ของพ่อกำลังออกดอกออกผลแล้ว...”พ่อหันมายิ้มให้ผม”อื่มม...วันนี้เอ็งพูดรื่นหูข้าจังเลยวะ เอาละข้ากลับก่อนนะ เอ็งสองคนนั่งจีบกันไปเหอะ ข้าไม่อยู่เป็นก้างขวางคอหรอก”แล้วพ่อก็แบกกระบุงเดินกลับบ้านไป....

....ผมกับสร้อยนั่งคุยกัน หยอกเย้าบ้างไปตามประสา จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็ใกล้ค่ำแล้วสร้อยก็ขอตัวจะกลับบ้าน แต่ขณะสร้อยจะขี่จักรยานไปผมก้นึกขึ้นได้”เดี๋ยวสร้อย พี่ลืมไปเลย พี่ว่าจะฝากปลาช่อนไปให้สร้อยทำกับข้าวให้พ่อกับแม่ของสร้อยด้วย”ผมบอกสาวคนรักและยกข้องใส่ปลายื่นให้เธอ”ไอ้ช่อนตัวเบ้อเล้อเลย พี่จับได้เมื่อบ่ายนี้เอง..”สร้อยเปิดฝาข้องดู ปลาช่อนดิ้นขลุกขลักอยู่ข้างใน “น่าสงสารจังเลยพี่ ปลาตัวนี้ สร้อยขอนะ...”ผมแปลกใจในคำพูดของสาวคนรัก”ก็พี่ให้สร้อยอยู่แล้วนี่ จะขอทำไมอีกล่ะ”สร้อยพูดแล้วเดินหิ้วข้องไปที่ริมน้ำตรงคันนา และคุกเข่านั่งลงพร้อมกับพนนมือไห้ว”ขอบุญกุศลในการปล่อยปลาตัวนี้...ช่วยให้พี่รักสร้อยคนเดียวไปนานๆนะ...”แหมใจบุญจริงแฟนของผมแถมเข้าใจอธิฐานเสียด้วย แต่ขณะสร้อยจะปล่อยปลาลงน้ำ ผมก็เข้าไปขวางไว้”เดี๋ยวก่อนสร้อย รอเดี๋ยว”สร้อยมองผมอย่างงงๆ”มีอะไรหรอพี่...”ผมยกมือไห้วอธิฐานด้วย”ขอบุญกุศลครั้งนี้ ช่วยดลให้สร้อยรักพี่ไปตลอดกาลคนเดียวด้วยนะ..”แล้วเราสองคนก็ยิ้มให้กัน แล้วจับมือปล่อยปลาตัวนั้นลงน้ำพร้อมกับและหันมามองหน้าสบตา ต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข....

....ฝนสั่งฟ้าตกลงมาหลายวันติดต่อกัน ผมนั่งอยู่ในเรือนมองฝนตกโดยไม่รู้ว่าจะไปไหน ขณะนั่งเพลินๆก็ต้องสะดุ้งเมื่อวิไลมากอดตัวผมจากด้านหลัง”นั่งคิดถึงใครเล่าพี่...”ผมตกใจรีบแกะมือของเธอออก”อย่าน่าวิไล อย่าทำอย่างนี้ เดี๋ยว ใครมาเห็นเข้าจะเกิดเรื่องนะ...”วิไลละมือจากเอวแล้วมานั่งงอนๆข้างผม”ทีวิไลทำอย่างนี้กลัวใครเห็น ทีพี่ไปกอดพรอดรักกับนังคนชื่สร้อยที่ห้างนาไม่กลัวใครมาเห็น ใช่ซิ...วิไลมันคงไม่ใช่คนสำคัญ เป็นแค่ของว่างให้พี่กินรองท้อง...”ผมตกใจมองดูรอบตัวด้วยกลัวใครจะได้ยิน”วิไล...อย่าพูดอย่างนี้นะ ใครมาได้ยินเรือนพังแน่...”วิไลมองค้อน”ถ้าเรือนจะพังนะ มันพังตั้งแต่คืนที่พี่กระแทกวิไลแล้ว...”ไปกันใหญ่แล้ว ผมเกาหัวที่ดันพลาดไปในคืนนั้น”พี่ว่าเราอย่าเพิ่งคุยกันเลย เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะ”วิไลยิ้ม และเข้ามาซบไห่ลของผม”วิไลไม่พูดก็ได้ แต่คืนนี้วิไลขออีกนะ...”วิไลมองผมตาหวานเยิ้ม พยักหน้าให้ผมและชูนิ้วหนึ่งนิ้ว”นะ..นะ...นะ....”ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่.....

....ขณะเรานั่งอยู่รถของครูสมบูรณ์ก็วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าเรือน ครูหนุ่มเปิดประตูวิ่งฝ่าฝนเข้ามาพร้อมกับสร้อยแล้วตะโกนเรียกเรียกหาผม พ่อและทุกคนออกไปดู”ที่นาตรงท้ายคลองชลประทานนั้นใช่ที่ของนายหรือเปล่า...”ครูหนุ่มถามผม”ใช่แล้วมีอะไรหรอ...”สร้อยตะโกนแข่งกับเสียงฝนบอกผม”พวกไอ้เม้งมันแกล้งพี่อีกแล้ว พวกมันไปชักน้ำเข้านาของพี่ พอดีครูเขาขับรถผ่านไปเห็น รีบไปดูเหอะ เดี๋ยวน้ำจะท่วมข้าวตายหมด..”พ่อและทุกคนได้ยินก็ตกใจกันถ้วนหน้า ผมรีบวิ่งฝ่าฝนไปยังที่นาก่อนใคร พอไปถึงก็แทบหมดแรง ต้นข้าวถูกน้ำท่วมล้มไปจนเกือบหมด พ่อ แม่และอาจันที่ตามมาถึงกับอ้าปากค้าง”หมดกัน...หมดตัวกันแล้วคราวนี้...”แม่คร่ำครวญนั่งลงร้องไห้”ไอ้เม้งมันต้องแกล้งเราแน่ๆ มันท่วมแต่ที่นาของเราที่เดียว”ผมหันไปบอกพ่อ”อย่าเพิ่งโทษใครไป กล่าทโทษคนมันต้องมีหลักฐาน “ผมถึงกับโวยวายเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ผลเก็บเกี่ยวปีนี้มันคือความหวังทั้งมวลของบ้านเรา แล้วจู่ๆต้องมาพังลงต่อหน้าต่อตา”ยังจะเอาหลักฐานอีกหรอพ่อ พวกมันไม่เคยหยุดราวีพวกเราเลย ฉันจะไม่ทนอีกแล้ว ฉันจะไปฆ่าล้างโคตรมันเลยวันนี้.....”ผมทำท่าจะตรงไปที่บ้านของแป๊ะฮง ทุกคนฉุดมือห้ามไว้ “เดี๋ยวก่อน ข้าวยังเสียหายไม่มาก มาช่วยกันกู้นาข้าวกันก่อนดีกว่า”ครูหนุ่มบอก”แล้วจะทำยังไงกันล่ะ”พ่อถามครูหนุ่ม”ช่วยกันวิดน้ำออกและพังคันนาระบายน้ำ...”แล้วพวกเราก็ลงไปช่วยกันวิดน้ำออก ผมถีบคันนาให้พังเพื่อระบายน้ำออก เจ้าคมและชาวบ้านที่ผ่านต่างเข้ามาช่วยกันอีกหลายคน จนใกล้ค่ำฝนก็หยุดตก...

....”พอเถอะพี่...ทำไปก็ป่วยการเปล่า ต้นข้าวมันเน่าตายหมดแล้วพี่...”เจ้าคมมาฉุดแขนให้หยุด ผมตะโกนลั่นด้วยความเจ็บใจ แล้วถีบคันนาระบายความแค้นในใจ”ไอ้เม้ง ไอ้ฮง ไอ้พวกชิงหมาเกิด....”ผมทรุดตัวนั่งลงร้องไห้อย่างไม่อายใครสร้อยและเจ้าคมมาช่วยกันประคองผมขึ้นมานั่งที่ข้างทาง พ่อลูบหัวปลอบใจผม”ต้องเป็นฝีมือของมันแน่ๆ...”ผมบอกทุกคน”ฝีมือใครกันว่ะ โห...น้ำท่วมข้าวตายหมดเลย น่าสงสารจังเลย...”เสียงไอ้เม้งดังมา พอผมหันไปดูก็เห็นแป๊ะฮงเดินคู่มากับไอ้เม้งมีลูกน้องกางร่มให้ มันยืนดูที่นาของผมแล้วหัวเราะพร้อมกับส่ายหัว”หมดตัวแน่ๆพวกลื้อนี่ อั๊วะบอกแล้วที่ของลื้อมันแรง บารมีของพวกลื้อมันไม่พอให้เป็นเจ้าของ ไม่งั้นลื้อก้จะเจออาเพศอยู่อย่างนี้..”ผมสุดทนกับคำเยาะเย้ยของมัน”เออ...พวกกูเจออาเพศ แต่มึงต้องเจอส้นตีนของกู...”ผมยกเท้าจะกระโดดถีบปากมัน แต่ทุกคนรีบเข้ามาจับตัวผมไว้”เฮ้ย...ลื้อนี่มันชักจะกำแหงหาญใหญ่แล้ว ก้าวร้าวไม่รู้ใครอาวุโสใครเป็นเด็ก ลื้อสั่งสอนลูกกันบ้างสิวะ..”พ่อเดินมาเผชิญหน้ากับแป๊ะฮง”ข้าถามจริงๆแป๊ะฮง ทำไมต้องแกล้งกันถึงขนาดนี้..”แป๊ะฮงทำหน้าตาเหรอหรา”บ้าแล้ว...บ้าแล้วพวกลื้อนี่ ใครเขาจะไปแกล้งพวกลื้อ กล่าทหากันอย่างนี้ แรงนะนี่...”ครูสมบูรณ์เดินเข้ามาร่วมวงด้วย”ผมเห็นตอนขับรถผ่านมาว่าลูกชายแป๊ะเป็นคนสั่งลูกน้องให้ชักน้ำเข้านาตรงนี้..”แป๊ะฮงหยีตามองครูหนุ่ม”อย่ามาพูดพล่อยๆใส่ความลูกชายอั๊วะนา คุณครู เห็นเป็นครูบาอาจารย์นะ อั๊วะจะไม่ถือ แต่ถ้ายังพูดอีก อั๊วะจะไม่เกรงใจแล้ว...”ผมเดินเข้าหาจะเอาเรื่องอีก ทุกคนช่วยรั้งตัวกันไว้”นาของกูฉิบหายหมดขนาดนี้ จะมีฝีมือใคร ถ้าไม่ใช่ไอ้เม้ง แล้วคนให้ท้ายคอยวางแผนจะเป็นใครไปได้นอกจากมึง ไอ้ฮง...”แป๊ฮงชี้ไม้ตะพดมาที่ผม”ลื้อพูดดีๆ อันที่จริงฝนก็ตกมาตั้งหลายวันไม่ได้หยุดน้ำมันก็ท่วมเป็นธรรมดานะสิ พอมันท่วมพวกลื้อดันมาโทษอั๊วะ พวกลื้อนี่มันมั่วกันจริงๆ”พ่อมองแป๊ฮงแล้วเค้นเสียงถาม”แล้วทำไมมันท่วมแต่ที่นาของข้าล่ะ..”แป๊ะฮงอึกอัก ตอบเลี่ยงๆ”จะไปรู้เรอะ อั๊วะไม่ใช่เทวดานี่หว่า...”ผมสุดทนอีกครั้งวิ่งจะไปเอาเรื่องแต่ทุกคนช่วยกันลากกลับ ผมตะโกนด่าใส่พวกมัน”คอยดูเถอะพวกมึง กรรมชั่วที่พวกมึงทำกับกูจะสนองตอบพวกมึงอย่างสาสมแน่...”ผมพยายามดิ้นเข้าไปเอาเรื่องพวกไอ้เม้งให้ได้แต่ครู เจ้าคม พ่อและอาจันก็ลากผมไปขึ้นรถ สร้อยก็มานั่งข้างๆ”พอเถอะพี่ โว้ยวายไปก็เท่านั้น ไปคิดหาทางแก้ไขกันเถอะ...”ผมถอนหายใจ นั่งนิ่งหมดอาลัยตายอยาก”ก็พี่หมดตัวแล้ว จะไปแก้ไขอะไรกันได้อีกเล่า...”

....ผมมานั่งอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ครูสมบูรณ์ขอตัวกลับไปก่อน อาจัน แม่และ วิไลนั่งอยู่บนเรือน พ่อยืนดูหมู่บ้านจากเนินหน้าเรือน ส่วนเจ้าคมนั่งอยู่ข้างๆคอกควาย สร้อยนั่งหน้าเศร้าข้างๆผม พยายามลูบเนื้อลูบตัวปลอบโยนผม ถ้ามีเวลาใส่ใจสักหน่อยผมคงได้เห็นสายตาริษยาต่อสร้อยที่มีของวิไล “พี่อย่ายอมแพ้นะ พี่ต้องสู้ต่อไป สู้เพื่อทุกคนและเพื่อสร้อยด้วย”สร้อยพูดให้กำลังใจผม”อะไรที่แล้วมา ก็ให้มันแล้วกันไปเถอะพี่ ชีวิตของเราต้องดำเนินต่อไป..”ผมมองหน้าสาวคนรักแล้วพูดเสียงคลือๆ”พี่จะเอาอะไรมาสู้ ทุกอย่างมันสูญสิ้นไปหมดแล้ว พี่ไม่เหลืออะไรมาสู้อีกแล้ว”เจ้าคมเดินมาใกล้ๆ”พี่อยากจะเป็นวีรบุรุษของบ้านนางรอง เจอแค่นี้ก็ถอยแล้วเรอะ ถ้าพี่ยอมแพ้แล้วพี่จะไปทำอะไร..”ผมเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย พลันสายตาก็มองไปเห็นกลุ่มคนควบม้าเหยาะตรงมายังบ้านผม....

....กลุ่มชายควบม้าตรงเข้ามาหยุดที่หน้าเรือน ทุกคนแต่งตัวเหมือนเคาบอยในหนังกางแลงที่เราเคยดู แต่สภาพขอบอกว่าโสโครกมากๆ ไม่เท่ส์เหมือนในหนัง พอชายที่ลงจากม้าตัวหน้าดันปีกหมวกเผยใบหน้า พ่อมองเห็นถึงกับอุทานว่า”พี่พาย...”ชายวัยสี่สิบกว่าๆรูปร่างล่ำสันหัวเราะเบาๆ”มึงยังจำกูได้รึ...”ผมมองแล้วตะลึง กลุ่มคนที่มายืนเป็นสิบนี่ คือเสือพาย เสือร้ายที่ลือชื่อ และมันกำลังจะมาปล้นหมู่บ้านนี้ ชายที่ถูกเรียกว่าเสือพายเดินไปหยุดที่ข้างหน้าของพ่อ”กี่ปีแล้ววะที่มึงออกจากชุมโจรของกูมา”พ่อดูจะนอบน้อมมากกับชายที่เป็นเสือร้ายคนนี้ และดูสนิทกันมากอีกด้วย และที่สำคัญผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อเคยเป็นโจรมาก่อน”เอ่อ...เกือบๆ20ปีแล้วจ้าพี่...”เสือพายเดินมามองหน้าผม”ไอ้หนุ่มนี่ใคร หน้าตาดี หน่วยก้านดี ท่าทางดุเอาเรื่องนะ”พ่ออึกอักแล้วเดินมายืนข้างๆเสือพาย”ลูกชายฉันจ๊ะ..”แล้วพ่อก็หันมาบอกผม”ไห้วลุงเขาสิ...”ผมมองตากร้าว”ฉันไม่ไห้วพวกโจรที่มันปล้นเขากินและสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านหรอก”พ่อหน้าเสีย สร้อยตีแขนของผม”พูดอะไรนะพี่..”เสือพายหรี่ตามองผมแล้วหัวเราะ”แหม...ปากกล้าดีจังไอ้หนุ่ม แหมปากดีอย่างนี้ไม่น่าอยู่รอดจนโตมาได้ขนาดนี้เลยนะมึง...”พ่อระล่ำระลักบอกเสือพาย”อย่าโกทธเลยพี่ ลูกฉันมันยังเด็กอยู่ ฉันขอโทษแทนมันด้วย”เสือพายโบกมือ”เออ...ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือหรอก เด็กหนุ่มมันก็อย่างนี้แหละ”เสือพายเดินหันหลังไปมองหมู่บ้านจากเนิน”มึงคงรู้แล้วว่ากูมาทำไม”พ่อก้มหน้านิ่ง”กูจะมาปล้นหมู่บ้านนี้ แต่กูจะไม่ให้ลูกน้องของกูแตะบ้านมึงเลย ถ้ามึงไม่ขัดขวางพวกกู...”เสือพายบอกพ่อตรงๆ”เอ่อ..ฉัน...”เสือพายตบบ่าพ่อ”มึงก็รู้ว่ากูพูดตำไหนคำนั้น ตอนมึงขออกจากชุม มึงขอกูและให้สัญญาว่าจะไม่บอกใครว่ากูอยู่ไหน และมึงก็ทำตามสัญญามากว่า 20 ปี กูนับถือน้ำใจมึงมาก เอาล่ะ กูจะกลับแล้วอยู่นานไม่ได้ กูขอย้ำว่า ข่าวการมาของกูและการเข้าปล้นของกูจะไม่มีมึงเข้ามาขัดขวาง..”แล้วกลุ่มเสือพายก็ควบม้ากลับไป พ่อมองตามแล้วถอนใจ..
.
....พ่อนั่งเหม่อมองคนเดียวไปยังหมู่บ้าน ผม สร้อยและเจ้าคมเดินไปนั่งข้างๆ พวกเรามองจากเนินลงไปยังหมู่บ้าน พ่อสูดลมหายใจลึกๆ”ข้าวกำลังเต็มนาเลย เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วทุกคนก็จะมีเงิน และเมื่อนั้นพวกโจรก็จะเข้ามาปล้น...”สีหน้าพ่อดูกังวล”ฉันอยากให้พวกมันปล้นและเผาบ้านไอ้ฮงกับไอ้เม้งที่เดียวจังเลย”ผมบอกความในใจต่อทุกคน”เอ...ลุง..ที่เสือพายบอกว่าลุงเคยเป็นพวกมันมาก่อนจริงรึ...”สร้อยถามอย่างสงสัย”ใช่แล้วลุง ทำไมพวกเราไม่เห็นรู้เรื่องเลย..”เจ้าคมชิดเข้ามาแล้วช่วยถาม พ่อนั่งนิ่งสักพัก”มันนานมาแล้ว ตั้งแต่ข้ายังหนุ่มอยู่เลย ข้าถูกบีบจากชาวบ้านทำให้โกทธแค้นหนีเข้าป่าไปเป็นโจร ข้าเข้าสังกัดเสือพาย ออกปล้นเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาจนได้เป็นมือขวาของเสือพาย...”ผมนั่งฟังนิ่ง ตั้งแต่จำความได้ พ่อไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้เลย”ต่อมาข้าออกปล้นและถูกตำรวจไล่จับ ข้ากับเสือพายแยกกันหนี แล้วข้าไปหลงป่า ข้าหลงป่าอยู่หลายวัน หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย จนกระทั่งหลุดออกมาได้..”พ่อเล่าด้วยดวงตาที่แจ่มใสราวกับเรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อวาน ทุกคนนั่งนิ่งฟังพ่อเล่าต่อโดยไม่ขัด”ข้ากระหายน้ำมาก ข้าเดินมาเจอลำคลองก็ก้มดื่มอย่างกระหาย หลังดื่มน้ำในลำคลองจนพอ ข้าก็เงยหน้าถึงรู้ว่าข้างๆ มีผู้หญิงกำลังอาบน้ำอยู่ ตอนนั้นข้ายอมรับผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ผู้หญิงนุ่งผ้าถุงตัวเดียว แล้วมองหน้าข้างงๆ แต่ขณะนั้นก็มีงูเลื้อยขึ้นมาจากน้ำตรงมาที่ผู้หญิงคนนั้น เสียงร้องกรี๊ด ผู้หญิงคนนั้นตกใจวิ่งหนีจนผ้าถุงหลุด”พวกเราเงียบนิ่งนั่งฟัง”แล้วไงต่อละพ่อ..”ผมถาม พ่อหันมามองผม”แล้วเขาก็กลายมาเป็นแม่เอ็งยังไง..”พ่อพูดจบพวกเราก็หัวเราะครืน แต่พ่อยังเล่าต่อ”จากนั้นข้าก็ถอนตัวเลิกเป็นโจร และกลับมาปักหลักอยู่ที่นี่จนมีเอ็งนี่แหละ...”

....”แล้วพ่อจะทำยังไงล่ะถ้าเสือพายเข้าปล้นหมู่บ้านนี้...”พ่อเงียบ แล้วลุกขึ้นยืน พวกเราลุกขึ้นตาม “แล้วถ้าเป็นเอ็งล่ะ เอ็งจะทำอย่างไง...”ผมมองไปที่หมู่บ้าน แล้วสูดลมหายใจลึกๆ”ถ้าพวกชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือจากฉัน ฉันก็พร้อมจะช่วยนะพ่อ...แล้วพ่อละ...ผมถามกลับไป พ่อนิ่งสักครู่” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็ยังคิดเหมือนเอ็งนั่นแหละ...”

เดชแม่ยายBYนีโอ ตอนที่ 2

เดชแม่ยายBYนีโอ   ภาคปฐมบท  ฉบับ  ยกเครื่อง  2
....ผมกับเจ้าคมขนปลามาถึงตลาด  เราสองคนหาที่วางปลาที่ใส่กาละมังขาย  เนื่องด้วยปลาตัวใหญ่และผมขายไม่แพง  ในไม่ช้าปลาก็ใกล้หมด”โอ้ว....ไอ้คมได้หลายร้อยเลยว่ะ  ถึงไม่ได้เยอะขนาดตอนเล่นไฮโลว์ทำไมมันภูมิใจจังว่ะ”เจ้าคมก็ยิ้มดีใจด้วย”อย่างงี้พี่ก็มีเงินพาพ่อไปหาหมอแล้วล่ะสิ  ตอนแรกนึกว่าพี่จะชวนผมไปเขย่าไฮโลว์หาเงินรักษาพ่อพี่เสียอีก  คิดอย่างไงถึงอยากเป็นคนดีล่ะพี่...”ผมมองมันเคืองๆ “ไอ้วรนุชเอ้ย..เดี๋ยวกูถีบกระเด็น  ทำไมกูจะหาเงินสุจริตบ้างไม่ได้เลยรึ  มึงคอยดูต่อไปนี้กูจะตั้งหน้าตั้งตาหาเงินและเก็บๆๆๆๆ กูจะเอาไปขอสร้อยโว้ย...”เจ้าคมมองผมแล้วขมวดคิ้ว “พี่..ยังไม่เลิกฝันอีกหรอ  พ่อของสร้อยเขายื่นคำขาดแล้วน่ะ”ผมสั่นหัวแล้วลุกขึ้นยืน”กูไม่กลัว  กูไม่เคยหวั่น  อะไรก็ขวางความรักของกูกับสร้อยไม่ได้..แม้นแต่พ่อของสร้อย....”เจ้าคมทำหน้าเสียมองไปข้างหลังผม”อ้าว..นั่น...พ่อของสร้อยมาพี่...”ผมสะดุ้งรีบหันตามไปดูก็รู้ว่าไอ้คมมันหลอก”โธ๋...ไอ้ชิบหาไม่เจอเอ้ย...น่าถีบจริงๆเมิงเนี๋ยะ...”ผมยกเท้าประกอบคำพูด  เจ้าคมหลบแล้วหัวเราะ”ไหนว่าพี่ไม่กลัวไง....”

....ในกาละมังเหลือปลาอยู่ไม่กี่ตัวผมนั่งนับเงินได้ประมาณ600กว่าๆ  แต่ทว่าขณะจะเอาเงินยัดใส่กระเป๋า  ไอ้เม้งและพรรคพวกของมันก็เดินเข้ามา  ไอ้เม้งมองดูกาละมังใส่ปลาแล้วมองหน้าผม”มาขายของที่นี่หรอ  จ่ายค่าที่รึยัง”ผมลุกขึ้นยืนแล้วจ้องตาหยีๆของมัน”จ่ายไม่จ่ายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึงล่ะ”ไอ้เม้งเอาตีนเขี่ยกาละมังของผม”เกี่ยวสิ  นี่มันตลาดของเตี๋ยกู  และกูมีหน้าที่เก็บค่าเช่า  มึงเอาของมาขายกูก็ต้องเก็บ”ผมมองไปรอบๆแม่ค้าพ่อค้าทั่วไปต่างหลบตาเป็นแถว”แล้วเท่าไหร่ล่ะ”ไอ้เม้งยิ้มกวนๆ”มึงขายได้เท่าไหร่กูก็เก็บเท่านั้น...”ผมรู้ได้ทันทีว่างานนี้มันมาหาเรื่องแน่นอน”อ้าว...อย่างงี้มันหาเรื่องนี่หว่า  มีที่ไหนว่ะขายได้เท่าไหร่เก็บเท่านั้น”ผมถามมันตรงๆ”แล้วมึงคิดว่ากูมาชื่นชมมึงหรอ  จะจ่ายไม่จ่าย  ไม่จ่ายโดนตีนน่ะ...”ไอ้เม้งพูดจบ  ลูกน้องของมันก็ขยับตัวมาล้อมผมกับเจ้าคม  ท่าทางได้มีเรื่องแน่ และพวกมันก็เยอะกว่าเสียด้วย”กูไม่จ่าย  ทำอย่างงี้มันปล้นกันชัดๆ  มีเรื่องก็มีกูไม่กลัวหรอก”...

....พวกไอ้เม้งเข้ามารุมผมทันทีที่สิ้นเสียงไอ้เม้งสั่ง  แน่นอนพวกของมันเยอะกว่าผมกับเจ้าคมไม่ช้าก็ถูกรุมอัดรุมเตะ  ทว่าขณะผมกำลังแย่  พวกพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของในตลาดก็สุดทนต่างวิ่งกรูมาช่วยผมกับเจ้าคม”ทนไม่ไหวแล้วโว้ย...พวกเราช่วยไอ้สองคนนี่หน่อย”เสียงพ่อค้าคนหนึ่งบอก”แม่งกดขี่รีดไถพวกเรามานานแล้วเอามันเลย”และไอ้เม้งกับลูกน้องก็ถูกรุมกระทืบสะบักสะบอม  ก่อนที่ไอ้เม้งจะถูกผมเอากาละมังตีหัว  ก็มีเสียงห้ามจาก แป๊ะฮง กับ ผู้ใหญ่สิงห์  ที่เข้ามาช่วยกันห้ามและระงับเหตุ”หยุดโว้ยยย...พอๆๆๆ หยุดกันก่อนนี่มันอะไรกัน...”ผู้ใหญ่สิงห์ตะโกนลั่น  แป๊ะฮงวิ่งมาประคองไอ้เม้งที่นอนหน้าตาบวมปูด  แป๊ะฮงมองลูกชายแล้วหันมามองผม”ลื้ออีกแล้วเรอะ  นี่ลื้อจะจองเวณหาเรื่องลูกชายอั๊วะไปถึงไหนกันว่ะ...”แป๊ะฮงโวยวายใส่ผมทันที.....

....พ่อค้าแม่ค้าได้ฟังก็ช่วยแก้ตัวให้ผม”ไอ้หนุ่มนี่ไม่ได้หาเรื่องหรอก  ลูกชายแป๊ะฮงต่างหากหาเรื่อง  ไอ้หนุ่มนี่มาขายปลาดีๆ  ลูกชายแป๊ะฮงก็มาเก็บค่าที่  แล้วจะเอาเงินที่เขาขายได้ทั้งหมดเป็นค่าที่  เขาไม่ยอมจ่ายให้ก็รุมทำร้ายเขา  ไม่ใช่เจ้าหนุ่มนี่รายแรกนะ มีมาก่อนหน้าหลายรายแล้ว  พวกเราสุดทนเลยเข้าช่วยนะ”แป๊ะฮงมองหน้าไอ้เม้งที่ยิ้มแหย่ๆ  แล้วกวาดตาหยีๆมองไปทั่ว”ใครเห็นว่าไอ้เม้งผิดบ้าง  ยกมือซิ...”ชาวบ้านที่ยืนอยู่ต่างยกมือกันหมด  อื่มมม...แป๊ะฮงกวาดตาหยีๆมองไปรอบๆแล้วกัดฟันก่อนหันหลังเดินออกตรงนั้นไป ทำให้ไอ้เม้งต้องรีบวิ่งตาม เสียงแป๊ะฮงบ่นลูกชาย”อาเม้งน่ะอาเม้ง  ลื้อนี่มันหาเรื่องแท้ๆ  ครั้งนี้อั๊วะอายจริงๆ  อั๊วะจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน  ลูกชายของอั๊วะถูกพ่อค้าแม่ค้ารุมกระทืบในตลาดของตัวเอง”ไอ้เม้งตามไปแก้ตัวและพาลลงไปที่ลูกน้องของมัน” ก็เพราะอั๊วะเลี้ยงลูกน้องฝีมือกระจอกน่ะสิ  ถึงพลาดอย่างงี้”มันยังหันมามองผมและชี้หน้าก่อนขึ้นรถไปกับพ่อของมัน....

....ผู้ใหญ่สิงห์เห็นสองพ่อลูกพิสดารกลับไปแล้ว  ก็หันมาบอกทุกคนให้แยกย้ายกันไปขายของ  ก่อนจะกลับผู้ใหญ่สิงห์เดินมาตรงที่พวกผมนั่งขายปลากันอยู่ “กูล่ะกลัวแทนพวกมึงจริงๆ  ความกล้าอย่างเดียวน่ะไม่พอคุ้มหัวพวกมึงหรอก  หัดใจเย็นหัดคิดเสียบ้าง  อย่าหาภัยใส่ตัวให้มากนัก  ไม่งั้นชีวิตพวกมึงจะอยู่อย่างลำบาก”ผมมองหน้าผู้ใหญ่สิงห์แล้วยิ้มอย่างรู้ทันว่าแกขู่ผมแทนไอ้แป๊ะฮง”ฉันน่ะ  มีชีวิตอยู่โดยถือคติ...อย่าอยู่อย่างหวาดกลัวอะไร...”ผู้ใหญ่สิงห์มองผมแล้วหันหลังเดินไป  แต่ไม่วายขู่สำทับ”แน่ให้ตลอดเหมือนปากของมึงนะ...”

....เรานั่งขายปลาอยู่จนค่ำมันยังเหลือปลาช่อนอยู่สองตัว  ผมเห็นว่ามืดแล้วเลยชวนเจ้าคมกลับบ้าน”กลับเหอะ  ไม่มีคนแล้ว  เหลือสองตัวเอากลับไปทำกับข้าวกินดีกว่านี่ก็ได้เกือบๆพันแล้ว”ผมชูกระป๋องใส่เงินให้เจ้าคมดู “ก็ดีเหมือนกันพี่  ทางจากตลาดไปบ้านพี่  ต้องผ่านศาลเจ้าพ่อหัวโด่ด้วย  มืดๆอย่างนี้ ผมกลัวๆยังไงไม่รู้...”ผมหัวเราะในความตาขาวของเจ้าคม”บ้าเรอะมึง  ผีสางนี่มีที่ไหน  งมงายไม่เข้าเรื่อง...”ผมหัวเราะเยาะมัน   แต่เจ้าคมยังทำหน้าจริงจัง”โธ่พี่...เรื่องจริงน่ะ เมื่อวันก่อนป้าท้ายตลาดก็เล่าให้ผมฟังว่าแกเห็นผู้หญิงห่มสไบ นั่งบนกิ่งไม้  อูยยย...เล่าแล้วขนลุก...”เจ้าคมทำท่าตัวสั่นผมได้แต่ส่ายหัว”พูดยังกับมึงเห็นเอง  ป้าแกอาจจะตาฝาดไปก็ได้  แกแก่ขนาดนั้น  ไปเหอะ..กลับกันเหอะ...”แล้วผมก็เก็บของเดินนำหน้าเจ้าคมกลับบ้าน...

....ผมกับเจ้าคมเดินมาเรื่อยๆจนถึงศาลเจ้าพ่อหัวโด่  ศาลศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน  บรรยากาศมืดๆทำให้บริเวณรอบๆศาลดูมลังเมลืองน่าขนลุกเหมือนกัน  เจ้าคมยกมือไห้วแต่ผมกับหัวเราะเยาะมัน  เจ้าคมมองผมหน้าเสีย”พี่นี่...ไปหัวเราะเยาะลบหลู่เจ้าพ่อเดี๋ยวเจอดีหรอก...”ผมหัวเราะลั่น  มองเจ้าคมอย่างสมเพธ”เจอดีอะไรว่ะ  เจ้าพ่อของมึงจะทำอะไรกูได้..”ใช่ครับผมเป็นคนไม่กลัวผี  เพราะผมไม่เคยเจอผีมาก่อน  ผมจึงไม่กลัว เจ้าคมมองผมสักครู่แล้วมันก็ทำหน้าตาตกใจด้วยความกลัวสุดขีด”..พะ..พะ..พะ...พี่...ขะ...ขะ...ขะ...ข้างหลัง....พี่...”เจ้าคมเสียงสั่นชี้ไปข้างหลังผม  ท่าทางมันจะหลอกผมล่ะสิ”อะไร...ข้างหลังกูมีอะไร  มึงอย่ามาหลอกกูอีกเลย..”เจ้าคมตัวสั่นแล้วหันหลังวิ่งหนีไปชนิดไวปานวอก”พี่ผมไปก่อนล่ะ...”ผมส่ายหัวในมุกแกล้งของเจ้าคม  แต่พอขยับจะเดิน  ผมเหลือบเห็นเงาข้างหลังเลยหันไปดู  ก็ตัวชาวูบตั้งแต่ไขสันหลังขึ้นมาจนถึงเส้นผม  เมื่อเจอร่างที่คลุมด้วยผ้าขาวยืนอยู่  ผมอ้าปากร้องก็ไม่ออกขาแข้งหมดแรงดื้อๆ  ร่างนั้นเอื้อมมือมาหาผม  ด้วยความตกใจสุดขีดผมถีบเข้าใส่ร่างนั้นเต็มแรง  เสียงร้องโอ้ยยย...พร้อมๆกับร่างนั้นปลิวไปนอนแอ้งแม้ง..ผมตั้งสติได้....อ้าวนั่นมันเสียงคนนี่หว่า  ผีปลอมนี่  แล้วไม่ได้มีตัวเดียว  มันมีอีกสองตัวเดินออกมาจากหลังต้นไม้  เหอะ..แหมมาเลย  กูไม่กลัวแล้ว  ไอ้พวกผีปลอม...

....ผีปลอมทั้งสามเดินร้องฮือๆๆเข้ามาหาผมสองมือมันชูทำท่าจะเข้ามาบีบคอ  ผมหยิบไม้ขนาดเขื่องข้างตัวได้ก็เอามาไล่ทุบไล่ตีพวกมัน  พวกผีปลอมร้องโอ้กอ้ากเวลาเจอไม้  ไอ้พวกนี้ต้องเป็นลูกน้องไอ้เม้งแน่นอน  มันคงใช้มาหลอกผมแต่เสียดาย  ที่มันใช้แผนนี้ผิดคน  หากเป็นคนตาขาวคงหนีเปิงไปแล้ว...

....พวกผีปลอมพอเห็นผมไม่กลัวมันก็เลิกปลอมเป็นผี  สะบับผ้าทิ้งแล้วเข้ามารุมผม  สามต่อหนึ่งผมก็เสร็จเหมือนเคยและถูกพวกมันรุมสกรัมแย่งเอากระป๋องเงินไป  กว่าเจ้าคมจะตั้งสติและย้อนกลับมาช่วยผมก็ไม่ทันแล้ว  พวกปลอมเป็นผีวิ่งหนีไปพร้อมกระป๋องใส่เงินของผม  เจ้าคมประคองผมมานั่งอย่างทุลักทุเล”เป็นไงบ้างพี่...เจ็บมากไหม..”ผมขยับตัวไล่ความเจ็บขัดยอก “เจ้บสิว่ะ...อูยย...ถามได้...”เจ้าคมช่วยบีบนวดให้ผม”ขอโทษน่ะพี่...ผมไม่นึกว่าไอ้ผีพวกนี้เป็นพวกโจรคอยหลอกปล้นเงินชาวบ้าน...”ผมบีบเนื้อตัวไล่ความเจ็บแล้วบอกเจ้าคม”พวกโจรที่ไหน...พวกไอ้เม้งทั้งงั้น  กูจำหน้ามันได้”ผมลุกขึ้นแล้วเดินดุ่มๆไป เจ้าคมตะโกนถาม”พี่...จะไปไหน..”ผมตอบโดยไม่หันกลับมามอง”ไปบ้านไอ้เม้ง  วันนี้กูจะลุยแม่งถึงรังมันเลย  มันปลอมเป็นผีมาปล้นเงินกู  กูจะไปเอาเงินของกูคืน...มึงจะไปก็ตามมา ถ้าไม่ไปก็กลับไปรอกูที่บ้าน...”เจ้าคมลังเลสักครู่ก็วิ่งตามมา”พี่...ผมไปด้วย...”

....ผมเดินมาจนถึงหน้าบ้านของไอ้เม้ง  เห็นเงียบสนิทมีแต่ไฟจากแสงนีออนในบ้านติดอยู่บางดวง  นี่ยังหัวค่ำมันคงยังไม่นอนกันหรอก  ผมตะโกนเรียกไอ้เม้งเสียงดังลั่น”ไอ้เม้ง...ไอ้วรนุชสารเลว  มุดหัวอยู่ในรูทำไม  แน่จริงมึงออกมาสิวะ”สักครู่เสียงไอ้เม้งก็ขานรับมันเดินออกมาพร้อมสมุน 4 – 5 คน “เฮ้ย...เสียงหมาที่ไหนมาเห่าแถวนี้ว่ะ...อ้อ...มึงเองเรอะ  มาเห่าหน้าบ้านกูทำไม...หนวกหู...ไปเห่าที่อื่นไป....”แป๊ะฮงเดินออกมาพร้อมปืน  และเดินมาสมทบพวกไอ้เม้ง”อ้าว..ลื้อเองเรอะ.. แหมวันนี้มาหาเรื่องอั๊วะกับลูกถึงบ้านเลยเรอะ...”ผมกัดฟันกรอด “ข้ามานี่ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะมาหาเรื่อง  แป๊ะรู้ได้ไงว่าข้าจะมาหาเรื่อง  หรือแป๊ะรู้ล่วงหน้าว่าข้าจะมาเพราะอะไร..”แป๊ะฮงกับไอ้เม้งทำอึกอักและมองหน้ากัน”เอ่อ..งั้นเตี๋ยยิงมันเลย  มันบุกรุกบ้านเรา ยิงมันเลย...”ไอ้เม้งยุพ่อมัน  ผมถ่มน้ำลายลงพื้นแล้วมองหน้ามัน แล้วท้าทาย” ถุยย์..กูมามือเปล่า  ถ้ามึงกับเตี๋ยมึงเป็นคนขี้ขราดตาขาวกลัวกระทั่งคนไม่มีอาวุธล่ะก้อ  ยิงเลย...กูจะไม่หลบด้วย...”แป๊ะฮงมองด้วยตาตี๋ๆแล้วขบฟัน”ลื้อนี่...นับวันจะกำแหงใหญ่แล้วน่ะ  พ่อ แม่ ลื้อ มันไม่เคยสั่งสอนบ้างเรอะไงให้มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่บ้าง..”ผมถึงขำหัวเราะจนไหล่โยก”พ่อ แม่ข้า น่ะสั่งสอนมาดี  แป๊ะจะว่าข้าก็ว่าไป  แต่อย่าล่วงเกิน พ่อ แม่ข้า  สั่งสอนลูกตัวเองให้ดีก่อนเหอะแล้วค่อยไปว่าลูกคนอื่น...”เจอผมย้อนเข้าให้แป๊ะฮงถึงสะดุ้ง  แล้วเปลี่ยนเรื่องทันที”ว่าแต่ลื้อมาหาอาเม้งกับอั๊วะทำไม  มีธุระอะไร...”ผมมองหน้าไอ้เม้ง จนมันหลบตา”ไอ้เม้ง...กูไปทำอะไรให้มึงเจ้บแค้นนักหนาว่ะ  ถึงได้มาคอยจ้องจะกลั้นแกล้งกันอย่างนี้”ไอ้เม้งยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้”เฮ้ย...มึงจะบ้าเรอะ  กูไปกลั้นแกล้งอะไรมึง  บ้าแล้วมึง...”ผมเดินเข้าไปใก้ลๆไอ้เม้งแล้วพูดกรอกหูของมัน”มึงใช้ลูกน้องปลอมเป็นผีไปหลอกกูแล้วให้แย่งเงินของกูมา  เงินนั่นกูจะเอาไปรักษาพ่อของกู  กูขอร้อง มึงคืนกูมาเหอะ  แล้วกูจะไม่เอาเรื่องมึง...”ไอ้เม้งทำหน้าหรอหราทันที”เฮ้ยๆๆๆๆ...มึงพูดพล่อยๆใส่ความกูอย่างงี้  เดี๋ยวกูฟ้องกลับเอามึงเข้าตารางได้นะโว้ย...”แป๊ะฮงก็เดินเข้ามาสมทบและพูดท้าทายผม”ถ้าลื้อว่าลูกน้องของอาเม้งไปปล้นแย่งเงินของลื้อมาก็ชี้ตัวมาสิคนไหน  เฮ้ย...พวกลื้อออกมาให้หมด  มายืนเข้าแถวให้มันชี้ตัวหน่อยซิ...”แป๊ะฮงสั่งลูกน้องออกมา แต่ไม่มีไอ้พวกที่ไปดักปล้นผมรวมอยู่ด้วยแน่นอน”ว่าไง  ไอ้คนไหนล่ะ  ลูกน้องอั๊วะก็มีอยู่แค่นี้...คนไหนล่ะ..”ผมกัดฟันกรอดไม่นึกว่ามันจะยกทีมกันแกล้งผม”ใครทำชั่วทำเลวมันก็รู้อยู่แก่ใจ  วันนี้จับไม่ได้สักวันผลกรรมมันจะตาม..”ไอ้เม้งยื่นหน้ามาทำเป็นล้อผม”ถ้ามึงไปเจอผลกรรมก็บอกมันมาหากูไวๆน่ะ  กูรออยู่...”สิ้นคำไอ้เม้งลูกน้องของมันก็หัวเราะกันฮา..ผมสุดจะทนกำหมัดจะซัดมันสักเปรี้ยง  แต่เจ้าคมที่มาด้วยก็ห้ามไว้”อย่าเลยพี่...เรากลับกันเหอะ...วันนี้ไม่ใช่วันของเรา  ปล่อยมันผยองกันไปเหอะ  ถึงวันของเราเมื่อไหร่ค่อยเอาคืนให้สาสมเลย...”ผมตัดสินใจเดินหันหลังกลับแต่..”ไหนๆลื้อก็มาแล้ว  อั๊วะบอกก่อนเลยน่ะ...อีก 3 วันอั๊วะจะไปรับดอกเบี้ยน่ะ  ไปคราวนี้ไม่มีผ่อนผัน  ไม่มีให้ยึดอย่างเดียว..”ผมหันมามองพวกมันอย่างเจ็บใจ  กัดฟันตอบไปว่า”เอ้อ..ไม่ลืมหรอกถึงเวลาไปเก็บก็แล้วกัน...”

....ผมเองจนปัญญาแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปรักษาพ่อ  แล้วแม่คงจะผิดหวังในตัวผมน่าดู  อีก 3 วันก็ต้องหาดอกเบี้ยจ่ายพวกแป๊ะฮง  ไม่งั้นที่ดินก็จะถูกมันยึดไป “อะไรที่มันแล้วๆมาก็ให้มันแล้วๆไปเหอะพี่....เรายังมีพรุ้งนี้ให้เดิมเริ่มใหม่น่ะ”เจ้าคมพยายามปลอบผม”มึงจะให้กูไปเอาอะไรมาเริ่มต้นได้อีกล่ะ  ตอนนี้ความหวังต่างๆของกูพินาจหมดแล้ว..”ผมพูดอย่างเจ็บใจในชะตาของชีวิต”พี่เคยพูดเองนี่ ลืมแล้วรึว่า  ชีวิตของคนน่ะอาจจะล้มได้  แต่หลังจากล้มแล้ว  เราต้องเลือกว่าจะลุกขึ้นสู้  หรือนอนยอมแพ้ตลอดไป..”เจ้าคมพยายามพูดเตือนสติของผม”ถ้าพี่ล้มแล้วไม่คิดจะลุกขึ้นมาสู้  แล้วพ่อ แม่ ของพี่ แล้วสร้อยอีกล่ะ  พวกเขาจะเป็นอย่างไง...”เจ้าคมพยายามพูดปลอบใจให้ผมฮึกเฮิม”พี่...ต้องสู้...สู้ต่อไป...ถ้าเราสู้เราคงไม่แพ้ตลอดไปหรอก..”ผมมองหน้าเจ้าคมแล้วเอ่ยปลงๆ”ไอ้คมเอ้ย...กูจนปัญญาจริงๆ  มึงจะให้กูเอาอะไรมาสู้ว่ะ...”

....เรื่องแรกที่ผมต้องหาทางแก้ไขคือจะเอาเงินที่ไหนไปรักษาพ่อที่นอนป่วยอยู่  ต่อมาคือหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยให้แป๊ะอง และอย่างที่สามสำคัญที่สุด  จะเอาเงินที่ไหนไปขอสร้อยแต่งงาน  ผมเดินเงียบๆนำหน้าเจ้าคมและเดินมาจนถึงเรือนหญ้าแฝกที่เป็นบ้านของผม  และก็ได้เห็นรถของครูสมบูรณ์จอดอยู่  ผมแสนสงสัยมันมาทำไมนะ  ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆก็เห็นว่าบนเรือนนั้มีสร้อยกำลังประคองพ่อกินยาอยู่  และครูสมบูรณ์ก็นั่งอยู่ข้างๆ  แม่ยกมือไหว้ครูสมบูรณ์ปะลกๆ  มันมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างผมไม่อยู่  แต่น่าจะเป็นเรื่องดี  แต่ที่ไม่ดีคือไอ้ครูคนนี้มันอยู่ด้วยนี่แหละ...

...ผมเดินขึ้นเรือนมานั่งข้างๆสร้อย  ฝ่ายครูหนุ่มยิ้มให้ผม  สร้อยล่ะจากเช็ดตัวให้พ่อผมแล้วหันมาบอกผมถึงเรื่องการมาอยู่ที่นี่ของเธออย่างที่ผมคาดไม่ถึง”สร้อยเห็นว่าพ่อของพี่ป่วยมากเลยขอร้องครูให้ช่วยพาไปหาหมอก่อน  ครูเขารู้ก็เห็นใจเลยช่วยออกค่ารักษาให้  แล้วพี่ขายปลาได้เงินมาเยอะไหม...”ผมถอนหายใจหนักๆแล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้สร้อยฟัง  สร้อยกัดฟันกรอด”ไอ้พวกเจ๊กพวกนี้มันเลวจริงๆ  เลวทั้งพ่อทั้งลูก...”ผมก้มหน้าส่ายหัวบ่นท้อใจในโชคชะตา”เฮ้อ...ยิ่งทำมาหากินสุจริต  คนมันยิ่งแกล้ง  สงสัยต้องไปเป็นเสือเป็นสางบ้างท่าจะดี”สร้อยรีบระล่ำระลักห้าม”อย่านะพี่  อย่าคิดและอย่าพูดอย่างนั้น  แค่นี้ชีวิตพี่ก็แย่พอแล้ว”ครูสมบูรณ์นั่งนิ่งอยู่นานจึงถามขึ้นบ้าง”ว่าแต่นายพรุ้งนี้มีงานทำหรือเปล่า...”ผมส่ายหัว   ครูหนุ่มจึงยิ้ม”งั้นพรุ้งนี้ไปที่บ้านพักครู  ฉันมีงานให้นายทำ  แต่งานลำบากนะ  ไหวป่าว...”ผมมองหน้าครูและมองหน้าของสร้อย แล้วผงกหัวตกลง  ครูหนุ่มยิ้ม ส่วนสร้อยก็มองผมอย่างมีความหวัง....

...ก่อนที่สร้อยและครูสมบูรณ์จะกลับ  สร้อยพาผมมายืนคุยที่หลังเรือน  ผมดึงร่างสาวคนรักเข้ามากอดจนล้มหงายไปบนกองฟาง  สร้อยทำโมโหนิดๆที่ผมชอบทำรุนแรงกับเธอ”พี่ขอบใจนะสร้อย  ที่มาช่วยพี่  แล้วครูนั่นมันมาช่วยได้ยังไง  มันมีน้ำใจกะคู่แข่งหัวใจอย่างพี่จริงๆรึ” สร้อยผลักผมออกจากร่างของเธอแล้วลุกขึ้นนั่งปัดเศษฟางออกจากตัว”พี่นี่หนา...มองคนอื่นในแง่ร้ายไปหมด  จริงๆครูเขาแค่ชอบสร้อยเฉยๆ   แต่พ่อแม่ของสร้อยน่ะคิดมากกันไปเอง  เขาออกเงินค่าหมอของพ่อพี่ให้เขาก็ไม่เคยถามถึงเรื่องใช้คืนเลย”ผมยังลุกตามมากอดเอวแฟนสาวไว้”นั่นแหละยิ่งน่ากลัว  คนเราน่ะหว่านพืชมันก็ต้องหวังผล  บอกตรงๆพี่ไม่ค่อยไว้ใจมันเลย”สร้อยจับมือของผมกอดให้แน่นเข้าไปอีกและเอนกายลงมาพิงอกผม”พี่ไม่ไว้ใจใครนะ สร้อยไม่ว่า  แต่พี่ต้องไว้ใจสร้อยน่ะ..รู้ไหม..”

....เช้าวันต่อมาผมเดินเท้ามาที่บ้านพักครูหลังโรงเรียนประจำหมู่บ้าน  ผมเดินหาบ้านพักของครูสมบูรณ์จนเจอ มันป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง  รอบรั้วมีพืชสวนครัวปลูกอยู่  มีแปลงดอกไม้ด้วย  แลดูรอบบริเวณสะอาดเป็นระเบียบผิดวิศัยชายโสดที่บ้านมักจะรกรุงรังขาดความเอาใจใส่  ผมเดินมานั่งรอที่ใต้ถุนบ้านพัก  คิดว่ามาเช้าเกินครูคนนี้คงยังไม่ตื่น  แต่สักพักก็เห็นครูหนุ่มวิ่งออกกำลังกายเหงื่อโทรมเข้ามา  และหยุดวิ่งกับที่ซอยเท้าถี่ๆก่อนหยุดและบิดตัวยืดกร้ามเนื้อ  ครูหนุ่มเอาผ้าเช็ดเหงื่อบนใบหน้าแล้วหันมาเจอผมก็ยิ้มให้และทักทาย”นายมานานแล้วหรือยังล่ะ..”ผมสั่นหัวเป็นคำตอบ

... ครูหนุ่มเดินมานั่งข้างๆแล้วเริ่มคุยกับผม”นายเห็นหนังสือกองนั้นไหม” ผมหันไปตามที่ครูหนุ่มชี้  ก็เห็นหนังสือกองหนึ่งวางไว้ที่พื้นไม้”เห็น..ทำไมหรอ”ครูหนุ่มยิ้ม  แล้วเอาผ้าเช็ดเหงื่อที่ยังใหลอยู่ไม่ขาดสาย”ตอนที่ฉันขอมาสอนที่นี่  เพื่อนๆมันบอกว่าฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก  ทั้งล้าหลัง ขาดแครนและป่าเถื่อน  อยู่ได้ไม่นานฉันก็ต้องรีบเผ่นกลับ  แต่ฉันก็อยู่มาได้นานกว่าที่เขาคาดกันอีก..เพราะอะไรรู้ไหม..”ผมส่ายหัว  และมองครูหนุ่มแบบสงสัยว่ามึงจะบอกอะไรกู..”ที่ฉันอยู่ได้เพราะฉันมีหนังสือให้อ่านมากมายนั่นไง”ผมมองกองหนังสือแล้วงงๆ”แล้วจะอ่านไปทำไมเล่าครับ  ไม่เบื่อที่จะอ่านหรอครับ...”ผมถามกลับไป ครูหนุ่มสะดุดครู่หนึ่ง”แล้วอยู่ที่นี่จะมีอะไรดีไปกว่าอ่านหนังสือล่ะ  ชีวิตของคนนั้นแสนสั้นเหลือเกิน  นั่งรอเฉยๆไม่รู้จักทำอะไรก็เหมือนสายน้ำใหลผ่านไปอย่างนั้น  ดูแล้วมันช่างน่าเสียดายจริงๆ”ผมนั่งคิดตามไอ้คำปรัชญาของครูหนุ่มแบบงงๆ”นายรู้จักเบนจามิล  แฟรงครินไหม...”ผมส่ายหัว ใครว่ะชื่อยังเรียกยากเลยจะให้รู้จักได้ยังไง”เขาเป็นอัฉริยะของโลก  เป็นคนร่วมเขียนคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา เป็นคนค้นพบกระแสไฟฟ้าในชั้นอากาศ  และคิดค้นสายล่อฟ้าขึ้น..”ผมนั่งฟังแล้วคิดตามว่าถ้ากูรู้จักมันแล้วมันจะมาช่วยทำอะไรให้กูล่ะ”แล้วนายคนนี้เขามีคำพูดเด็ดๆว่าอะไรรู้ไหม” ผมก็ต้องส่ายหัวเหมือนเดิม”เขาบอกว่า  ในคืนที่ฝนตกหนัก  คนที่น่าสงสารที่สุดคือ คนที่อ่านหนังสือไม่ออก”ผมเดินไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาดู หน้าปกเขียนว่า “การบริหารและจัดการธุรกิจ ฉบับรวยเร็ว”ผมจับพลิกไปมา”นายอ่านหนังสือออกไหม”ครูหนุ่มถามมาด้วยน้ำเสียงเกรงใจ ผมพยักหน้ายิ้มให้”ดีแล้วหนังสือกองนั้น ฉันยกให้นายเอาไปอ่าน  แล้วรอเดี๋ยว  ฉันจะพานายไปดูอะไรอีก  รับรองว่ามันอาจจะเปลี่ยนชีวิตของนายได้เลย..”.ครูหนุ่มเดินขึ้นไปบนบ้านแล้วลงมาด้านหลังไปอาบน้ำ  ระหว่างรอผมก็หยิบหนังสือมาอ่านเรื่อยๆ คู่มือบริหารทรัพย์สิน  คู่มือเกษตรกรณ์สมัยใหม่  คู่มือการมีเพศสัมพันธ์อ้าวมาได้ไง.....

....ผมรอจนครูสมบูรณ์อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย  ครูหนุ่มถามผมกินข้าวหรือยังเมื่อผมบอกว่ายังก็พาผมไปกินข้าวแกงที่ตลาด  หลังอิ่มหน่ำครูหนุ่มก็เริ่มคุยกับผม..”นายรักสร้อยมากไหม..”ผมสะดุ้ง ไอ้ครูคนนี้มันเล่นถามแบบชกชนิดเข้าเป้าเต็มๆเลย ผมนิ่งไปครู่แล้วตอบเบาๆว่า”รักครับ..รักมากด้วย...”ครูหนุ่มยิ้มแล้วมองหน้าผมจนผมเขินๆ”แล้วนายมีความฝันไหม...นายเคยมีความฝันบ้างไหม..”ครูหนุ่มถามย้ำ  ผมนิ่งคิดสักพักก็ถามกลับไป”ถามอย่างนี้ครูต้องการอะไรจากผมกันแน่...”ครูหนุ่มเรียกคนมาเก็บค่าอาหาร หลังจากจ่ายเงินแล้วก็ชวนผมออกเดินจากร้านอาหาร และพูดไประหว่างทาง”เกิดเป็นคนนะต้องมีความฝัน  นายรักสร้อย  รักมานานแต่ไม่เคยคิดไปไกลเลย  อยู่ไปวันๆ  จนถึงทุกวันนี้นายเคยคิดจะมีความฝันได้อยู่ร่วมกับสร้อยไหม ฉันเองก็ชอบสร้อย...แต่สร้อยไม่เคยชอบฉันเลย..”ครูหนุ่มหยุดเดินแล้วหันมามองผม”เธอพูดถึงแต่นาย  เล่าแต่เรื่องของนาย  สร้อยน่ะเขารักนายมาก  และฉันก็รักสร้อย  ดังนั้นฉันไม่อยากให้คนที่ฉันรักต้องลำบาก  ต่อไปนี้นายต้องมาเรียนรู้กับฉัน นายต้องเปลี่ยนแปลง   เพื่ออนาคตของตัวเองและเพื่ออนาคตของสร้อย  เข้าใจไหม  นี่คือสิ่งที่ฉันจะทำให้สร้อยได้...”ฟังดูแปลกๆ ครูหนุ่มนี่มันรักสร้อยแต่สร้อยไม่เล่นด้วย แล้วมันจะมาสอนหนังสือให้ผม  และหวังจะสอนให้ผมกลายเป็นคนฉลาดและมีความรู้ที่สุดในหมู่บ้านนางรอง. เพื่อที่ผมจะดูแลและเลี้ยงดูสร้อยไม่ให้ต้องไปลำบากในอนาคต  แหมมันจะใจนักเลงขนาดนั้นเลยหรือ......

....”หมู่บ้านนางรอง  ตอนนี้มีแต่ทุ่งนาและป่า อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชและสัตว์สารพันนานาชนิด ทั้งในน้ำ กลางทุ่ง  และบนฟ้า ตามคำที่ว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว  แต่ในไม่ช้าภาพเหล่านี้กำลังจะหายไป”ครูหนุ่มพาผมเดินมาตามถนนลูกรังนอกหมู่บ้านมองท้องนากว้างไกลและป่าเขียวหนาแน่นริบๆตา  พลางอธิบายถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึงหมู่บ้านของเราที่เรียกว่าความเจริญ  หมู่บ้านของผมคือชนบทห่างไกล  ยังไม่มีไฟฟ้า ระบบการประปา  โทรศัพท์ ถนนราดยางหรือคอนกรีต รวมทั้ง สถานพยาบาลที่ทันสมัย  ครูหนุ่มยังคงร่ายยาวต่อโดยไม่ได้สนใจว่ามันจะซึมลงกบาลของผมไหม”อีกไม่นาน ทุ่งนาที่นายเห็นอยู่จะไม่มีอีกแล้ว  มันจะกลายเป็นโรงงานของนายทุนต่างชาติ  ความเจริญจะหลั่งใหลเข้ามา  ถนนหนทาง  ไฟฟ้า ประปา สิ่งบันเทิงและค่านิยมใหม่ๆที่จะเข้ามาเปลี่ยน  ค่านิยมเก่าๆ ฝูงนกบนท้องฟ้าและฝูงปลาในแม่น้ำจะสูญสิ้นไป ไปพร้อมกับคำว่าความเจริญ....”ครูหนุ่มหันมามองผมที่เดินตาม  และผมมองกลับไปอย่างงงๆอยากจะถามว่า มาบอกผมทำไมไม่ทราบ  ถึงจะรับรู้ไปแล้วคนอย่างผมจะไปทำอะไรได้

....เดินไปได้สักครู่ก็เจอ แป๊ะฮง เจ้าเม้งและลูกน้องกำลังสาธิตเครื่องยนต์ไถนาให้กับชาวบ้านดูอยู่  ผมเดินไปทำไม่สนใจแต่ครูหนุ่มกับชวนผมไปดู”มันมีอะไรดีหรอไอ้ของเล่นอันนั้นน่ะ...”ผมถามครูอย่างสงสัยที่ท่าทางครูดูจะสนใจ “นั่นแหละที่เขาเรียกว่า ควายเหล็ก เป็นเครื่องไถนาด้วยเครื่องยนต์ มันจะมาแทนควายจริงๆในไม่ช้า...”ผมมองแล้วหันไปถามครูหนุ่มอย่างงงๆ”อะไรน่ะ...ไอ้นั่นน่ะหรอควายเหล็กที่จะมาแทนควายจริง”ครูหนุ่มพาผมเดินเข้าไปดูใก้ลๆ”ควายเหล็กนี่ทำด้วยเหล็ก หญ้าไม่กิน  แต่กินน้ำมันแทน มันทำได้สารพัด  ทั้งไถพรวนดิน  ไถกลบ ไถหว่าน  เป็นเครื่องสูบน้ำ และใช้ประกอบที่นั่งเป็นรถก็ได้..”ผมมองอย่างพิศวงไอ้ควายเหล็กตัวนี้มันดีเลิศสารพัดขนาดนั้นเชียวหรือ....

....เสียงไอ้เม้งประกาศให้ชาวบ้านที่มาดูการสาธิตควายเหล็กฟัง “พ่อแม่พี่น้องชาวบ้านนางรองทุกท่าน  ที่ทุกท่านเห็นนี่คือนวัตกรรมใหม่แห่งการทำนา  ต่อไปนี้เราจะหมดปัญหากับการใช้ควายจริงๆทำงาน  ควายทั่วไป เราใช้ทำนาได้ปีล่ะครั้ง แค่ช่วงเวลาสั้นๆ  แล้วก็ต้องเลี้ยงดูเอาใจใส่ แก่มาก็หมดประโยชน์  ฆ่ากินเนื้อได้อย่างเดียว  แต่ควายเหล็กหรือเครื่องยนต์ไถนานี่ทำได้สารพัด.....”แล้วไอ้เม้งก็บรรยายไปตามสรรพคุณที่มีของควายเหล็ก”มันจะเป็นไปได้อย่างไรว่ะ  ควายเหล็กควายปลอมๆมันไม่มีหัวจิตหัวใจ  มันจะมาสู้ควายจริงๆได้ยังไงว่ะ” ผมพูดขัดไอ้เม้งไปจนมันหยุดพูดแล้วหันมามองผมกันตาขวางด้วยความไม่พอใจทั้งกลุ่ม”มึงนี้มันคนบ้านป่าเมืองเถื่อนจริงๆ  กูกำลังจะเอา เกษตรแผนใหม่มาพาชาวบ้านไปสู่ความเจริญ มึงก้อมาขวาง น่าชวนชาวบ้านไล่ไปอยู่หลังเขาเนาะ..”ผมไม่อยากต่อคำกับมันเลยยืนดูเฉยๆ  ครูหนุ่มไม่ว่าอะไรยืนกอดอกยิ้มมองผมกับไอ้เม้ง”ฉันรู้สึกว่านายกับเจ้าคนชื่อเม้งนี่  เกิดมาเพื่อกันและกันน่ะ...”ผมหันไปถามครูหนุ่มด้วยความสงสัย”ยังไงครูพูดยังไง ผมไม่เข้าใจ”ครูหนุ่มมองอย่างขำๆ”เกิดมาเพื่อเป็นคู่กัดกันยังไงล่ะ...”

....และไอ้เม้งกับแป๊ะฮงก็ช่วยกันหว่านล้อมชาวบ้านให้ชื้อควายเหล็กของพวกมันโดยผ่อนส่งได้ยาวนานถึง 20 ปี ผมว่าแล้วไอ้พ่อลูกคู่นี้มันต้องหาเรื่องมามอนเมาชาวบ้านให้เป็นหนี้มันแบบไม่ลืมหูลืมตาแน่”นึกแล้วเชียวว่ามันต้องหาเรื่องมาหลอกลวงชาวบ้านให้หลงเป็นหนี้พวกมัน”ครูสมบูรณ์พยายามห้ามผมไม่ให้ไปยุ่ง”มันให้ผ่อนตั้ง 20 ปีเชียวน่ะครู  ขืนปล่อยให้ชาวบ้านชื้อ...ทั้งชาติไม่ต้องทำอะไรแล้ว  หาเงินใช้หนี้พวกมันลูกเดียว  ปล่อยผมเถอะ ผมทนเฉยปล่อยให้พวกมันเอาเปรียบชาวบ้านไม่ได้...”ครูหนุ่มมองผมแล้วถอนหายใจ”แล้วนายจะทำอะไรได้ล่ะ  ชาวบ้านเขาตัดสินใจกันเอง  เขายอมเป็นหนี้เอง..”ผมมองหน้าครูแล้วบอกอย่างมุ่งมั่น”ไม่ได้หรอกครู  ในเมื่อเรารู้ทันคนชั่ว  ถ้าเราทำเฉยก็เท่ากับเราส่งเสริมให้คนชั่วเอารัดเอาเปรียบคนอื่นน่ะสิ..”ครูสมบูรณ์มองผมอย่างทึ่งๆแต่ไม่วายเตือน”ถ้าไม่ใช่หน้าที่ของเรา  อย่างนี้เขาเรียกหาเรื่องใส่ตัวน่ะ...”

....ไอ้เม้งกำลังพาชาวบ้านคนหนึ่งที่กำลังจะเซ็นสัญญาชื้อควายเหล็กเป็นตัวแรก  ผมเดินเข้าไปห้าม”เดี๋ยวก่อนอาก้อน  อย่างอาก้อนก็มีควายตั้งฝูงแล้วจะชื้อควายเหล็กทำไม...”ผมถามด้วยความไม่เข้าใจ”แล้วมึงยุ่งอะไรด้วยว่ะ...คนจะชื้อไม่ชื้อเนี๋ยะ”ไอ้เม้งถามผมเสียงห้วนๆ”มึงนี่มันชอบมาหาเรื่องพวกกูจริงๆ  กูกำลังนำเทคโนโลยี่ใหม่มาสู่หมู่บ้านของเรา มึงก็คอยมาขัดมาถ่วงความเจริญ...”ผมหัวเราะเยาะ  และย้อนกลับมันไป”แผนใหม่...แผนใหม่ที่จะมาหลอกชาวบ้านน่ะเรอะ  มันจะเจริญตรงไหน  เริ่มต้นก็เป็นหนี้มึงตั้ง 20 ปี  ใช้หนี้พวกมึงยันลูกยันหลานเลย”ไอ้เม้งเถียงผมไม่ออกมันสั่งพวกจะรุมผม  แต่แป๊ะฮงที่นั่งนิ่งมานานยกมือห้ามเอาไว้”ใจเย็นๆ อาเม้ง  พวกโง่แล้วมาทำอวดฉลาดแบบนี้  อั๊วะอยากสั่งสอนมัน  อั๊วะสงสัยว่าทำไมลื้อถึงคอยจองล้างจองผลาญ  ขัดขวางต่อต้านอั๊วะมาตลอด..”แป๊ะฮงถามผมตรงๆ”ข้าไม่ได้ต่อต้านหรือคิดขัดขวางอะไร  แต่ข้าไม่อยากให้ชาวบ้านหลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริงของพวกแกแล้วตกเป็นหนี้ทั้งชาติเท่านั้นแหละ....”

....แป๊ะฮงมองผมอย่างเจ้าเล่ย์”ลื้อมานี่  ลื้อต้องการอะไร ต้องการมาฉีกหน้าอั๊วะ  ให้ชาวบ้านยกย่องลื้อเป็นคนฉลาดทันคนเรอะ หรืออยากยกระดับตัวเองว่าแน่ที่ต่อต้านอั๊วะแล้วอั๊วะทำอะไรลื้อไม่ได้...อั๊วะจะเตือนลื้อทางใครก็ทางมันสิโวย..”ผมเองก็ไม่ลดล่ะ”ถ้าทางดีๆข้าจะไม่ขวางเลย...”แป๊ะฮงมองผมอย่างเดือดดาล”อยากพิสูทธ์ใช่ไหม...ว่าควายเหล็กของข้าดีจริงหรือเปล่า....”ผมมองควายเหล็กแล้วมองมัน”พิสูทธ์อย่างไง...”แป๊ะฮงเดินเอามือไพร่หลังแล้วมาหยุดลูบไปที่ควายเหล็ก”เอาควายจริงของลื้อมาไถนาแข่งกับควายเหล็กของอั๊วะ  ถ้าอั๊วะแพ้  อั๊วะจะยกควายเหล็กตัวนี้ให้ลื้อแล้วอั๊วะจะเลิกขายควายเหล็กให้ชาวบ้าน  แต่ถ้าลื้อแพ้ ลื้อต้องเลิกต่อต้านอั๊วะและต้องยกควายสองตัวของลื้อให้อั๊วะเอาไหม...”ผมสะดุ้งในข้อเสนอของมัน”ว่าไง...ทำไมเงียบไปล่ะ ไม่กล้าล่ะสิ...”ไอ้เม้งถามย้ำ ผมมองหน้ามันแล้วตอบว่า”ตกลง  พรุ้งนี้เจอกันที่นี่...”ผมพูดพร้อมทั้งประสานสายตากับสองพ่อลูกตระกูลหยีอย่างมุ่งมั่นเต็มเปรี่ยม...

....เมื่อตกลงสถานที่และเวลาได้แล้ว ผมกับพวกไอ้เม้งก็แยกย้ายกันกลับ  ระหว่างทางครูสมบูรณ์ก็ตำหนิผมที่ไปก่อเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมา”แล้วไปท้าทายเขา ถ้าแพ้ขึ้นมาต้องเสียควายให้เขา  หมดตัวเชียวน่ะ  ฉันไม่เข้าใจความคิดของนายเลย ไม่รู้สร้อยไปรักคนอย่างนายได้อย่างไง”ผมมองครูหนุ่มแบบไม่ค่อยพอใจ”เอ...ครูนี่พูดเยอะไปแล้วน่ะ...”ครูหนุ่มมองผมแล้วถอนหายใจ”แล้วถ้าเกิดพรุ้งนี้แพ้เขาจะทำอย่างไง  หมดตัวเชียวน่ะ  เอาควายจริงไปแข่งกับควายเหล็ก...”ผมมองครูแล้วถามเบื่อๆ”คำก็แพ้ สองคำก็แพ้  ครูไม่คิดว่าผมจะชนะเลยเรอะ  ถ้าชนะผมจะยกควายเหล็กตัวนั้นให้ครูเลย”....

....แล้วเราก็เดินกลับมาที่บ้าน  หลังนั่งพักเหนื่อยสักครู่  ครูสมบูรณ์ก็ให้ผมเอาตำราเรียนมาและเริ่มเรียนกันแบบไม่มีที่ไหนในโลกนี้สอนกัน....”นายเชื่อไหมว่าโลกกลม..”ครูหนุ่มเริ่มถามผม  และผมก็ตอบแบบไม่ลังเล” เชื่อ...”ครูหนุ่มมองหน้าผมราวจะล้วงลึกเข้ามาในใจของผม”ทำไมถึงเชื่อเล่า...”ผมก็ตอบทันทีแบบมั่นใจ”ก็เพราะครูในโรงเรียนสอนมาอย่างนี้นะสิ”ครูหนุ่มถอนหายใจมองผมแล้วถามอีกครั้ง”แล้วนายเคยเดินทางรอบโลกบ้างไหม  ถึงบอกได้ว่าโลกมันกลม  และถึงนายจะมีโอกาสได้เดินทางรอบโลก นายจะรู้ได้อย่างไรว่าโลกกลม...จริง...”ผมมองหน้าครูหนุ่มเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาจะสอนผม”นี่ครูกำลังจะบอกผมว่าโลกนี้มันแบนไม่กลมหรอ”ครูหนุ่มมองหน้าผมแล้วยิ้ม”ไม่ใช่หรอก  เพียงแต่อยากบอกว่า คนเรานี่ควรหัดคิดเองก่อนจะสรุปและเชื่อในอะไรสักอย่าง  สมัยก่อนคนที่เชื่อว่าโลกกลมอย่างนี้  ก็ถูกเผาตายทั้งเป็นไปมากมายเพราะมีความเชื่อไม่ตรงกับผู้มีอำนาจ...นายเองก็เหมือนกัน  เวลาจะคิดจะตัดสินใจอะไร  ก็ไตร่ตรองให้ดีว่ามันคุ้มหรือไม่คุ้มที่จะทำ...”ผมมองครูหนุ่มทึ่งๆเข้าใจสอนแฮะ...

....หลังจากเรียนรู้หลักสูตรต่างๆไปเรื่อยๆทำให้ผมเข้าใจว่าบางครั้งความรู้บางอย่างก็หาไม่ได้จากในห้องเรียน  ครูอย่างครูสมบูรณ์สอนแบบให้ผมคิดเองและแนะแนวทางให้ “นายนี่ไม่ใช่คนโง่นะ  เป็นคนฉลาดแต่ไม่ตั้งใจเรียน”ครูสมบูรณ์สรุปผมหลังจบการสอนในวันนั้น”ถ้านายตั้งใจเรียนอาจได้เป็นหมอหรือไม่ก็ทนาย...”ผมทำท่าจะกลับแต่ครูสมบุรณ์ชวนผมเดินไปที่สนามหลังบ้านพักครู  ที่นั่นมีกระสอบทรายและเป้าเตะอยู่ 4- 5เป้าตั้งอยู่”มีอะไรหรือครับครู  อย่าบอกนะว่าครูจะสอนผมต่อยมวย...”ครูสมบูรณ์พยักหน้า ผมถึงฮาก้าก  ครูหนุ่มคนนี้รูปร่างเล็กกว่าผมมากและค่อนข้างท้วม  แม้นจะบ้าออกกำลัง  แต่ดูยังไงก็ไม่น่าต่อยตีอะไรเป็น”ครูนี่อ่ะน่ะ....”ผมถามย้ำ  ครูหนุ่มพยักหน้า”ทำไม ขำอะไร  สร้อยเล่าให้ฟังว่านายล้มนักมวยตัวยังกับยักษ์ได้ขอดูฝีมือหน่อย”ผมส่ายหัวบอกว่าไม่เอา  กลัวพรั้งมือทำร้ายครู  แต่ครูหนุ่มก็ยังดึงดันจะขอลอง”ถ้างั้นผมพลั้งมือไปครูอย่าว่ากันน่ะ”ครูหนุ่มยิ้มพยักหน้า  ผมตั้งการ์ดมวยและวิ่งเข้าใส่ทันที  ผลหรือ อยู่ร่างของผมก็ลอยแล้วหล่นลงพื้นไปนอนจุกแอ้ด  โดยไม่รู้ว่าโดนอะไร  แต่ผมก็ผุดลุกขึ้นมาทันที  และงงว่าตะกี้โดนอะไรทำไมล้มได้  ผมมองครูคนนี้อย่างพิศวง  ครูหนุ่มยังยิ้มและผายมือกวักเรียกผม”ถ้านายสงสัยก็เข้ามาอีกทีก็ได้...”ผมเองก็คิดว่าตะกี้ประมาทไปเลยตั้งท่าและพุ่งเข้าต่อย  คราวนี้ชัดๆครูสมบูรณ์เอี้ยวตัวจับแขนของผมและขัดขาล้มหงาย และครูหนุ่มก็เอามือหนึ่งกดตัวผมไว้และเงื้อมืออีกมือกำหมัดค้างเตรียมต่อยผม  ไม่น่าเชื่อครูคนนี้แอบซ่อนอะไรไว้เยอะจริงๆ...

....ครูสมบูรณ์ยิ้มแบบเป็นมิตร  ลดหมัดและปล่อยร่างผมก่อนยื่นมือมาให้ผมจับและดึงขึ้นมา  เมื่อผมยืนและปัดเศษดินและหญ้าที่ติดตัวออก ก็ถามแบบงงๆปนสงสัย”ครูนี่เป็นนักมวยด้วยรึครับ...”ครูหนุ่มส่ายหน้า”เปล่าหรอก  ผมแค่เรียนวิชาป้องกันตัวมานะ  เขาเรียกเทคควนโด้  มวยเกาหลี  ผมอยู่แค่ระดับสายดำน่ะ..”ผมพึมพำอะไรว่ะโด้ๆเรียกยากชะมัด”นายเอง เคยแต่อาศัยแรงและกำลัง  วิชาป้องกันตัวน่ะเน้นที่สติและอาศัยจุดอ่อนคู่ต่อสู้  ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะตัวใหญ่กว่าหรือแข็งแรงกว่า  แต่เราก็สามารถเอาชนะได้...ไว้ว่างๆฉันจะสอนให้...”พูดจบครูสมบูรณ์ก็เดินนำผมออกจากสนามหลังหอพักครู”วันนี้ฉันจะไปส่งนายที่บ้าน  นายต้องพักผ่อนมากๆ พรุ้งนี้เราคงไม่ได้รัยนกัน  เพราะนายต้องไปแข่งไถนากับพวกแป๊ะฮง  คืนนี้ระวังตัวด้วยนะ  พวกนั้นน่ะคงมีแผนสกปรกเล่นงานนายแน่”ครูสมบูรณ์เตือนผมก่อนไปสตาร์ทรถยนต์และพาผมไปส่งที่บ้านพร้อมกับขนกองหนังสือที่ยกให้มาด้วย   เมื่อรถมาถึงที่เรือนหญ้าแฝกอันเป็นบ้านของผม  ครูสมบูรณ์ก็แวะลงมานั่งคุยถามไถ่อาการพ่อของผมที่ดีขึ้มมาก ลุกมานั่งได้แล้ว  ครูสมบูรณ์คุยอยู่พักใหญ่ก็ลากลับไป  ผมเดินไปส่งที่รถเมื่อรถแล่นออกไปจนลับตา ผมยืนคิดคำนึงอยู่คู่ใหญ่  ให้รู้สึกว่าครูคนนี้เป็นคนดีจริงๆผิดกับที่ผมหวาดระแวงไว้ก่อนหน้านี้....

....หลังจากครูหนุ่มกลับไปผมก็มาสุมไฟไล่ยุงให้ควายที่คอกข้างๆเรือน  พรุ้งนี้แล้วผมต้องเอามันไปแข่งกับควายเหล็กของแป๊ะฮงกับไอ้เม้ง  ผมไม่รู้จะบอกเรื่องนี้กับพ่อและแม่อย่างไง  ได้แต่นั่งมองควายสองตัวมันครอเครียกัน  สักพักกระแสความชั่วร้ายก้มาสัมผัสตัวผม”ไอ้คมมาทำอะไรดึกๆดื่นๆที่บ้านกูว่ะ..”เจ้าคมโผ่ลออกจากเงามืดเดินเข้ามาหาผม”แหมพี่นี่  ผมเข้ามาใก้ลทีไรรู้ตัวก่อนทุกที  ผมมาหาพี่น่ะสิ ได้ข่าวว่าพี่ไปท้าแข่งควายไถนากับไอ้เม้งหรอ”ผมพยักหน้าบอกว่าใช่”พี่นี่ไม่บ้าก็โง่แล้วน่ะเนี่ย เอาควายเนื้อไปท้าแข่งกับควายเหล็ก”ผมมองหน้าเจ้าคมอย่างไม่พอใจ”ทำไมใครๆก็คิดว่ากูจะแพ้ว่ะยังไม่ได้แข่งกันเลย”ผมเดินเลี่ยงไปหาควายทั้งสองตัวในคอก”คมเอ้ย..ได้ยินว่าท้าแข่งอะไรกัน...นี่เอ็งไปหาเรื่องเดือดร้อนอะไรมาอีกล่ะ....”แม่เดินผ่านมาได้ยินจึงหยุดถาม”ก็พี่เขานี่น่ะสิ...ไปท้าพวกแป๊ะฮงแข่งควาย”เจ้าคมฟ้องแม่ผม”โธ๋....นี่เอ็งก่อเรื่องอีกแล้วรึ..”แล้วแม่ก็ถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม”ยังไม่หมดแค่นั้นนะ  พี่เขายังไปเดิมพันว่าถ้าแพ้จะยกควายสองตัวนี่ให้พวกแป๊ะฮงด้วย...”เจ้าคมฟ้องต่อ แม่อ้าปากร้องฮ้า....”โธ่เอ้ย...ไอ้ลูกบ้า นี่มึงเอาควายไปพนันกับเขาได้ยังไงทำไม  ชอบก่อเรื่องให้เดือดร้อนไม่รู้จบอย่างนี้...”แม่ส่ายหน้าแล้วทรุดลงนั่งกับพื้น”นี่ถ้าแพ้เขาเสียควายไปก็หมดตัวเลยน่ะ ทำไมทำอะไรไม่รู้จักคิดบ้างเลย”  และพ่อที่เดินผ่านมายืนฟังอยู่ห่างๆ  มองผมแต่ไม่ได้พูดอะไร พ่อถอนใจแล้วเดินไปนั่งที่แคร่ ใช้ผ้าขาวม้าปัดตัวไล่ยุง  ผมมองพ่อกับแม่แล้วคิดถึงคำพูดของครูสมบูรณ์”เรื่องบางอย่างเราต้องคิดก่อนว่ามันคุ้มพอที่จะทำไหม”ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่า  เราครวจะคิดอะไรให้ดีก่อนทำ....

....เปลวไฟจากตะเกียงน้ำมันก๊าดวูบวาบจากบนเรือน  ส่องแสงสว่างรำไรลงมากระทบตัวพ่อที่นั่งนิ่งอยู่ที่แคร่  แม่ขึ้นไปนอนแล้ว  เจ้าคมนอนเฝ้าควายหรือนอนให้ควายเฝ้าอยู่  ผมเดินเข้ามานั่งข้างๆพ่อ”พ่อ...ฉันขอโทษที่วันนี้วู่วามไปท้าไอ้พวกนั้นอย่างงั้น...”พ่อยังนั่งนิ่ง เงียบจนผมอึดอัด”ทำไมพ่อไม่ด่าฉันเลยล่ะวันนี้..”ผมถามย้ำ  พ่อหันมามองผมด้วยสายตาเอ็นดู”จะให้ด่าอะไรล่ะ..”พ่อเริ่มพูดกับผมแล้ว”ข้าพอได้ยินเรื่องของเอ็งมาบ้างแล้ว  ตอนแรกข้าก็โมโหที่เอ็งไปท้ามันอย่างนั้น  แต่พอฟังเหตุผลแล้วข้าก็คิดว่าเอ็งทำถูก..”ผมทำหน้างงๆเพราะตั้งแต่จำความได้พ่อไม่เคยชมผมเลยมีแต่ด่าและติ “เอ็งช่วยชาวบ้านไม่ให้ตกเป็นทาสเงินกู้ไอ้แป๊ะฮง  น่ะถูกแล้ว เอ็งกล้ามากที่จะสู้  จำไว้พลังอันยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง..”ประโยคสุดท้ายของพ่อฟังคุ้นๆ”ตอนเอ็งเกิดหลวงพ่อทำนายไว้ว่า เอ็งจะเป็นคนมีชื่อเสียงและโด่งดังที่สุดในหมู่บ้านนางรอง  ข้าเลี้ยงดูเอ็งอย่างดีและคาดหวังขู่เข็ญเอ็งสารพัด  คงเป็นเพราะข้าคาดหวังในตัวเอ็งมากไป  เมื่อเอ็งไม่ได้เรื่องข้าเลยผิดหวัง  ต่อไปนี้เอ็งจงเดินตามทางที่เอ็งคิดและตัดสินใจเองเหอะ...”วันนี้พ่อพูดดีกับผมมาก ผมรู้สึกอบอุ่นใจและรู้สึกถึงความห่วงใยของพ่อที่แท้จริงของพ่อที่ผมเข้าใจผิดมาตลอด....

....”เอ็งจะทำเพื่อช่วยชาวบ้านหรือไม่อยากให้คนชั่วมันรังแกคนจนน่ะข้าไม่ว่าหรอก  แต่เอ็งต้องประมาณกำลังของตัวเองบ้าง”พ่อเริ่มพูดหลังจากนิ่งไปพักใหญ่ๆ”อย่างเอ็งนี่ คิดจะตั้งตัวเป็นผู้ช่วยเหลือชาวบ้าน  มันก็ดี  แรกๆอาจจะสนุกที่ได้ช่วยคนให้พ้นทุกข์  แต่ทุกข์ของคนเรามันไม่มีที่สิ้นสุด  ลองมีคนมานั่งเล่าความทุกข์ให้เอ็งฟังทุกวันๆ  วันล่ะหลายๆเรื่อง  คราวนี้แหละ  เอ็งจะรู้ว่ามันไม่ง่าย  แล้วพอช่วยไม่ได้ใจมันจะห่อเหี่ยว..”ผมฟังแล้วก็รู้สึกเหมือนพ่อ ใจจริงของ ผมแค่อยากจะช่วยเหลือชาวบ้านไม่ให้เป็นหนี้พวกหน้าเลือดขี้โกง  แต่ผมจะช่วยได้สักเท่าไหร่  ผมมองดูรอบๆตัวแล้วก็คิดเสียดาย”งั้นไอ้ที่ฉันจะทำนี่ พ่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์เลยรึ  ฉันก็แค่อยากเป็นที่พึ่งของชาวบ้านและก็อยากให้เขาชื่นชมและยกย่องฉันบ้างก็เท่านั้น.....”พ่อมองผมอย่างเข้าใจ  และจ้องหน้าผมพร้อมด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น “ถ้าเอ็งอยากเป็นที่พึ่งของชาวบ้านจริงๆ  เอ็งก็ครวทำแล้ว  ช่วยแบ่งเบาชี้ช่องทางให้ชาวบ้าน  บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ให้มากๆเท่าที่ทำได้  ไม่ช้าเอ็งก็จะครองใจคนเขาให้นับถือและเชิดชูเอ็งได้  คนเราน่ะใช้อิทธิพลและอำนาจกดขี่ปกครองคนน่ะ  มันอยู่ไม่ยั่งยืนหรอก  ต้องให้เขาชื่นชมและนับถือเราด้วยใจ  แล้วก็ไม่ใช่จะทำวันนี้แล้วพรุ้งนี้เขาจะนับถือเราเลยน่ะ  ความดีน่ะมันทำยากและเห็นผลช้ากว่าทำความชั่ว  เพราะอย่างนี้แหละคนมันถึงท้อไม่อยากทำความดีกัน  เพราะบางครั้งทำความดีไปแล้วก็มักไม่มีคนเห็น.....”

….พ่อคุยกับผมอีกสักพักก็แยกตัวขึ้นไปนอน  ผมเดินมานั่งที่ข้างๆคอกควาย  เจ้าคมหลับสนิทให้ควายผมยืนเคี้ยวเอื้องเฝ้าและผมเกิดปวดฉี่จึงเดินไปฉี่ในที่มืด  แต่ระหว่างฉี่ผมเห็นชายสามคนคลุมหัวด้วยไอ้โม่งย่องเข้าไปที่คอกควายของผม  มันค่อยๆเดินผ่านเจ้าคมแล้วเปิดคอกควาย  ผมหยิบไม้ย่องเข้าไป  และหวดใส่เต็มแรงไปที่ไอ้คนที่ยืนอยู่ใก้ลมันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด  เจ้าคมตกใจตื่นร้องเสียงดังว่า ขโมยมาขโมยควาย พวกมันตกใจเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว  พ่อวิ่งลงมาพร้อมดาบยาว  ถามผมอย่างตื่นเต้นและตกใจ”ใครมาขโมยควายของเรา...”เจ้าคมทำท่าเข่นเขี้ยวห้าวหาญเมื่อขโมยหนีไปหมดแล้ว”ต้องเป็นฝีมือพวกไอ้เม้งแน่ๆเลย”ผมเองก็มั่นใจ”ต้องเป็นพวกมันแน่  ผมว่าเราบุกไปลุยกับมันตอนนี้เลยดีไหม มันเล่นสกปรกกับเราทุกอย่าง”พ่อทำสีหน้าเรียบเฉยและสั่งห้าม”อย่าไปเลย ไม่มีประโยชน์หรอก..”ผมให้รู้สึกขัดใจที่พ่อห้าม”มีสิพ่อ  ไปสั่งสอนให้มันรู้สำนึกเสียบ้าง  ไม่งั้นมันก็มาลอบกัดเราอยู่อย่างนี้..”เจ้าคมเองก็ทำหน้าครุ่นคิด”เอ...หรือมันจะเป็นแผนซ้อนแผนล่อให้เราไปหามัน  แล้วมันจะย้อนกลับมาขโมยควายเราอีกรอบ  ถ้าพี่จะไปผมจะอาสาอยู่เฝ้าควายเอง...”เจ้าคมออกความเห็น  ผมตวาดเสียงดัง”ไม่ต้องเฝ้า เดี่ยวกูจะขี่ควายไปไล่ขวิดพวกมันที่บ้านเลย..”แต่พ่อก็โบกมือห้ามเอาไว้”ไม่ต้องไปทำอะไรหรอก  พวกมึงเฉยๆไว้  มันจะเล่นสกปรกหรือขี้โกงมายังไง  เราก็เฉยไว้  คนคิดชั่วยังไงมันก็แพ้ภัยตัวเองวันยันค่ำ...”ผมมองพ่ออย่างไม่เข้าใจทำไมพ่อพูดอย่างงั้น  ปล่อยให้มันทำตามใจเดี่ยวมันก็เหิมเกริมคิดว่าเรากลัวมัน  “ผมยังยืนนิ่ง แล้วหันมามองบอกผมด้วยสีหน้าที่สงบเรียบ”จำที่หลวงพ่อสอนเราได้ไหม  ธรรมะย่อมชนะอธรรม  ความดีย่อมชนะความชั่ว  ใช้ความสงบสยบความเครื่อนไหว...”ผมกับเจ้าคมนั่งลงพนมมือไห้วพ่อแล้วบอกสาธุพร้อมกัน พ่อหันมามองแล้วยกเท้าจะถีบพวกเรา”ทะลึ่งนะพวกมึงนี่..”ผมกับเจ้าคมลุกขึ้นหัวเราะขำๆ”แหมพ่อนี่ทำตัวยังกับพระแล้วเมื่อไหร่จะบวชละหลวงพ่อ...”ผมยังไม่วายแซว  พ่อมองตาขวางๆแล้วบอกผม”กูพูดเรื่องจริง  ไม่เชื่อพรุ้งนี้มึงคอยดู  ว่าความดีจะชนะความชั่วได้ไหม....”

....วันต่อมาที่ท้องทุ่งนาของอาก้อนสถานที่นัดหมายในการดวลไถนาระหว่างผมกับพวกแป๊ะฮง  รอบๆยริเวณทุ่งนาและบนถนนลูกรังคับคั่งด้วยชาวบ้านมากมาย  เพราะข่าวการดวลกันครั้งนี้ระบือลือลั่น  การดวลและเดิมพันที่พิสดารที่ใครๆต่างก็อยากจะสัมผัสและเห็นกับตา  การเดิมพัน ตีไก่  กัดปลา  แข่งวัวแข่งควายหรือ  ไฮโลว์  ถั่ว โป  ก็เห็นกันมาหมดจยชินหูชินตา  แต่การแข่งระหว่างควายเหล็กกับควายจริงนี่ยังไม่เคยปรากฎมาก่อนเลย  และแน่นอนสำหรับนิสัยคนไทย  เมื่อมีการแข่งขันก็ย่อมมีการพนันขันต่อ  และเมื่อมีการพนันขันต่อชนิดใหม่  มันก้ต้องตื่นเต้นและตื่นตัวเป็นธรรมดา  การต่อรองจึงสดใหม่และแผ่ขยายไปแทบทุกหัวระแหงของนักเสี่ยงโชค....

...สถานที่แข่งขันถูกกำหนดเอาไว้ง่ายๆ แบ่งร่องคันนาเป็นสองฝั่ง  ให้ควายเหล็กอยู่อีกฝากคันนา  เมื่อให้สัญญาณทั้งควายจริงและควายเหล็กจะแข่งกันไถนา  ใครเสร็จก่อนแล้ววิ่งมาคว้าธงแดงได้เป็นผู้ชนะ  กติกาง่ายๆ  แข่งกันง่ายๆ  แต่จะทำได้ง่ายหรือเปล่านั่นคือคำตอบ “มันก็เป็นการแข่งที่แฟร์ๆ   และขึ้นอยู่ที่คนบังคับว่าจะทำให้ควายของตนไถได้เร็วแค่ไหน  ข้าว่าควายจริงมันคงบังคับยากกว่าควายเหล็กว่ะ  ข้าให้ควายเหล็กเป็นต่อ 5 – 4”ผู้สันทัดกรณีคนหนึ่งวิจารณ์ขึ้นมา”ไม่แน่น่ะ  ควายเหล็กมันบังคับง่ายก็จริงแต่ความคร่องตัวของควายจริงจะเหนือกว่า ข้าถือหางควายจริงว่ะ..”เมื่อมีผู้สันทัดกรณีอีกคนก็วิจารณ์ค้าน  ทำให้ต่างฝ่ายต่างมีข้อมูลก็ช่วยเพิ่มเติมความมั่นใจในการลงเงินถือหางของทั้งสองฝ่าย  วงเงินจำนวนมากจึงสะพัดในการพนันขันต่อครั้งนี้....

....แม้นอากาศตอนสายๆนี่จะค่อนข้างร้อน  แต่กลุ่มชาวบ้านที่มาดูก็หนาแน่น  ผม พ่อและเจ้าคมเดินจูงควายไปยังสถานที่นัดแข่ง  เมื่อมาถึงก็มีเสียงปรบมือโห่ร้องต้อนรับและคำทักทายจากผู้ถือหางผมอย่างคับคั่ง  ผมมองหาสร้อยเผื่อเธอจะมาบ้างแต่ก็หาไม่เจอ  แต่ทว่ายืนผิดหวังไม่นานก็ได้เห็นสร้อยขี่จักรยานมาจอดใก้ลๆ”แหมสร้อย..พี่นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว..”สร้อยมองผมทำท่าค้อนๆ”ก็ว่าจะไม่มาอยู่แล้ว  เป็นบ้าอะไร  ไม่มีอะไรทำรึไงไปท้าพวกแป๊ะแข่งเพี้ยนๆ”ผมมองตาสาวคนรักละห้อย”แหม..พี่ทำเพื่อชาวบ้านน่ะ...”สร้อยพูดสะบัดๆ”แล้วชาวบ้านทำอะไรให้พี่บ้างล่ะ..”เจ้าคมเลยสอดขึ้นบ้าง”ถ้าสร้อยไม่มานี่  พี่เค้าจะไปเอากำลังใจมาจากไหนล่ะ..”สร้อยเบะปากแล้วหันมามองผม”ก็เอาจากชาวบ้านไง  พ่อคนของประชาชน..”ผมอยากจะดึงสาวคนรักมากอดหอมลงโทษฐานที่ต่อปากต่อคำทำงอนใส่  แต่ติดที่คนเยอะทำไม่ได้เลยได้แต่ยิ้ม  แล้วกัดฟันมันเขี้ยว  รอแข่งเสร้จก่อนเถอะ  โดนแน่...

....แต่สักพักขบวนของแป๊ะฮงก็ยกมาโดยมีแตรวงเป่า ฉิ่งฉาบและกลองยาวแห่นำหน้าพวกผู้ติดตามและเหล่าสมุนต่างร้องรำทำเพลงร่วมขบวนมาอย่างสนุกสนาน  รถไถถูกต่อพ่วงเป็นรถอีแต่น  แป๊ะฮง  ไอ้เม้งและผู้ใหญ่สิงห์นั่งเด่นเป็นสง่าเห็นมาแต่ไกล  พอเข้ามาใก้ลเสียงโห่ร้องต้อนรับก็ดังประสานเสียงแตรวงสนั่นทุ่ง  แป๊ะฮง ไอ้เม้งและผู้ใหญ่สิงห์โบกไม้โบกมือให้กับชาวบ้านอย่างกับตัวเองเป็นคนสำคัญ  เมื่อมาถึงพวกมันก็ก้าวลงจากรถและเดินเข้ามาหาผม”ว่าไงลื้อพร้อมหรือยัง  แต่ถ้าเกิดปอดแหกกลัวไม่อยากแข่งล่ะก้อ  กราบขอโทษอั๊วะก่อนแล้ว อั๊วะก็จะยกโทษให้ไม่ต้องแข่งให้เกิดความสูญเสียต่อกัน..เอาไหม...”แป๊ะฮงเสนอในสิ่งที่ผมไม่มีทางจะสนอง”ข้าว่าแป๊ะนั่นแหละ  ครวจะเป็นฝ่ายทำ..”ผมย้อนกลับไปแป๊ะฮงทำตาดุ”สามหาว..ไอ้เด็กเมื่อวานซืน  ลื้อนี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา วันนี้อั๊วะจะสั่งสอนให้ลื้อได้สำนึกว่าไม่ครวมาต่อกรกับคนอย่างอั๊วะ..”แป๊ะฮงร่ายยาว  ผมแค่นหัวเราะ”เอาเหอะไม่ต้องพูดมาก  เบื่อฟัง  ไหน..ใครจะเป็นคนมาแข่งกับข้า  ไอ้เม้งเรอะ...”ผมถามหาคู่ต่อสู้  ที่ไม่รู้ว่ามันจะส่งใครมา ฝีมือไถนาเป็นอย่างไง”เหอ เหอ เหอ กูมันระดับผู้บังคับบัณชาโว้ย  ไม่ลดตัวไปไถนาแข่งกับมึงหรอก...”ไอ้เม้งเดินออกมายืนต่อหน้าผม  แล้วผายมือไปยังชายผิวดำที่ไม่ใส่เสื้อ คนที่ยืนหันหลังอยู่ที่ข้างๆถนน”คนที่จะแข่งกับมึงคือคนนี้  สิงห์คะนองนา...ขอเพลงหน่อย..”

...สิ้นคำประกาศของไอ้เม้ง  ชายผิวดำร่างกายล่ำสัน  ก็หันมา โชว์แผงกร้ามบึ้กมันวับไปด้วยน้ำมันที่ชะโลมไว้  หน้าตามันคมเข้ม หล่อเหลา  ชนิดสาวแก่แม่ม่ายที่มาร่วมดูการแข่งในวันนี้ด้วยส่งเสียงกรี๊ดเป่าปากหวีดร้องอย่างคลั่งไข่..เอ้ย..คลั่งไค้ร..สิงห์คะนองนา  จอมไถนาในตำนานที่เลื่องลือ  มันไปหาตัวมาจากไหน  ยิ่งเสียงเพลงประจำตัวของมันจากวงดลตรีแห่ดังขึ้น   ก็ส่งรัศมีแห่งความเท่ส์และความเก่งของมันออกมา  ให้โดดเด่นเหนือกว่าผมชนิดเทียบกันไม่ติด..

…..เพลง   อื้อฮื้อหล่อจัง     ขับร้องโดย พุ่มพวง ดวงจันทร์ (เพลงประจำตัวไอ้ สิงห์คะนองนา)
DmIntro...
..อื้อฮื้อหล่อจัง   อะฮ้าหล่อจริง
คู่ใครนะนิ้งเป็นบ้า นี่แค่มองสบตา
ห่างกันตั้งสี่วา  อะฮ้าใจหายว้าบ
อื้อฮื้อ เท่ห์จริง อื้อฮื้อ บึกบึน   น่ายืนคล้องแขนขนาบ
ดูท่าทางสุภาพ    โสดใช่ไหมอยากทราบ
งาบเสียดีไหมเรา
วงแขนกล้ามเป็นมัด มัด   อุ้ยน่าจะกัดแขนเล่นเบา เบา
น่ากระซิบ เบียดกายกระแซะ   แล้ววางมือแมะ ไว้บนหัวเข่า
อยากกระซิบเบา เบา   ว่าตอนนี้เหงาใจจังเลย
อื้อฮื้อ หล่อจัง อะฮ้ามาดแมน   นี่แฟนของใครกันเอ่ย
ถ้าพ่องามทรามเชย   โจทย์ไม่มีเปิดเผย
จะนั่งเข่าเกยคุยด้วยทั้งคืน
(ดนตรี.....)
..วงแขนกล้ามเป็นมัด มัด    อุ้ยน่าจะกัดแขนเล่นเบา เบา
น่ากระซิบ เบียดกายกระแซะ   แล้ววางมือแมะ ไว้บนหัวเข่า
อยากกระซิบเบา เบา   ว่าตอนนี้เหงาใจจังเลย
อื้อฮื้อ หล่อจัง อะฮ้ามาดแมน   นี่แฟนของใครกันเอ่ย
ถ้าพ่องามทรามเชย   โจทย์ไม่มีเปิดเผย
จะนั่งเข่าเกยคุยด้วยทั้งคืน
อื้อฮื้อ หล่อจัง อะฮ้าหล่อจริง   อื้อฮื้อ หล่อจัง อะฮ้าหล่อจริ๊ง.....

....เจ้าสิงห์คะนองนายืนแอ้กบิดตัวทำเท่ส์ตามจังหวะดลตรีและเสียงกรี๊ดของสาวๆ  และจังหวะต่อมาก็ไปจับรถไถควายเหล็กติดเครื่อง แล่นทะยานผาดโผนไปมาโชว์ลีลา  ทั้งหกคะเมนตีลังกาบนคันจับของรถไถ  ลีลาคร้ายๆกับแสดงกายกรรมให้ดูหวาดเสียว  เรียกเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ด  ในความอึ้ง ทึ้ง เสียว  จากสาวๆและชาวบ้าน....

....เจ้าคมที่ตะลึงดูอยู่นานเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วกระซิบถาม”แม่ง...ไอ้พวกนี้มันทำเชี่ย..อะไรกันเนี่ย..พี่..”ผมส่ายหัวบอกมันไปตรงๆ”กูก็ไม่รู้ว่ะ..”ไอ้เม้งเดินยิ้มเข้ามาหา “มึงพร้อมหรือยัง  ถ้าพร้อมก็ลงไปประจำที่ได้”ผมพยักหน้าบอกว่าพร้อม  ไอ้เม้งหันไปสั่งวงดลตรีของมันว่า”เฮ้ย..ตอนกำลังแข่งนี่  บรรเลงเพลงเชิดนะโว้ย  พอไอ้นี่มันแพ้น่ะ บรรเลงเพลง ธรณีกรรแสงนะ...จำเอาไว้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”ไอ้เม้งหัวเราะอย่างสุขสมสะใจ  แล้วมันก็เดินไปรวมกลุ่มของมันชนิดน่าถีบส่ง...

....พ่อผมเดินเข้ามาหาและยื่นผ้าให้ผมสองชิ้น  ผมจำได้ว่ามันเป็นชายผ้าถุงกับชายผ้าขาวม้าของพ่อ “เอาโพกหัวไว้  ชายไทยสมัยโบราณเวลาออกรบทัพจับศึกน่ะ  เขาจะเอาชายผ้าถุงกับชายผ้าขาวม้าของพ่อติดตัวไปออกศึกเสมอ  มันจะช่วยให้มีชัย ปลอดภัยกลับมา...”ผมยกมือไห้วขอบพระคุณพ่อของผมอย่างสุดซึ้ง”พ่อ..ฉันไม่ได้ไปรบที่ไหน  แค่ไปแข่งไถนา  ฉันว่าไม่ต้องหรอก...”พ่อทำหน้าดุใส่ผม”มึงนี่...หัดเชื่อฟังพ่อแม่บ้าง  ก้มหัวมา เดี๋ยวกูจะลงคาถาให้มึงชนะ...”ผมเลยต้องก้มหัวให้พ่อพันผ้าขาวม้ากับผ้าถุง  แล้วพ่อก็บริกรรมคาถาเป่าพรวดๆที่หัวผม  แล้วกระซิบข้างหูให้ผมทำตาม  ผมยกมือพนมบริกรรมคาถาตามที่พ่อสอน  แล้วยกเท้ากระทืบพื้นแรงๆสามครั้ง”โอ้ย...พี่เม้ง..แม่งมันเล่นคาถานะจังงัน..ด้วย..”ลูกน้องคนหนึ่งของไอ้เม้งตะโกนบอก  พวกมันหัวเราะกันร่วน”เล่นลงคาถาอย่างงี้เราก็แย่นะสิ...ฮ่าๆๆๆ”ไอ้เม้งหัวเราะเยาะ  ผมไม่สนใจจูงควายเดินไปเข้าที่  ขณะไอ้สิงห์คะนองนาก็ยังวาดลวดลายขับรถไถควายเหล็กของมันยกล้อข้ามเข้ายังแปลงนาตามมาประจำที่...

….”สู้เขาน่ะพี่  สร้อยเอาใจช่วย  อย่ายอมแพ้น่ะ...”สาวคนรักของผมส่งเสียงเชียร์  และครูสมบูรณ์ก็เดินแหวกกลุ่มคนดูเข้ามายืนข้างๆสร้อย  ครูหนุ่มยิ้มให้ผม”นึกว่ามาไม่ทันได้ดูการดวลระดับตำนานของบ้านนางรองเสียแล้ว”ผมยิ้มให้ครูหนุ่มที่แซวมามุกนี้”แหมไม่นึกว่าครูจะมาดูด้วย”ครูหนุ่มหัวเราะ”ไม่มาได้อย่างไง  ใครจะกล้าพลาดได้  ว่าแต่นายเวลาแข่งน่ะ  ตั้งสติให้ดี  อย่าใช้อารมณ์เด็ดขาด..”ครูหนุ่มเตือนผม  สร้อยยืนข้างๆก็พูดเสริมด้วย”ใช่..พี่อย่าใจร้อนนะ  แข่งคราวนี้สำคัญมาก แพ้เสียควายเนื้อ ชนะได้ควายเหล็ก ถ้าพี่แพ้หมดตัวเลยนะ  กว่าจะตั้งตัวได้อีกสร้อยรอไม่ไหวแน่...”ผมฟังแล้วรู้สึกกดดันเหลือเกิน  ไม่น่าไปท้าแข่งบ้าๆกับพวกไอ้เม้งเลย

....ครับผมเป็นลูกชาวนาเติบโตมากับท้องนา  ผมยังมั่นใจว่าการไถนาแบบเก่าโดยใช้ควายจริงต้องดีกว่าใช้ควายเหล็กหรือรถไถนา  วิธีไถนาแบบใช้ควายนั้น  ผมได้รับการสั่งสอนมาจากพ่อ  แม้นผมจะไม่ค่อยชอบทำนาเลยก็ตาม  นี่คือวิธีการฝึกควายไถนา เป็นภูมิปัญญาของไทยมาช้านาน

....เริ่มต้นต้องฝึกควายให้รู้จักการบังคับให้ไปทางซ้ายทางขวาและสั่งให้หยุดตามต้องการพอฝึกได้จึงสามารถนำมาใช้งานได้
....ลักษณะควายที่จะนำมาใช้ได้นั้นต้องเลือกตัวที่เชื่องไม่ตื่นตกใจง่ายมีลักษณะเด่นเช่นลำตัวใหญ่แข็งแรงสุขภาพสมบูรณ์ดีไม่เลือกเพศผู้หรือเพศเมียก็ได้ ทั้งนี้ตัวเมียจะฝึกได้ง่ายกว่าตัวผู้ที่มักจะคึกเปรียวช่วงวัยหนุ่ม

*อุปกรณ์ไถนา
...ประกอบด้วย คันไถพร้อมส่วนประกอบครบเครื่อง แอกใหญ่ สายอ้อมคอสำหรับใส่คอควาย เชือกลากจูง แอกน้อย เชือกลากคันไถให้ขนาดพอดีไม่สั้นหรือยาวเกินไป

*ก่อนนำควายมาฝึกไถนา

....คนโบราณให้กลั้นลมหายใจประมาณหนึ่งอึดใจแล้วใช้ฝ่าเท้าเหยียบไปที่ก้านคอควาย ให้ควายโน้มคอลงมาก่อนจึงเหยียบ บริเวณที่จะวางแอกทำจำนวนสามครั้งเป็นการเตือนให้รู้ว่าพร้อมที่จะทำการไถนา ถ้าหากควายแสดงอาการดิ้นรนแสดงว่าไม่พร้อมที่จะใส่แอกใส่ไถได้

*วิธีการใส่ไถ

1.เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เช่นคันไถ แอกใหญ่ สายอ้อมคอ เชือกผูกแอกใหญ่โยงไปจูงคันไถให้ครบถ้วนแล้วนำควายมาใส่ไถ

2.ถ้าควายยังไม่เคยฝึกต้องมีคนคอยจูงอีกคนหนึ่ง ทั้งคนจูงและคนบังคับคันไถต้องเข้าใจกันว่าจะต้องเดินไปทางใดให้เป็นทิศทางเดียวกัน

3.คนไถต้องบังคับคันไถให้ได้ลึกตามความต้องการและระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา

4.ผู้จูงควายนำหน้าควาย  ให้ควายเดินไปตามไถที่ไถไปแล้วรอบก่อนทุกๆรอบจนกว่าควายจะเคยชิน  แล้วค่อยๆปล่อยให้คนบังคับคันไถไล่ควายและบังคับไปเอง

5.ควายไม่เหมือนเครื่องจักรต้องเข้าใจว่าการทำงานจะต้องใช้เวลาด้วยความอดทน  ถ้าควายแสดงอาการร้อนต้องใช้น้ำมาลาดลำตัวให้เย็น ควายจะได้ไม่เครียดเชื่องเชื่อฟังคำสั่ง

6.เวลาทำการไถควรต้องเป็นตอนเช้าหรือตอนเย็นจึงจะเหมาะสม กลางวันก็ปล่อยให้ควายออกหาเล็มหญ้ากินตามปกติ

….เมื่อผมและไอ้สิงห์คะนองนาเข้าประจำที่แล้ว  ผู้ใหญ่สนิงห์ในฐานะคนเป้นกลางแต่เอียงไปทางพวกแป๊ะฮง ก็เดินมายืนที่คันนาตรงกลางกั้นแปลงระหว่างผมกับไอ้สิงห์คะนองนา  แกประกาศเสียงดังฟังชัดแนะนำและบอกเหตุผลในการแข่ง  เมื่อแกถามผมและไอ้สิงห์คะนองนาว่าพร้อมหรือยังแล้ว  ผู้ใหญ่สิงห์ชักปืนออกมาแล้วยิงขึ้นฟ้าเป็นสัญญาณให้เริ่มออกตัวแข่งขันได้  ผมยกไม้ขึ้นตีก้นควายให้มันเครื่อนตัวลากคันไถ  ส่วนไอ้สิงห์คะนองนาก็สตาร์ทเครื่อง  กดคันเร่งส่งควายเหล็กของมันพุ่งทะยานออกไป.....

....ผมบังคับควายของตัวเองให้ลากคันไถไปในร่องนาที่กำหนด  เสียงเชียร์จากคนถือหางดังลั่นทุ่ง  เสียงแตรวงก็บรรเลงอย่างเมามัน  ไอ้สิงห์คะนองนาดูท่ามันจะมั่นใจ   ยามผมหันไปดูมัน  ตัวรถและตัวของมันก้จะนำหน้าผมอยู่หนึ่งช่วงตัวเสมอ  เสียงสร้อยพยายามเชียร์เร่งให้ผมกลับมาแซงมันให้ได้ดังเข้าหูมาเป็นระยะ  ไอ้สิงห์คะนองนาเริ่มทิ้งช่วงห่างผมไปเรื่อยๆ  ร่องนาของมันเหลืออีกไม่กี่รอบก็จะเสร็จ  ควายของผมยังเดินอย่างใจเย็น   ดูท่าจะแพ้คนเชียร์และพวกที่ลุ้นเริ่มถอดใจ  เบาเสียงลง  ต่างจากกลุ่มของแป๊ะฮงและพวกที่ถือหาง  ต่างร้องรำทำเพลงหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน  ไอ้สิงห์คะนองนาเองก็ดูจะมั่นใจในชัยชนะ  มันหยุดรถไถควายเหล็กของมันและโชว์ลีลา  ยกตัวเอาขาชี้ฟ้าโดยมือจับอยู่ที่คันรถไถ  จากนั้นก็โชว์อีกหลายลีลา  ส่วนผมและควายผมยังค่อยๆเยื้องย่างไถตามมาเรื่อยๆ...

....และสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อไอ้สิงห์คะนองนา  มันโชว์ขับรถแล้วเบรกให้รถมันหนุมตัวจนเกิดการผิดพลาด  เมื่อรถเหวี่ยงตัวมันลอยข้ามคันนามาตกตุ๊บตรงร่องนาของผมท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน  มันลุกขึ้นอย่างยากลำบากด้วยความจุกเสียด  ส่วนควายเหล็กของมันที่เครื่องยังไม่ดับ  ก็พุ่งทะยานปีนขอบคันนาต่อไปยังขอบถนนขึ้นไปหากลุ่มแป๊ะฮงและพวกกองเชียร์ของมันที่ต้องวิ่งหลบกันจ้าระหวัน   ไอ้สิงห์คะนองนาลุกขึ้น  แล้วก็ตาลีตาเหลือกวิ่งตามรถไถของมันที่วิ่งได้เองแล้วไปจอดดับหมดฤทธ์อยู่อีกฟากของถนน  มันพยายามสตารืทติดเครื่องเพื่อกลับมาแข่งใหม่  แต่ผมก็สบายใจไล่ควายเนื้อไถนาไปเรื่อยๆ  เสียงไอ้เม้งและแป๊ะองร้องด่าเร่งไอ้สิงห์คะนองนาให้กลับมาแข่งไวๆ  และหันมามองผมเป็นระยะๆ”เร็วๆโว้ย....มันจะเสร็จแล้ว  ไอ้ควายคะนองนา จะชนะอยู่แล้วมัวแต่โชว์ออฟอยู่ได้...”เสียงไอ้เม้งร้องด่า  จนกระทั่งไอ้สิงห์คะนองนามันเอารถกลับมาลงที่ร่องนาได้  ก็รีบไถตามผมจนกระทั่งถึงที่สุดท้าย  ผมนำห่างมัน 2 – 3ช่วงตัว  แต่มันก็ไล่มาทันจนเสร็จพร้อมกันแต่ต้องตัดสินที่ใครจะคว้าธงแดงก่อน....

....ไอ้สิงห์คะนองนาวิ่งเบียดผมจนล้ม  แต่ผมยื่นขาไปสกัดมันจนล้มหน้าคว่ำ  พอลุกขึ้นมาได้มันก็ออกหมัดชกมาที่หน้าผม แต่ผมก็ง้างขาเตะเข้าไปที่ปลายคางของมัน  ผมกับมันก็ล้มกลิ้งตกลงไปในนาอีกครั้ง  พอลุกขึ้นมาได้ ไอ้สิงห์คะนองนาก็เงื้อหมัดต่อยมาที่ผม  แต่ผมก้มหลบและเอาดินโครนโป๊ะไปที่หน้ามันจนหงายท้อง  ดินคงเข้าตามันจึงทำให้มองไม่เห็นพอลุกขึ้นมา  มันก็คว้านมือเปะปะหาตัวผม  เลยถูกผมถีบเข้าที่ยอดอก  จนมันหงายท้องลงไปนอนนิ่ง  แล้วผมก็ค่อยๆเดินไปคว้าธงแดงชูขึ้นประกาศชัย  ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของกองเชียร์ฝ่ายผม  ด้านพวกแป๊ะฮงถึงกับหน้าเสียและทำท่าผิดหวังกันถ้วนหน้า  เสียงสร้อยร้องกรี๊ดสะใจดูจะดังกว่าเสียงของใครๆ....

....ผมเดินเข้าไปหาสร้อย  และครูสมบูรณ์ที่ปรบมือและยิ้มให้ผม  แต่ไม่ทันจะพูดอะไรเจ้าคมก็วิ่งมากอดผมและพ่อที่เดินเข้ามาตบไหล่ยินดี”เยี่ยมมากลูกพ่อ  อย่างนี้สมกับเป็นลูกพ่อ...”ฝ่ายเจ้าคมก็กอดผมสลับกับชูมือ”เยี่ยมจริงๆพี่  ไม่นึกเลยว่าพี่จะชนะได้..”ครูสมบูรณ์ไม่พูดอะไรยิ้มแล้วพยักหน้าให้ผม  สร้อยก็มองตาหวานๆ”แหมพี่...สร้อยนึกว่าจะต้องเปลี่ยนผัวซะแล้วตอนมันนำพี่ไปตั้งไกลน่ะ  วาสนาของสร้อยที่จะมีผัวคนเดียวแท้ๆ”สร้อยคงจะตื่นเต้นและลุ้นผมมากจัดจนลืมตัวว่าพูดอะไรออกมา...

....ผมหันมาที่ฝ่ายแพ้  ไอ้สิงห์คะนองนาเข็ญรถของมันเดินคอตกผ่านพรรคพวกที่ทำหน้าพูดไม่ถูก  แป๊ะฮงไม่กล้าสบตาผม ส่วนไอ้เม้งก้มหน้ามองไปทางอื่น  ผมเดินเข้าไปหาแล้วทวงสัญญา”ว่าไงแป๊ะ  แกคงเป็นลูกผู้ชายพอที่จะทำตามคำพูดใช่ไหม..”แป๊ะฮงเงียบ  ไอ้เม้งกัดฟันตัวสั่น “เอาล่ะประกาศต่อหน้าชาวบ้านเลย คนแพ้ต้องทำตามข้อตกลงที่ให้กันไว้..”แป๊ะฮงยังนิ่ง  จนผู้ใหญ๋สิงห์เดินเข้ามา  ผมคิดว่าผู้ใหญ่สิงห์จะมาช่วยเร่งให้แป๊ะฮงประกาศแต่ไม่ใช่  ผมลืมไปว่ามันเป็นพวกเดียวกัน...

....ผู้ใหญ่สิงห์เดินมาหยุดตรงหน้าผม  และหันไปมองแป๊ะฮงสลับกลับมามองหน้าผม  แล้วหันไปหากลุ่มชาวบ้านก่อนจะประกาศว่า”การแข่งขันครั้งนี้ ถือเป็นโมฆะ  “สิ้นเสียงผู้ใหญ่สิงห์ก็มีเสียงโห่ไม่เห็นด้วยดังไม่ได้สรรพ”โมฆะได้ยังไง...”เสียงร้องถามมา  ผู้ใหญ่สิงห์ยกมือขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เมื่อเสียงเงียบผู้ใหญ่สิงห์ก็อธิบาย”ที่เป็นโมฆะเพราะ  ผู้แข่งขันทั้งคู่ทำผิดคือต่อยตีกันระหว่างแข่ง  จึงปรับแพ้ทั้งคู่” เสียงโห่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยดังอื้ออึง  ผมมองหน้าผู้ใหญ่สิงห์อย่างไม่พอใจ”ตัดสินอย่างงี้ได้ไง  ลุงเข้าข้างพวกมันหรอ..”ผมถามอย่างไม่เกรงใจ”เฮ้ย...มึงพูดดีๆนะ กูเป็นคนกลางน่ะโว้ย  กูตัดสินไปตามเนื้อผ้า  ไม่เข้าข้างใครหรอก..” ผู้ใหญ่สิงห์แก้ตัวไปแบบหน้าด้านๆ  พวกไอ้เม้งหัวเราะกันร่วน โดยเฉพาะแป๊ะฮง”เสียดายด้วยว่ะ ที่คว้าธงได้ แต่ไม่ชนะ..”ไอ้เม้งยิ่งแล้วใหญ่มันหัวเราะลั่น”ดีที่มึงไม่แพ้  ได้แค่เสมอก็หรูแล้วสำหรับมึง..”ผมมองมันอย่างสังเวชใจ”พวกมึงนี่มันเดนคนแท้ๆ  รวมหัวกันโกงกูอย่างหน้าด้านๆแล้วยังมีหน้ามาเยาะเย้ยกูอีก...มึงจำเอาไว้หัวเราะทีหลังดังกว่า”ไอ้เม้งยังทำหน้าหรอกผม”แล้วรีบมาหัวเราะนะ  กูจะรอฟัง..”แล้วพวกมันก็ยกขบวนกลับกันไป  ผมมองตามอย่างเครียดแค้น  สักวันหนึ่งเถอะ  กูจะเอาคืนพวกมึงให้สาสม  เสียงคุยของมันยิ่งย้ำความแค้นของผม....

.....”แหมหัวใจของกูจะวายให้ได้ตอนลุ้นน่ะ  ทีแรกนึกว่าจะแพ้เสียแล้ว..”ไอ้เม้งคุยกับลูกน้อง”แหมมันนึกว่ามันจะชนะ  ทำท่าดีใจอย่างกับได้แชมป์บอลโลก  ฮ่า ฮ่า ฮ่า  สุดท้ายก็จ๋อยน่ะเฮีย...”ลูกน้องสอพลอมันพูดเสนอหน้า”ท่าจะผิดหวังน่าดู สะใจและสมน้ำหน้ามันจริงๆเลย...”ไอ้อีกคนช่วยพูดเสริม...

....”เอาล่ะ...เสร็จเรื่องแล้วแยกย้ายกันกลับได้  บ้านใครบ้านมัน...”ผู้ใหญ่สิงห์บอกชาวบ้านให้แยกกันกลับบ้าน  แต่ผมยังจ้องหน้าผู้ใหญ่สิงห์เจ็บใจในความอยุติธรรมที่แกมอบให้”มึงไม่ต้องมาด่ากูด้วยสายตา”ผู้ใหญ่สิงห์ดูเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไร”ต่อให้มึงมองกูจนแข็งเป็นหินไปกับตากู  กูก็ไม่รู้สึกหรอก  โลกมันก็ยังงี้แหละว่า  มึงทำใจบ้าง..”ผมยังมองผู้ใหญ่สิงห์ไม่ล่ะตา”ข้าไม่เชื่อหรอกว่าความยุติธรรมไม่มีในโลก  เพียงแต่ที่มันไม่มีในตอนนี้เพราะคนตัดสินคือลุงสิงห์ต่างหาก..”ผู้ใหญ่บ้านนางรองถอนหายใจ”กูไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร  ไว้มึงเป็นผู้ใหญ่บ้านก่อน  มึงจะรู้เอง...”ผู้ใหญ่สิงห์หันหลังจะเดินหนีไปผมจึงตะโกนตามหลังไป”ถ้าข้าได้เป็นผู้ใหญ่บ้านนางรอง  ข้าจะเป็นคนยุติธรรม และข้าก็จะไม่ทำตัวอย่างลุงสิงห์เด็ดขาด...คอยดู..”ผู้ใหญ่สิงห์หยุดกึกแต่ไม่หันมา  สักพักก็ออกเดินไป...

....ผมกลับมาถึงบ้านหงุดหงิดที่ถูกโกงชัยชนะไปดื้อๆ  พ่อ แม่และเจ้าคมก็คอยช่วยปลอบใจ “แม่งเหนื่อยแทบตายโดนมันรวมหัวกันโกงได้  เจ็บใจโว้ย...”ผมตะโกนโวยวาย  พ่อเดินมานั่งข้างๆ”โมโหไปก็เท่านั้น  คิดเสียว่าดีที่ไม่แพ้ก็พอแล้ว”พ่อพยายามปลอบใจผมทั้งที่เสียดายไม่แพ้กัน”แนจะไม่ลืมความอยุติธรรมครั้งนี้เลย  คอยดูน่ะ ไอ้พวกขี้โกง  สักวันกูจะถอนรากถอนโคนความชั่วพวกมึง..”พ่อมาสะกิดเตือน”เฮ้อ..จำไว้ลูกเอ๋ย..เวณย่อมระงับด้วยการไม่จองเวณ..”ผมมองหน้าพ่อแล้วยกมือไห้วท่วมหัวแล้วบอกว่า...สาธุ.....

....เย็นนั้นสร้อยขี่จักรยานมาหาผมที่เรือน  พอดีครูสมบูรณ์ก็แวะมาหาผมด้วย  ผมจึงชวนทั้งสองมานั่งคุยกันที่แคร่หน้าบ้าน”เสียใจด้วยน่ะวันนี้น่าจะชนะแท้ๆ”ครูหนุ่มบอกผมเรื่องเมื่อกลางวัน”ไม่เป็นไรหรอกครับ  เรื่องถูกโกงผมเจอบ่อย”สร้อยนั่งอยู่ข้างๆผมก็จับมือของผมขึ้นมาดู”โห...พี่มือพองหมดเลย..มาสร้อยใส่ยาให้..”แล้วสร้อยก็เดินขึ้นเรือนไปหายาแดงเพื่อมาใส่แผลให้ผม  ระหว่างนั้นครูสมบูรณ์ก็ชวนผมคุย”น่าอิจฉานายน่ะ  ที่มีคนรักจริงใจขนาดนี้...”ผมยิ้มให้ครูหนุ่ม”สร้อยคือทุกอย่างของผม  ถ้าหากต้องสูญเสียแล้ว สร้อยคือสิ่งสุดท้ายที่ผมจะยอมเสีย”ผมทำหน้าจริงจังจนครูหนุ่ม มองอย่างอึดอัด  สร้อยลงมาพอดีและเอายาทามือให้ผม “ผมคงไม่อยู่ขัดคอแล้วล่ะครับ ขอตัวกลับก่อนน่ะ..ถ้าพรุ้งนี้นายค่อยยังชั่วอยากจะเรียนกับฉันก็ไปได้เลยน่ะ”แล้วครูสมบูรณ์ก็ขอตัวกลับบ้านไปดื้อๆ  ผมกับสร้อยยังคงนั่งคุยและหยอกเย้ากันอยู่ที่แคร่หน้าเรือน....

....”เอ...มานี่หาพี่ที่นี่  สร้อยไม่กลัวพ่อมาตามรึ...”สร้อยยื่นหน้ามาใกล้ๆหน้าผมทำหน้าล้อๆ”ไม่กลัว  พ่อไม่อยู่  แม่ก็ไม่อยู่..”ผมดึงร่างสร้อยเข้ามากอด”แล้วไปไหนกันหมดล่ะ..”สร้อยซุกตัวมาในอ้อมแขนของผม”ไปงานศพลุงเจิม  กว่าจะกลับก็คงดึกๆ  ถ้ากลับไปตอนนี้ สร้อยก็อยู่บ้านคนเดียวน่ะสิ  สร้อยกลัวน่ะ..”สร้อยพูดแล้วมองผมด้วยสายตามีความหมาย”งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง  แล้วถ้าสร้อยกลัวพี่ก็จะอยู่เป็นเพื่อน เอาไหม..”สร้อยยิ้มอย่างรู้ความหมาย “เอาสิ...แต่อยู่ได้แป๊ปเดียวน่ะ  พ่อ แม่มาต้องรีบกลับน่ะ”แหมมันก็แน่นอนอยู่แล้วนี่  แล้วผมก็ขี่จักรยานโดยมีสร้อยซ้อนท้าย  ตรงไปยังบ้านของเธอในบรรยากาศใก้ลๆมืดสลัวๆ....

....ผมกับสร้อยมาถึงบ้านของเธอ  ตอนนี้เงียบสนิทเพราะไม่มีคนอยู่  ผมจอดจักรยานไว้ใต้ถุน  แล้วเดินมากอดเธอจากด้าหลัง สร้อยทำดิ้นเล่นตัว”ปล่อยน่ะ  เดี๋ยวใครมาเห็น..”ผมไม่ป่ลอยยิ่งกอดแน่นหอมซ้าย-ขวา สร้อยสะบับจนหลุด ส่งเสียงกระเส่า “บ้า บอกว่าอย่าๆๆ ไม่ฟังเลย กลับไปเลย สร้อยโกทธแล้วน่ะ  โกทธจริงๆ..”สร้อยไล่ดื้อๆ  แต่ผมยังไม่ไปไหน เดินตามเธอไปที่บันได”ตามมาทำไม บอกให้กลับบ้านไป..”สร้อยทำแสร้งถาม ทั้งที่รู้ว่าผมตามมาทำไม”ตามหาหัวใจน่ะ  อุ้ย..นี่เก็บได้แล้วดวงหนึ่งของใครไม่รู้ ส้วยสวย  สร้อยดูดิ”ผมเล่นมุก  สร้อยยิ้มและก็เล่นด้วย”ไหนขอดูหน่อยสิ...อ้อ..รู้แล้ว..ของควายเอง  สงสัยมีควายโง่ๆมันทำตกไว้..”สร้อยพูดแล้วหัวเราะขำคิกๆดูแล้วน่ารัก”เอาเหอะ เขาว่าความรักทำให้คนโง่เหมือนควาย  ถ้าพี่รักสร้อยแล้วต้องโง่เหมือนควาย  พี่ก็พร้อมจะกินหญ้าแทนข้าว..”ผมพูดงอนๆ”แหม..ทำเป็นน้อยใจไปได้  ถ้าอยากไปไหนก็ไปเลย  ไม่ง้อหรอก..”สร้อยทำเป็นเอ่ยไล่”ให้ไปไหนก็ได้จริงหรอ..”ผมถามแล้วมองสร้อยที่เมินไม่มองหน้าผม”ไปเลยอยากไปก็ไปเลย..”ผมตรงเข้ากอดร่างสร้อยแน่น”โฮ่...วันนี้สร้อยพูดไม่น่ารักเลย  อุตส่าห์มาส่งถึงบ้านเลยนะนี่..”สร้อยไม่ดิ้นขัดขืนยอมอยู่ในอ้อมกอดผม”ก็แค่มาส่งอย่างเดียว  ทำอย่างอื่นด้วยก็ว่าไปอย่าง..”ผมมองตาสาวคนรักที่ตอนนี้ตาปลือเหมือนคนง่วงนอน  ผมก้มตัวอุ้มเธอขึ้นมาทันที”อุ้ยบ้านี่พี่จะทำอะไรเนี๋ยะ..ปล่อยสร้อยน่ะ..ปล่อย..”ปากบอกให้ปล่อยแต่ไม่ยอมดิ้นรณขัดขืนเลย”ไม่ปล่อย..เดี๋ยวพี่จะบริการอุ้มส่งสร้อยให้ถึงห้องเลย..”สร้อยยังไม่วายอิดออด”ปล่อยเหอะเดี๋ยวหกล้ม เจ็บตัวกันอีก..”ผมมองหน้าสาวคนรักและอุ้มขึ้นบันไดไปช้าๆ”ไม่ล้มหรอกสร้อย  มาพี่จะพาสร้อยไปส่งที่ห้องนอนเลย...”แล้วผมก็อุ้มเธอเข้ามายังห้องนอน  ผมวางสร้อยลงบนที่นอน แล้วเดินไปปิดประตูห้อง......

.... ...ผมเริ่มเอามือเอื้อมไปถอดเสื้อของสร้อยพร้อมกับรูดขึ้นมาทางศรีษะของเธอ   จากนั้นก็เอื้อมมือไปปลดตะขอยกทรงของสร้อยออกออก เต้างาม ๆ ของสร้อยอวบอิ่มท้าทายสายตาผมมาก หัวนมน้องสร้อยเล็กนิดเดียว สีชมพูระเรื่อ ผมก้มลงดูดหัวนม ของสร้อยเบา ๆ   เสียงของสร้อยครางกระเส่า แอ่นหน้าอกให้ผมดูด  ผมรูดกางเกงขาสามส่วนของสร้อยลงไป พร้อมๆกับกางเกงในรูดกางเกง   รูปร่างของสร้อยนั้นทั้งสวยขาวและอึ๋มไปหมดทั้งตัว  ร่างขาวอวดท้าทายสายตาของผม ผมมองดูอย่างหื่นกระหาย  สร้อยเอื้อมมือปิดที่หัวนมและเนินพิศวง  มองผมด้วยสายตาหยาดเยิ้ม..

...ผมก้มลงไปฟอนจูบบนร่างนวลขาว  มือของผมเริ่มทำงาน ลูบไล้ไปบนร่างกายของสร้อย ชำแหระนิ้วลงไปบนร่องรูที่ปรกคลุมด้วยขนอุยดำมัน  ร่องรูฉ่ำน้ำรักเอ่อล้นออกมา  ผมเลื่อนกายลงมาจนหน้าอยู่ตรงร่องรูสวาทของสร้อย และก้มลงไปเลียที่ร่องรูของสร้อย เสียงสร้อยครางระงมดังลั่นห้อง ผมเลียไปที่ติ่งเสียวพร้อมๆกับเอานิ้ว แยงเข้าไปชักเข้าออกอย่างเร็ว สร้อยบิดกาย ดิ้นทุรนทุรายร้องลั่นอย่างไม่อาย   สักพักก็เอาขาหนีบหัวของผมเอาไว้แน่น  แอ่นกานผวา  สองมือจิกที่เส้นผมขยุ้มจนผมรู้สึกเจ็บ  แล้วสร้อยก็สะดุ้งร่างกายกระตุก  อาการบ่งบอกว่าเธอเสร็จไปแล้ว

....สร้อยนอนนิ่งอยู่พักแล้วดึงตัวผมขึ้นไปจูบปากแลกลิ้นพัลวัล  จากนั้นเธอก็ผลักผมให้นอนหงาย แล้ว ก็ควานมือมาที่เป้ากางเกงผมสอดมือเข้าไปในกางเกงแล้วคว้าท่อนเอ็นของผมมารูดขึ้น รูดลง ช้า ๆ  ผมรีบถอดเสื้ออก  สร้อยยังไม่ล่ะมือจากท่อนเอ็นของผม  ส่วนมืออีกข้างก็เอาเอานิ้วเรียวลูบไล้ไปตามแผงอกของผมมาหยุดที่หัวนม แล้วก้มลงมาเลียวนช้า ๆ  สร้อยสลับดูดหัวนมผมที่ละข้าง  ผมรู้สึกเสียววูบวาบ  สร้อยเริ่มลากลิ้นอุ่นๆเลงมาที่หน้าท้องขอลผม  ค่อยๆผ่านสะดือและถอดกางเกงของผมออก  มือของสร้อยยังจับท่อน เอ็นของผมไว้แล้วรูดเบา ๆ   ผมเสียววูบๆที่ท่อนเอ็น  และคาดว่าสร้อยคงจะใช้ปาก  แต่สร้อยก้ยังวนลิ้นอยู่แถวๆสะดือของผม  ไม่ยอมเลยลงไปดูดท่อนเอ็นของผมสักที ผมลุ้นอยู่นาน แต่สร้อยกลับเลยไปที่ต้นขาผมเลียที่ขาอ่อนผมแล้ววนกลับมาที่สะดือ  ไม่ยอมแวะทักทายท่อนเอ็นของผมสักทีเลย ผมจึงจับหัวของสร้อยแล้วกดไปตรงท่อนเอ็น  สร้อยขืนอยู่พักไม่ยอมอ้าปากงับท่อนเอ็นของผม

 " อูยส์...พี่....สร้อยไม่เคยทำ...พี่อย่าบังคัยสร้อยเลย..."

 " ก็สร้อยมายั่วจะทำให้พี่ก่อนนี่   แล้วสร้อยก็ไม่ยอมอมของพี่ซะที  พี่ค้างๆนะ "

....แล้วสร้อยก็ยิ้มเขินๆ   แล้วหลับตาพร้อมทั้งเอาลิ้นแตะที่ส่วนหัวของท่อนเอ็นของผมเบา ๆ  สร้อยเลียที่หัวท่อนเอ็นของผมจนน้ำของผมเริ่มเยิ้มออกมานิดหน่อย   มันยืดติดปลายลิ้นสร้อยออกมา เวลาที่สร้อยยกหัวขึ้น มันช่างเป็นภาพที่เร้าอารมณ์จริง ๆ   สร้อยเอาหลังมือปาดคราบน้ำรักของผมออกจากปาก  แล้วก้มลงไปอีกทีคราวนี้สร้อยอ้าปากอมท่อนเอ็นของผมทีเดียว จนเอ็นทั้งท่อนของผมหายเข้าไปในอุ้งปากของสร้อยจนหมดทั้งแท่ง

 " อูยส์...นั่นแหล่ะ...สร้อยจ๋า...พี่เสียวที่หัวจริง ๆ เลยสร้อย...สุดยอด...พี่รอให้สร้อยทำให้พี่มานานแล้ว.....โอ้ยยส์ "

...สร้อยก้มหน้าก้มตาดูดยกหัวขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เสียงดูดดังจ๊วบๆ  น้ำเงี่ยนผมจะแตกเสียให้ได้ในตอนนี้เลย ผมเกือบจะทนไม่ไหวต้องบอกให้สร้อยพอก่อน  ผมผลิกตัวกับมาอยู่ด้านบน แยกขาเรียวงามของสร้อยออกจากกัน แล้วผมก็จับส่วนหัวของท่อนเอ็นจ่อไปที่ร่องรูของสร้อย
 " อี้ย..อุยยสส์....."

สร้อยร้องครางเสียงหนักมากขึ้น  เมื่อผมเริ่มเอาส่วนหัวของท่อนเอ็นปักลงไป แคมสองข้างของสร้อยแบะออกจนเห็นได้ชัด ครูดหายไปตามท่อนเอ็นที่ผมกดลงไป ทีละนิด ๆ

 " อูยส์…….เจ็บพี่...เบา ๆ ก่อนนะ... อูยส์…….นั่นแหล่ะ.. อ้าววส์....สร้อยเสียวจังเลยพี่... "

...สร้อยร้องบอกผม เมื่อผมพยายามดันท่อนเอ็นเข้าไปให้ลึกขึ้นอีก  ผมจึงหยุดนิ่งแล้วค่อย ๆ ขยับตัวกดท่อนเอ็นเข้าไปทีละนิดทีละนิด  สร้อยยังขมิบรูรัดส่วนหัวของท่อนเอ็นผมไว้แน่น จนผมบุกรุกเข้าไปอีกไม่ได้

 " อย่าเกร็งสิสร้อย  ยิ่งเกร็งมันก็จะยิ่งเจ็บนะ  พี่จะค่อย ๆ เอาใส่เข้าไปเบาๆนะครับ คนดีของพี่ "
“อูยยย..พี่..ทำ..ไม..มัน...ไม่เข้า...อีกแล้ว...”

 ....ผมก้มตัวลงดูดนมของสร้อยเพื่อให้เธอหายเกร็ง สร้อยกอดผมแน่นบิดกายร้องอื่มมม... ผมดูดนมจนสร้อยผ่อนคลายลงไปได้เยอะ ผมจึงกดท่อนเอ็นเข้าไปถึงครึ่งลำ
 " อ้าววว....อาวา..... "
...สร้อยร้องครางออกมาพร้อมกระตุกไปทั้งตัว   ร่องรูของสร้อยเริ่มปล่อยน้ำเงี่ยนของเธอออกมารดท่อนเอ็นของผมมากขึ้น  มันจึงหล่อลื่นได้ดียิ่งขึ้น ผมจึงเริ่มซอยช้า ๆ พอขยับได้บ้างแล้ว
 " สร้อยค่อยๆเด้งเอวแอ่นเนินตามพี่  ขยับหน่อย เราจะเด้งสวนกันนะ"
 ....สร้อยกัดฟันหลับตาและทำตามผมบอกอย่างว่าง่าย  ความมันส์ไม่ปราณีใคร สร้อยเริ่มเด้งสะโพกแอ่นเนินสวนกับผม ผมจึงค่อย ๆสวนท่อนเอ็นเข้าไปในร่องรูของสร้อยแรงขึ้นเรื่อยๆ  จนกระทั่งผมดันกดท่อนเอ็นของผมหายพรวดเข้าไปจนมิดแท่ง  สร้อยผวาแอ่นกายหลังลอยจากพื้น  ผมรอจนสร้อยหายเกร็ง นอนลงหลับตาพริ้มสีหน้าแสดงความเจ็บปนเสียว ผมเริ่มซอยช้า ๆ เพื่อเพิ่มความเสียวให้กับสร้อย  เวลาที่ชักเข้าชักออกจากร่องรูของสร้อย  เธอจะครางกอดเอวของผมไว้แน่น ผมก้มลงประกบบดปากของสร้อย   เสียงหอบหายใจของสร้อยดังขึ้นเรื่อยๆสลับกับเสียงครางไม่หยุด  ตามจังหวะของการซอยกระแทกท่อนเอ็นของผม

" พี่เ....สร้อย..ม่าย..ไหว...แล้ว......" "
 “โอ้วววว...สร้อย....ทำ...มาย....เสียว...อย่างนี้......"

....ผมเริ่มซอยท่อนเอ็นเร็วขึ้น เร่งจังหวะ ทั้งแรงทั้งเร็ว  ความแน่นของร่องรูสร้อย  ทำให้ผมเสียวจนแทบจะกลั้นไม่ไหวแล้ว ผมเร่งความเร็วขึ้น  เสียงเนื้อหน้าขาของเรากระแทกกันดัง พั่บๆๆๆถี่ขึ้น
 " โอ้วววว...พี่....สร้อย...ทน...ไม่...หวาย....แล้ว....สร้อยจะ.....อ้ากกก...."
....ผมเองก็ ใกล้เต็มที่ จึงหยุดแล้วชักท่อนเอ็นออกจากร่องรูของสร้อย   ผมลุกขึ้นยืน  สร้อยเองก็กำลังจะเข้าสู่โค้งสุดท้ายถึงกับงงเพราะสะดุด  ผมจับตัวของสร้อยหันหลังโก่งตูดมาที่ผม  แล้วผมจัดท่าใหม่จับสร้อยยกขาข้างหนึ่งมาแนบไว้ทีเอวแล้วเลื่อนตัวเข้าไปประกบระหว่างกลางตัวของสร้อย  ผมจับท่อนเอ็นของผมยัดเข้าไปในร่องรูของสร้อย คราวนี้ท่อนเอ็นของผมเข้าง่ายมาก เพราะขาของสร้อยอ้าถ่างออกเยอะมาก ผมซอยท่อนเอ็นใส่จากด้านหลังของสร้อยต่ออย่างสุดมัน  อานุภาพของความเสียวซ่านทำเอาผมเผลอตัวร้องคราง  ผสานเสียงไปกับสร้อย  เสียงเนื้อกระแทกกันผสมเสียงน้ำเหงี่ยนดังเฉาะแฉะๆๆๆ
 " โอ้วววว...ระ..แรง....อีกพี่.....โอ้ยยย...สร้อย...จะ...ออก....ละ...แล้ว..........โอ้ย...เอาอีก...เร็ว ๆ อีก...แรง ๆ .อีกพี่แรงอีก...แรงอีก...สร้อย....ใก้ลจะออก...แล้ว.....ซีดส์...... อ่า...อ่ะ. ๆ ๆ ๆ.....อ้า...."
 " แฮ่ก ๆ ๆ ๆ พี่ก็ใก้ลจะออกแล้ว....."
....ผมซอยท่อนเอ็นใส่รูของสร้อยในท่านั้นอย่างลืมเหนื่อยลืมตาย จนกระทั่งผมไม่อาจเก็บกลั้นได้อีกต่อไป ผมก็ปล่อยน้ำเงี่ยนพุ่งกระฉูดเข้าไปในร่องรูของสร้อยอย่างมากมายล้นหลาม  น้ำเงี่ยนของผมทะลักทะล้นใหลย้อยออกมาจากร่องรูล้นเอ่อไปตามซอกขาของสร้อยแล้วหยดลงบนที่นอน ........ผมหมดแรงปล่อยขาของสร้อยที่หมดแรงเช่นกัน เธอนอนคว่ำหอบหายใจ ผมทิ้งตัว นอนฟุบทับลงไปบนแผ่นหลังของสร้อย  มือข้างหนึ่งเอื้อมไปกุมมือของสร้อยแล้วบีบเบาๆ......